ผมกรอก DS-160 สำหรับวีซ่า B2 (ท่องเที่ยว) ครบแล้ว จ่ายเงินแล้ว และวันนี้เข้าไปทำนัดที่สถานทูต กทม.
คิวว่างเริ่มตั้งแต่ 22 สิงหาคม เป็นต้นไปเลย !!!
ซึ่งนั่นคืออีก 20 กว่าวัน ปกติใช้เวลานานขนาดนี้มั้ยครับ พอดีเป็นครั้งแรกที่ยื่นวีซ่า USA

(ไม่ใช่อะไร...ตอนนี้ราคาตั๋วเครื่องบินกำลังดี กลัวซื้อช้าแล้วราคาไปไกล)

และผมมีเรื่องถามเพิ่มเติมครับเกี่ยวกับการสัมภาษณ์และพิจารณาวีซ่า

1. หลักๆ ทางสถานทูตพิจารณาอะไรครับ เพราะเห็นแค่มีกรอก DS-160 ที่เป็นแหล่งข้อมูลหลัก นอกนั้นก็บอกให้เตรียมพาสปอร์ต ใบนัด รูปถ่าย และเอกสารทางการเงินไป จะได้เตรียมคำตอบไปถูก
2. คำถามที่ทางนั้นถามส่วนมากถามอะไรบ้างครับ ใช่ถามเรื่องประมาณว่าจะไปไหน ไปกี่วัน ไปพักที่ไหน เคยไปไหนมาบ้าง ค่าใช้จ่ายใครจัดการ ฯลฯ ประมาณนี้หรือเปล่าครับ
3. เอกสารผมกะจะเตรียมไปแบบจัดเต็มเลย (แบบตอนยื่นเชงเก้นหรือออสเตรเลียเลย) ทางนั้นจะถามหาตอนสัมภาษณ์มั้ยครับ

จริงๆ ผมไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ครับ เพราะผมเป็นมนุษย์เงินเดือนรายได้ชัดเจน ทำงานที่บริษัทเดิมมา 10 ปีแล้ว มีแหล่งเงินเพียงพอ ไปคนเดียวมีแผนเที่่ยวแล้ว เอกสารสนับสนุนครบ ไม่มีคนรู้จักที่นั่น โรงแรมจองไว้แล้ว ขาดแต่วีซ่าผ่านและไปซื้อตั๋วเครื่องิบนเท่านั้น

ขอบคุณครับ

ลองดูช่องของ จอร์จ อะครับ ตอน IT'G NETYORK เค้าอธิบายเรื่องการขอวีซ่า แบบพอเข้าใจอยู่ ลองดูครับ

ไม่แปลกที่คิวนัดนานขนาดนั้นครับ ถ้าท่านว่างก็จองวันที่ใกล้ที่สุดไว้ก่อนแล้วแวะเข้าไปดูบ่อยๆ บางทีเวลามีคนอื่นยกเลิกก็จะมีคิววันที่ใกล้กว่ามากๆโผล่มาครับ

ส่วนคำถามอื่นๆที่ท่านถามก็ตามนั้นแหละครับ ถ้าท่านเคยขอวีซ่าประเทศอื่นๆ เกณฑ์การพิจารณาก็จะคล้ายๆกัน เตนียมเอกสารไปเยอะๆถูกต้องแล้วครับ

1. เค้าดูจาก DS160 ที่ท่านกรอกเลยครับ ยิ่งกรอกละเอียดยิ่งเป็นผลดีเพราะ จนท คุยกะคนๆนึงแค่ 2-3 นาทีเองครัย
2. แล้วแต่ดุลพินิจของ จนท เลยครับ ของผมนี่คุยกันเเค่สวัสดีครับ แล้วก้ถามอีกทีว่าไปทำไมแค่นี้เองครับ ส่วนครอบครัวผม(จอง pin ได้คนละรอบ ไม่มีคำถามเลยครับ)
3. เตรียมไว้ก็ดีครับ ของผมไม่ได้ดูเช่นกันครับ

วีซ่าเมกานี่ขึ้นกับดวงจริงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ครับ 555

จาก ปสก ผมไปสัมมาไม่ผ่านครับ

ทำงานมาสามปี เคยไปออสตอนเรียน เงินพ่อแม่

เขาน่าจะพิจารณาจากอายุงาน เงินเดือน ความผูกพันธ์ ภาระต่างๆที่ไทย

เรื่อง บัญชีธนาคาร หรือ จดหมายรับรองอันนี่แล้วแต่เขาจะเรียกดูรึเปล่าเรียกก็ได้ไม่เรียกก็ได้

ของผมคุยไม่ถึง 1 นาที บอกเสียใจด้วยครับ

บทสนทนาดังนี้

ทูต : ไปอเมริกากับใครครับ

ผม : คนเดียวครับ

ทูต : ทำงานอะไรครับ

ผม : ทำ XXX ที่ XXX มาสามปีแล้วครับ

ทูต : รู้จักใครที่นั่นรึเปล่า

ผม : ไม่รู้ครับ

ทูต : เคยไปต่างประเทศมาไหม

ผม : ออสเตรเลียครับ(พร้อมยื่นพาสปอร์ต)

ทูต : พิมพ์คอมแต๊กๆๆ หยิบใบขาวๆ เสียใจด้วยครับวีซ่าคุณไม่ผ่านพร้อมยกมือไหว้


สรุปไม่เรียกดูไรเลย ที่เตรียมไป สเตทเม้นท์เอย อะไรก็ไม่ดู จดหมายก็ไม่ดู ใบจองโรงแรมไม่ดู แล้วแต่ดวงจริงๆ

ผมไม่รู้เหมือนกันนะ เดี๋ยวนี้เป็นแบบไหนนานมากละ แต่ผมไม่เคยจองคิวเลย
กรอกเอกสารเสร็จปริ้นออกมา เตรียมไปแค่ ปชช พาสปอร์ต รูปถ่าย 3-4 ใบ
ถ้ามีใบจองที่พักก็ปริ้นมาด้วยได้
ตอนสัมภาษณ์ให้เลือกเป็นภาษาอังกฤษ
ถามง่ายมากเหมือนถามไปงั้นๆ
เขาอนุมัติเอกสารท่านมารอไว้แล้วหละ
เหมือนวันสัมภาษณ์ เขาแค่เรียกเรามาบอกว่าผ่านหรือไม่ผ่านแค่นั้นแหละ

ผมรอคิว 7 วัน ไปสัมฯ ไม่ผ่าน

กะไปเที่ยวซะหน่อย ขนาดมีพี่เป็นพลเมืองที่นู่นนะเนี่ย

1. หลักๆ ทางสถานทูตพิจารณาอะไรครับ เพราะเห็นแค่มีกรอก DS-160 ที่เป็นแหล่งข้อมูลหลัก นอกนั้นก็บอกให้เตรียมพาสปอร์ต ใบนัด รูปถ่าย และเอกสารทางการเงินไป จะได้เตรียมคำตอบไปถูก

- พิจารณาจากเงินในบัญชี่, เอกสารยืนยันในการทำงานเป็นหลักแหล่ง, ข้อมูลการเดินทาง, ประวัติการเดินทางของแต่ละบุคคล หลักๆคือประมาณนี้ครับ ถ้าคุณมีเอกสารเซ็นรับรองจากที่ทำงานว่าคุณเป็นพนักงานของที่บริษัทนี้ และมีเอกสารสัญญาการทำงานแบบสำเนาภาษาอังกฤษ ยื่นให้เค้าไปด้วยก็จะยิ่งง่ายขึ้นกว่าเดิมมากครับ

2. คำถามที่ทางนั้นถามส่วนมากถามอะไรบ้างครับ ใช่ถามเรื่องประมาณว่าจะไปไหน ไปกี่วัน ไปพักที่ไหน เคยไปไหนมาบ้าง ค่าใช้จ่ายใครจัดการ ฯลฯ ประมาณนี้หรือเปล่าครับ

- ส่วนมากถ้าเค้าดูแล้วคุณมีหลักฐานเพียงพอ เค้าแทบจะไม่ถามคำถามคุณเลยครับ
ส่วนใหญ่จะเจอก็แค่ ไปที่ไหน, ไปกี่วัน, แล้วจะกลับวันไหน, แล้วจะเที่ยวกันยังไง, แล้วมีญาติที่นู่นไหม

3. เอกสารผมกะจะเตรียมไปแบบจัดเต็มเลย (แบบตอนยื่นเชงเก้นหรือออสเตรเลียเลย) ทางนั้นจะถามหาตอนสัมภาษณ์มั้ยครับ

- เตรียมไปเผื่อดีกว่าขาดครับ ถ้าเค้าไม่เอาอันไหนเค้าก็จะยื่นกลับมาให้เราเองครับไม่ต้องห่วง

ปล. ที่สัมภาษณ์เมกานั้นไม่เหมือนที่อื่นครับ ง่ายๆ แถมเร็วมากด้วย (ไม่ถึง 10 นาที) แต่แนะนำว่า ไม่ต้องเอากระเป๋าอะไรติดไปทั้งนั้นนะครับ บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมรับฝากกระเป๋าข้างหน้า แนะนำให้เอาแต่เอกสารไปอย่างเดียวพอ

เอาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมเพิ่งได้มาเมื่อเมษานะครับ ผมขอท่องเที่ยว เพราะต้องไป

งานแต่งพี่สาวที่นั่นเดือนตุลา ขอกัน 7 คนรวดเดียวสัมภาษณ์พร้อมกัน

ผม ภรรยา พ่อ แม่ ป้า พี่สาวลูกป้า พี่ชายลูกป้า

ก่อนเข้ากังวลมาก เพราะมีผู้ใหญ่หลายๆคนเข้าไปแล้วไม่ได้

เลยบอกแม่ว่าไม่ได้เราไม่ต้อง

มาทำซ้ำเนอะ ไม่ไปก็ได้เพราะผมไปจากขอนแก่น

ใช้ค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกันแต่ละรอบ

ผมเป็นคนนำสัมภาษณ์ ที่เหลือรอทำตามผม

เข้าไปก็โดนถามตามแพทเทิร์น ไปทำอะไร ที่ไหน พักกับใคร

ที่เหลือท่านทูตจะเรียกเอกสารเพิ่มเติมแต่ละคน

ตามที่เขาสงสัยและต้องการรู้อะไรจากเรา

บ้านผมไปเขาไม่ดูสเตทเม้นอะไรเลย ไม่ดูของพ่อแม่ป้า

(3 คนนี้ไม่ดูซักอย่างเพราะรับราชการ จะเกษียณหมดละ)

ผมกับแฟนถูกถามว่าทำงานที่ไหนเงินเดือนเท่าไหร่

(ตรงนี้ผมไม่ได้เดินสเตทเม้น และเงินในบัญชีไม่เกินหมื่นมาหลายเดือน)

**ตรงนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าสเตทเม้นท์ไม่มีผล

ส่วนพี่สาวกับพี่ชายถูกซักอยู่นาน ซึ่งสุดท้ายโดนปฏิเสธวีซ่า

ได้ 5 โดนปฏิเสธ 2




ผมสรุปเอาเองแบบจับประเด็นที่โดนถามมานะครับ สรุปง่ายๆที่สุดคือให้มั่นใจในการตอบ

และอย่าโกหก เขาถามเพื่อเช็คว่าเราตอบตรงกับข้อมูลที่เขามีหรือเปล่า

ผมว่าเขามีข้อมูลเราทั้งหมด เราจะไปหาใคร ทำอะไรที่เมืองไทย มีเงินเท่าไหร่

ตอบให้ตรงกับที่เราเป็นแบบไม่อ้ำอึ้งก็พอ

จากที่เคยทำมา ไม่ผ่านรอบแรกครับ เหมือนไม่ถามอะไรเลย และให้เราไม่ผ่าน แบบ งงด้วยตอนนั้นยังเด็กอยู่ครับ ประมาณ ม.6

ไปรอบสองหลังจากที่ไม่ได้รอบแรก เจอคนสัมอีกคน ใจดีมากๆถามนู้นนี่ เราก็ตอบไปตามจริง ไปหาญาติไปเที่ยว สุดท้ายผ่านครับ แถมได้วีซ่ายาว 10 ปีเลย สงสัยเพราะมีญาติอยู่ที่นู้น

แต่สมัยนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ถ้าให้ดีก็เตรียมพวกเอกสารไว้เยอะๆแหละเอาชัวร์ไว้ก่อน

เพราะมีพี่เป็นพลเมืองน้่นแหละครับ เขามองว่าเราจะหนีวีซ่าง่าย เพราะมีอะไรรองรับไว้แล้ว

ผมเพิ่งขอวีซ่าให้แม่ผมมา และผ่านแล้วครับ (แบบงงๆด้วย)

ใช้เวลารอสัมภาษณ์นานประมาณนี้แหละครับ ตอนถึงวันสัมภาษณ์ให้รีบไปก่อนเวลาสักครึ่ง ชม. นะครับ เพราะต้องเข้าคิวอีก

หลักๆสถานฑูตจะดูเรื่องการเงินรองรับเป็นหลักแหละครับ และดูแรงจูงใจว่าจะต้องไม่มีแนวโน้มที่จะแอบไปอยู่นู่นถาวรน่ะครับ