ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เดอะค็อปบางส่วนจะไม่สบายใจ..
ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเช่นกันที่เดอะค็อปอีกบางส่วนที่เคยเข้าใจเจอร์เก้น คล็อปป์ จะหวั่นไหวไปกับความไม่สบายใจที่สัมผัสได้
ความไม่สบายใจจากผลการแข่งขันช่วงปรีซีซั่น
เกมรับที่เคยแน่นกลับหลวม เกมรุกที่เคยดุดันกลับด้าน
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับที่ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นจะแผ่ปกคลุมในกลุ่มเดอะค็อป
คนที่เคยหนักแน่นก็อาจหวั่นไหว ใครที่เคยอ่อนใจก็อาจจะยิ่งคอตก ชักความหดหู่เข้ามาสู่ตัว.. โดยไม่ตั้งใจ
อันที่จริงแล้วนี่คือความรู้สึกธรรมดามาก ถ้าไม่มีความรู้สึกเลยสิอาจจะบอกได้ว่าแปลก
เพราะเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง หากมีสิ่งแวดล้อมรอบตัว มีทีมคู่แข่ง มีแฟนบอลคู่แข่ง หันมองซ้ายขวาหน้าหลังต่างก็มีอะไรให้เปรียบเทียบทั้งสิ้น
มองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาเสริม โรดรี้ ให้แกร่งขึ้นอีก เหมือนเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เอา เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ มาปักหลักตรงกลาง โหดขึ้นกว่าเดิม
มองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาอาจไม่เสริมซูเปอร์สตาร์แต่ใช้เงินหนักแน่น 50 ล้านปอนด์แลกแบ๊กขวาผลงานระดับท็อปของลีกอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า ซื้อดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง แดเนี่ยล เจมส์ ต่อสัญญา ดาบิด เด เคอา แถมเก็บ ปอล ป๊อกบา เอาไว้ได้
ที่สำคัญคือผลงานปรีซีซั่นของทีมปีศาจแดงนั้นเลิศ.. แน่นอนครับ มีเรื่องให้เปรียบเทียบอีกแล้วเพราะผลงานเตรียมความพร้อมของหงส์แดงนั้นร่วง
มองอาร์เซน่อลที่ว่าสภาพคล่องไม่มีเลยก็ยังทำท่าจะได้ตัว นิโกล่าส์ เปเป้ ที่หลายทีมไขว่คว้า แถมฉลาดยืม ดานี่ เซบายอส มาช่วยตรงกลางอีกคน
หรือไปเปรียบเทียบกับทีมใหญ่อื่นๆ ในยุโรป เรอัล มาดริด กว้านซื้อแบบเขย่าวงการได้ เอแด็น อาซาร์ ได้ลูก้า โยวิช ได้เอแดร์ มิลิเตา ได้แฟร็กล็องด์ เมนดี้ บาร์เซโลน่าก็ไม่เบา แค่ อองตวน กรีซมันน์ กับ เฟร้งกี้ เดอ ยองก์ ก็สะเทือนไปหลายบาง ยูเวนตุสก็มัดใจ มาตไตส์ เดอ ลิกท์ ได้ แถมฉกของฟรีเกรดเออย่าง แอรอน แรมซี่ย์ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ทั้งยังดึง จานลุยจิ บุฟฟ่อน คืนถิ่นอีกคน
ก็เพราะมีข้อเปรียบเทียบแบบนี้ทั้งความเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะและผลงานช่วงปรีซีซั่น เลยปรากฏอารมณ์ออกมาแบบนี้ จนหลายคนเริ่มแสดงความรู้สึกที่ค่อนข้างรุนแรงออกมา
ก็.. ไม่แปลกอีกเช่นกันครับ นิสัยคนเรามีหลากหลาย บางคนเก็บความรู้สึกเก่ง บางคนแสดงออกเกินความรู้ืสึกจริง บางคนปากไวแต่ไม่มีอะไร บางคนนิ่งเงียบแต่ร้ายลึก ทุกทีมมีแฟนบอลหลากหลายแบบนี้เหมือนๆ กัน
สำหรับผม ถ้าถามว่าอยากเห็นลิเวอร์พูลชุดนี้มีใครอีก.. ผมจะตอบว่าอยากเห็นเซนเตอร์แบ๊กระดับท็อปอย่างเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มาอีกคน แล้วก็นักเตะอย่าง ซน ฮึง-มิน อีกคนพอแล้ว
นั่นคือความอยาก เป็นแค่ความอยากเห็นส่วนตัว แบบที่รู้สึกว่าถ้าได้มาคงดี ถึงใจดี เติมเต็มทีมให้แกร่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าไม่ได้.. ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ผิดหวัง ไม่หงุดหงิดอะไรเลย
การนิ่งเงียบของลิเวอร์พูลไม่ซื้อสตาร์ดังในตลาดซัมเมอร์นี้นั้นไม่ควรเป็นเรื่องที่ต้องฟูมฟายหรือตั้งคำถามคาดคั้นให้เจอร์เก้น คล็อปป์ต้องตอบว่าเพราะอะไร ทำไม หรืออย่างไร
ก็เพราะมันไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเรานี่ครับ บางครั้งเราอาจจะอินกับความรู้สึกของตัวเองมากไปหน่อยจนลืมสังเกตว่าเราจริงจังกับตลาดซื้อขายและความอยากความต้องการความปรารถนาเกินไปแล้ว
ซีเรียสจริงจังกับมันจนล้ำเส้นแบ่งบางอย่างไป
ล้ำเส้นแบ่งไปเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักการทำงานของเจอร์เก้น คล็อปป์และทีมงานมาก่อนเลย ล้ำเส้นไปจนเหมือนกับเราเป็นผู้จัดการทีมเสียเองและเรามีอำนาจขนาดจะซื้อใครก็ได้
ซื้อมากองๆ กันแล้วเลือกใช้ ใครเล่นไม่ได้ก็โยนทิ้ง
ความจริงมันคงไม่ใช่อารมณ์สุดโต่งขนาดนั้นหรอกครับ เดอะค็อปหลายคนน่าจะรู้สึกแค่ว่ามีสตาร์หรือนักเตะเกรดเอสักคนมาเสริมทีมให้กระชุ้มกระชวยขึ้นก็พอใจแล้ว พบกันครึ่งทาง
หากก็อย่างที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เตือนผ่านการสัมภาษณ์ันั่นล่ะครับ มันไม่ใช่การเล่นเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกเสียหน่อย นี่มันของจริง ชีวิตจริง นักเตะที่จะซื้อเข้ามามีภาระผูกพันที่สโมสรต้องรับผิดชอบจริงๆ ต้องจ่ายค่าเหนื่อยทุกสัปดาห์ ต้องบริหารความพอดีกับนักเตะในทีมที่มีอยู่
นับจนถึงวันนี้ 29 กรกฎาคม 2019 เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำงานกับลิเวอร์พูลมาเกือบ 4 ปีเต็มแล้วนะครับ
ผ่านตลาดซื้อขายมา 3 ซัมเมอร์ 4 วินเทอร์
มาร์โก กรูยิช มกราคม 2016
โจแอล มาติป ลอริส คาริอุส ซาดิโอ มาเน่ รักนาร์ คลาวาน อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กรกฎาคม 2016
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดมินิก โซลันกี้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน กรกฎาคม 2017
อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน สิงหาคม 2017
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มกราคม 2018
นาบี เกอิต้า ฟาบินโญ่ เซอร์ดาน ชากิรี่ อลีสซง เบ็คเกอร์ กรกฎาคม 2018
ต่อสัญญา ดิว็อค โอริกี้ 2019/20
ต่อสัญญา ซาลาห์ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาเน่ โรเบิร์ตสัน โจ โกเมซ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 2018/19
ต่อสัญญา เทรนท์ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 2017/18
ต่อสัญญา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ โกเมซ อดัม ลัลลาน่า เดยัน ลอฟเรน 2016/17
ไม่มีนักเตะคนไหนที่คล็อปป์ซื้อในลักษณะที่เขาใช้คำว่า Panic buy หรือซื้อด้วยความตื่นเต้น ลนลาน ซื้อโดยไม่มีเวลาไตร่ตรองอย่างละเอียดเลยแม้แต่คนเดียว
ย้ำว่าไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว.. ตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่ผ่านมา เพราะกระทั่ง ฟาน ไดค์ ที่ซื้อเข้ามากลางฤดูกาลก็ไม่ใช่การซื้อแบบตื่นตระหนก แต่เป็นการรอคอยอย่างอดทนนานกว่าเป้าหมายคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ
ในจำนวนนักเตะที่คล็อปป์ซื้อมาร่วมทีม บางคนซื้อมาเพื่อเป็นตัวหลักทันที บางคนซื้อมาเพื่อเป็นฟันเฟืองหรืออะไหล่ บางคนซื้อมาเพื่ออนาคต
มีคนที่ไม่เข้าเป้าอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้คำตอบดีว่าการลงตลาดนักเตะของคล็อปป์และทีมงานของเขานั้นได้ผลอย่างไร
ผมไม่ได้หมายความว่าคล็อปป์ทำอะไรก็ถูกไปเสียหมด ที่จริงแล้วทุกคนมีโอกาสทำผิดหรือตัดสินใจพลาดด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่อยากให้พิจารณาว่าเพราะอะไรเหตุผลของเขาถึงได้มีน้ำหนักอยู่เสมอ
ไม่ใช่เหตุผลที่เลื่อนลอย หากมีความชัดเจนรองรับ มีการอธิบายเป็นขั้นเป็นตอน 1-2-3-4 สามารถเข้าใจได้ไม่ยากถ้าเราพร้อมจะทำความเข้าใจ
แน่นอนครับเราอยากได้นักเตะในทีมชุดแรกกับชุดสองที่ใกล้เคียงกันอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้
มองปราดเดียวเราก็เห็นเหมือนกันหมด ทีมเรือใบไม่มี เซร์คิโอ อเกวโร่ ยังมี กาเบรียล เชซุส ไม่มี ราฮีม สเตอร์ลิง ยังมี ริยาด มาห์เรซ ไม่มี แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยังมี ลีรอย ซาเน่ ล่าสุดซาเน่ทำท่าจะย้ายไปบาเยิร์น มิวนิค เป๊ปก็เตรียมดึง มิเกล โอยาร์ซาบัล ปีกโซเซียดาดมาแทน
ส่วนลิเวอร์พูลถัดจากทีมชุดแรกอย่าง ซาลาห์-มาเน่-ฟีร์มีโน่ แล้วชุดสองอย่าง โอริกี้-เกอิต้า-ชากิรี่ หรือ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับชุดสองของทีมเรือใบ
เราเห็นปราดแรกเรายังรู้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคล็อปป์จะไม่รู้
คำตอบมันเห็นกันอยู่แล้ว คล็อปป์รู้ว่าทีมชุดสองที่เขามียังสู้แมนฯ ซิตี้ไม่ได้ แต่เขาแค่เชื่อมั่นในตัวนักเตะเหล่านั้น
ถ้ามาถึงตรงนี้แล้วเขายังไม่ขยับซื้อใครในดีลใหญ่ๆ มันก็ตีความได้ว่าอย่างนั้น เขาเชื่อในลูกทีมของตัวเอง เหมือนตอนที่พูดกับทุกคนในห้องแต่งตัวก่อนเกมกับบาร์เซโลน่าที่แอนฟิลด์นั่นแหละ
"จากผลนัดแรกดูแล้วเราไม่มีโอกาสเข้ารอบเลย แต่เพราะผมมีพวกคุณ ผมถึงรู้ว่ามันเป็นไปได้"
เขามั่นใจในโอริกี้-เกอิต้า-ชากิรี่-อ๊อกซ์-ลัลลาน่าหรือใครอีกก็ตามที่เขามีอยู่ในมือ คุณภาพอาจไม่ดีเท่าชุดสองของซิตี้หรอก แต่ลงสนามไปแล้วผมมั่นใจของผมก็แล้วกันว่าลูกทีมผมมีดีไม่แพ้คุณแน่
เพราะทุกคนเข้าใจฟุตบอลของเขา ทุกคนรู้จักฟุตบอลของเขาหลังจากได้เรียนรู้มาหนึ่งปีเต็มบ้างสองปีเต็มบ้างหรือนานกว่านั้น
ที่สำคัญคือลองมองย้อนกลับไปดูฤดูกาลที่ผ่านมาอีกครั้งนะครับ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เจ็บยาวทั้งซีซั่น เกอิต้ายังยึดตัวจริงไม่ได้ถาวร ชากิรี่ยังปรับตัวเข้ากับเกมของคล็อปป์ไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลก็ยังเก็บได้ 97 คะแนนในลีกและเป็นแชมป์ยุโรป
ได้อ๊อกซ์สมบูรณ์กลับมาและเกอิต้ากับชากิรี่เข้าใจเกมของเขามากขึ้นอีกปี รวมทั้งการได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองในสนามซ้อมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สิ่งที่คล็อปป์พูดคงเป็นสิ่งที่เขารู้สึกจริงแท้เลยล่ะครับที่ว่าเหมือนกับทีมซื้อนักเตะใหม่มาแล้ว 2-3 คน
นักเตะชุดสองที่ดีในระดับไม่กระจอกงอกง่อยและเข้าใจฟุตบอลของเขาเต็มเปี่ยมทั้งช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้รีดศักยภาพออกมาอย่างเต็มขีดเลย น่าจะดีกว่านักเตะชุดสองเกรดเอค่าตัวแพงค่าเหนื่อยแพงที่ซื้อเข้ามาใหม่แต่ต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่แถมยังถูกบีบกลายๆ ให้ต้องส่งลงเล่น
ไม่ใช่ไม่อยากได้หรอกนะครับ คล็อปป์อาจจะอยากได้บางคนที่เคยเป็นข่าวก็ได้ แต่ชั่งใจในเหตุผลหลายๆ ข้อแล้วเขาเลือกความเชื่อมั่นที่มีต่อลูกทีมที่บุกบั่นมาด้วยกันและยังไม่ได้เค้นพลังออกมาจนสุดก่อน เพราะมันคงไม่ยุติธรรมที่จะด่วนตัดสินพวกเขาเหล่านั้นซึ่งไม่ได้เล่นจากปัญหาสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือว่ายังไม่พร้อมสำหรับฟุตบอลของเขา
ยังไม่ได้รีดประสิทธิภาพของสามคนนี้ออกมาเต็มที่เลย ไม่อยากลองดูสักตั้งก่อนเหรอ
ขณะที่ประเด็นเรื่องไม่ซื้อมาเผื่อว่านักเตะตัวหลักเจ็บนั้นก็อธิบายได้ด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน ปัญหาบาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกทีม จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใครจะเจอแจ๊กพ็อตก็ไม่รู้
เราคงไม่ได้ซื้อนักเตะด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าเผื่อไว้แทนตัวหลักที่เจ็บหรอกนะครับ มันไม่ใช่เหตุผลในเชิงฟุตบอล ทั้งยังจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีเนื่องจากขนาดของทีมใหญ่เกินไป
ถ้าให้คาดเดาความคิดของเจอร์เก้น คล็อปป์ มันก็คงจะประมาณนี้ การทำงานที่ผ่านมาและการอธิบายเหตุผลต่างๆ ที่ผ่านมาบอกกับเราว่าวิธีการทำงานของเขานั้นเป็นอย่างไร และถ้าในช่วงเวลาระหว่างนี้จะมีการซื้อใครเกิดขึ้นแบบพลิกโผผมเชื่อว่ามันก็มาจากแผนงานที่วางเอาไว้แล้ว
ส่วนผลงานช่วงปรีซีซั่น.. ผมคิดว่าไม่มีโค้ชคนไหนใส่ใจกับมันมากไปกว่าประโยชน์ที่ทีมจะได้รับจากเกมนั้นๆ
ทุกเกมมีความหมายนะครับ เพราะมันหมายถึงการเติบโตและเรียนรู้ข้อผิดพลาดเพื่อที่จะแก้ไขให้ทันก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มขึ้น
เอาเข้าจริงผมยังมองว่าสำหรับปรีซีซั่นแล้ว.. บางทีแพ้ยังดีกว่าชนะเสียอีก เพราะคุณได้เห็นจุดบกพร่อง จุดอ่อน รูรั่ว และปัญหาของทีมชัดเจนกว่า
ไม่ใช่องุ่นเปรี้ยวหรืออะไรเลย ผมมองเกมปรีซีซั่นแบบนี้มาตลอด ไม่เคยสนใจผลการแข่งขันช่วงปรีซีซั่นเลย ปรีซีซั่นสวยหรูแต่ออกตัวหัวทิ่มก็มี ปรีซีซั่นห่วยแตกแต่เปิดหัวมาแล่นฉิวก็มี
ผลแพ้ชนะเกมปรีซีซั่นไม่ใช่คำตอบ ไม่ใช่ภาพสะท้อนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในฤดูกาลใหม่แบบร้อยเปอร์เซนต์ จะพูดว่าไม่สำคัญอะไรเลยก็พอได้ เพราะโค้ชจะมองรายละเอียดอื่นๆ มากกว่า เช่น นักเตะที่ทดลองใช้ตอบสนองดีแค่ไหน แท็คติกที่ทดลองเล่นได้ผลหรือมีแววขนาดไหน ดาวรุ่งที่ทีมงานชงขึ้นมาพร้อมที่จะเบ่งบานหรือยัง
แน่นอนครับ ขึ้นชื่อว่าแพ้คงไม่ใช่ความรู้สึกน่ายินดีหรอก แต่มันไม่ใช่ปัญหาหรือจุดที่ต้องโฟกัสเพ่งเล็งมากไปกว่าประโยชน์ที่ทีมได้รับจากเกมที่แพ้นั้น
ไม่ซื้อตัวดัง แถมปรีซีซั่นแย่ เดอะค็อปบางส่วนอาจไม่สบายใจ บางส่วนอาจหนักใจ บางคนหงุดหงิด บางคนอาจไม่รู้สึกอะไรเลย แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ก็คือเมื่อถึงเวลาที่ลิเวอร์พูลลงสนามนัดแรก เสียงเชียร์จะยังกระหึ่มเหมือนเดิม
และเดอะค็อปก็คงยังรักเจอร์เก้น คล็อปป์ เหมือนเดิม
ก็บ่นกันไปตามอารมณ์ บ่นกันไปตามความรู้สึก เข้าใจเหตุผลบ้างไม่เข้าใจเหตุผลบ้าง ปล่อยวางให้สบายๆ บ้างก็ดีครับ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป และฤดูกาลใหม่ก็มาถึงแล้ว..
#
https://www.siamsport.co.th/column/detail/71998