นั่งคิดถึงน้องที่เมลเบิน ก็คิดได้ว่าที่นั่นคง 3 โมงเย็นแระ
เลยเป็นที่มาของคำถาม

1.ทำไมโลกต้องหมุนรอบตัวเอง
2.ใช้แรงอะไร ในการหมุน
3.ดาวอื่นหละ จะหมุนด้วยมั้ย

ตั้งในพันทิปน่าจะกระจ่างเลย มีคนนึงตอบได้หมด ไม่รู้อ่านอะไรมาเยอะแยะ

ดาวทุกดวงหมุนหมดนะครับ ดวงอาทิตย์ก็หมุน ดวงจันทร์ก็หมุน

หรือแม้แต่ดาวพุธ ที่ดูเหมือนว่าจะหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ด้านเดียว อันนี้ก็หมุนเหมือนกิน

ส่วนแรงในการหมุนก็เป็นแรงที่เกิดมาตั้งแต่การถือกำเนิดครับ

ตอนเกิดมันหมุน มันก็เลยหมุนต่อไป

แต่ทั้งนี้ ก็จะมีดาวศุกร์ที่หมุนแปลกกว่าเค้าหมดเลย เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดครับ ได้แต่สันนิษฐาน

ะบบสุริยะก่อกำเนิดจากเนบิวลา (กลุ่มฝุ่นแก้สขนาดใหญ่ในอวกาศ) เมื่อแรงโน้มถ่วงบริวเวณใดบริเวณหนึ่งตรงใจกลางกลุ่มฝุ่นแก้สขนาดใหญ่นั้นมากกว่าบริเวณอื่น ก็จะเริ่มมีแรงดูฝุ่นแก้สจากส่วนใกล้เคียงเข้ามา

ฝุ่นแก้สที่รวมศูนย์กันตรงกลางนี้คือดวงอาทิตย์ในวัยทารก เมื่อมันดูดฝุ่นแก้สรอบๆเข้ามา ก็เป็นธรรมดาที่ก้อนฝุ่นแก้สใหญ่นั้นจะพยายามรักษาโมเมตัมเชิงมุม ดังนั้น เมื่อก้อนฝุ่นแก้สขนาดใหญ่นั้นยุบตัวเล็กลงมันก็จะเริ่มหมุน

เมื่อฝุ่นตรงกลางหนาแน่นพอ อะตอมของไฮโดรเจนถูกบีบเข้ารวมกัน มันก็จะเกิดปฏิกิริยาฟิวชันจุดระเบิดลุกสว่างขึ้นมาเป็นดวงอาทิตย์แบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ฝุ่นที่เหลือเล็กน้อย 1-2 % ก็แยกย้ากันรวมตัวขึ้นเป็นดาวเคราะห์ต่างๆเช่นดาวพฤหัส เสาร์ ไล่ขนาดมาเรื่อยๆจนถึงโลกเรา

ดาวเคราะห์ที่เกิดขึ้นตามคำอธิบายด้านบนก็สืบทอดแรงหมุนจากการยุบตัวของเนบิวลาไว้ ทุกดวงรวมทั้งดวงอาทิตย์จึงหมุนไปในทางเดียวกันหมด ซึ่งหากไม่มีแรงภายนอกมากระทำ มันก็จะหมุนไปแบบนี้ตลอดกาล
http://jimmysoftwareblog.com/node/2823

ดวงจันทร์ ไม่หมุนนะคับ โดนแรงไทดัล ล๊อกไว้ แค่โคจรรอบโลก

เป็นการช่วยเอากะลา ที่ครอบอยู่แถว ๆ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมุนเป็นวงกลม

เท่าที่มีการค้นพบมา ดาวทุกดวงหมุนนะ ส่วนนึงเกิดจากแรงทั้งภายในและภายนอกของดาว ทำให้ และการหมุนนี่เองด้วยส่วนนึงทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงขึ้นมา และแรงต้านมันไม่มีหรือมีน้อยมากๆมันก็เลยหมุนอยู่แบบนี้ยาวนานมากๆๆๆ


แต่ก็มีบ้างที่ไม่หมุนแต่หันด้านเดียวเข้าก็เกิดจาก tidal lock คือดาวบริวารนั้นอยู่ใกล้ดาวแม่มาก เลยเกิดการล็อคเกิดขึ้น

การหมุนและการเคลื่อนตัว (ห่างออกจากกัน) ของดาวต่าง ๆ ในอวกาศ
เกิดจากแรงเฉี่อยของการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล (big bang) ครับ

ขอถามแบบโง่ๆเลยนะครับ อันนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัว
1.ความจริงแล้วดวงอาทิตย์กับโลกและดาวเคราะห์บริวารดวงอื่นๆมันจะถูกดึงดูดเข้าหาดวงดาวที่เป็นจุดศูนย์กลางของการโคจรอย่างดวงอาทิตย์ใช่มั้ยครับ แต่เพราะดวงอาทิตย์ยังคงมีพลังความร้อนที่ทำหน้าที่เป็นแรงผลักดวงดาวต่างๆอยู่มันจึงไม่ถูกดึงดูดเข้าหากันผมเข้าใจถูกมั้ย
2.ถ้าเป็นจริงตามนั้นพอถึงตอนที่พระอาทิตย์หมดพลังงานและดับลง วัตถุต่างๆที่อยู่รอบๆจะถูกดูดเข้ามาหาดวงอาทิตย์ และถ้าแรงดึงดูดมันมากพออาจจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าหลุมดำใช่มั้ยครับ

ทุกสิ่งที่มีมวลจะมีแรงโน้มถ่วงเป็นของตัวเองหมดครับ
จะมากถึงขนาดดึงชาวบ้านเค้ามาเข้าหาตัวเองได้หรือเปล่า ก็ต้องสู้แรงกันหน่อย


ผมหาคลิปนึงที่ อ. (ต่างประเทศ) อธิบายเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วงให้นักเรียนดู ไม่เจอ
(จำ keyword ไม่ได้)

เห็นภาพชัด ๆ เลย


... เจอและ



มองภาพว่าผ้าใบสีฟ้านั่นคือสภาวะของอวกาศนะครับ
เค้าจำลองให้เห็นเป็นมุมมองแบบระนาบ 2 มิติ

แต่จริง ๆ มันเป็นแบบนี้ 360 องศา
(จากทฤษฏีที่คิดกันได้ตอนนี้)

เราเป็นแค่ แบคทีเรียตัวโคตรเล็กที่เกาะลูกโลกอยู่
มีนาฬิกาของชีวิตที่เดินช้ามากกกกกกกกกก
จนทำให้เหตุการในตัวอย่างเกิดขึ้นแป๊ปเดียว
แต่เราใช้เวลารับรู้เป้น ล้าน ๆ ปี

เท่าที่ผมรู้ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ

1. ดาวต่างๆ โคจรรอบกันเพราะแรงโน้มถ่วงที่เป็นผลจากมวล มวลมากดูดมาก ใกล้มากก็ดูดมาก แต่ที่มันไม่โดนดูดเข้าไป เพราะมันมีระยะห่างของมันพอดี ถ้าโลกเข้าใกล้ดวงอาทิตย์กว่านี้ ก็อาจถูกดูดเข้าไป

2. เชื่อว่าหลุมดำ เกิดจากการระเบิดและยุบตัวของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ ไม่น่าเกี่ยวกับการดึงดูดกันของดาวเคราะห์

ผมถามไม่เคลียร์เองครับ ที่ผมจะถามคือ ดวงดาวที่มีขนาดเล็กที่มีแรงดึงดูดไม่มากพออย่างเช่นโลกพอถึงตอนที่หมดพลังงานและดับลงจะทำให้ไม่มีแรงผลักและจะเกิดการยุบตัวแต่จะไม่ทำให้เกิดเป็นหลุมดำ และจะกลายเป็นแค่ดาวนิวตรอนใช่มั้ยครับ
แต่ดวงอาทิตย์ที่มีแรงดึงดูดมหาศาลพอถึงตอนที่หมดพลังงานและยุบตัวลงจะมีโอกาสเป็นหลุมดำได้ใช่มั้ยครับ

ผมไม่ชัวนะแต่คร้่าวๆในหัวที่พอจำได้ ดาวเคราะห์มีองค์ประกอบแต่ละแบบต่างๆกัน เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่หมดอายุก้อจะเปลี่ยนแปลงอันนี้จำไม่ได้ว่ารูปแบบไหน อาจจะอยุ่เฉยๆหรือแตกสลายอันนี้ไม่แน่ใจ
ส่วนดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ มีการคายพลังงานออกมาทั้งความร้อนและแสงและบนดาวเองก้อมีการระเบิดตลอดเวลาจำไม่ได้ว่านิวเคลียร์แบบฟิวชั่นรึฟิชชั่นพอถึงจุดหนึ่งที่ใช้พลังงานมากๆมันจะใหญ่ขึ้นๆและระเบิดก่อนจะยุบตัวลง จะเป็นหลุมดำไหมขึ้นกับมวลและขนาด ถ้าตามที่นักวิทยาศาสตร์บอกวันนึ่งดวงอาทิตย์กลืนโลกแน่นอนครับเราคงต้องไปหาดาวไหม่อยุ่แต่มันใช้เวลานานมากๆ

เหมือนผมเคยอ่านผ่านๆ ในหนังสือซักเล่ม เค้าสันนิษฐานว่าทุกวันนี้จักรวาลกำลังขยายตัว เปรียบเทียบจักรวาลเหมือนลูกโป่งแต้มจุด ที่ถ้าเป่าแล้ว จุดแต่ละจุดจะเริ่มห่างกันเรื่อยๆ
นักวิทย์ค้นพบว่าทุกๆ ปี ดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เซน อีกกี่ล้านปีนี่แหละ ดวงจันทร์จะลอยไปตามใจชอบ ไม่ใช่บริวารผูกติดกับโลกอีกต่อไป

ส่วนเรื่องดวงอาทิตย์ ถ้าจำไม่ผิดอีก 4500 ล้านปีมั้ง มันจะเผาผลาญเชื้อเพลิงจนหมด เหลือแต่ธาตุหนัก โลหะ แล้วดับลง ทุกวันนี้ที่ดวงอาทิตย์ไม่ยุบเพราะแรงโน้มถ่วงมหาศาลของตัวเองเพราะมันมีปฎิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นที่สร้างแสงอาทิตย์ร้อนๆ พุ่งออกมาคอยคานแรงโน้มถ่วงอยู่

แต่ถ้าเชื้อเพลิงหมดเมื่อไหร่ ทีนี้จะเหลือแต่แรงโน้มถ่วงอย่างเดียว ไม่มีอะไรคอยต้านการยุบตัว มันจะยุบลงจนเป็นดาวเคราะห์ขาว เห็นว่าดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่กว่าโลกร้อยเท่า หดลงมาเหลือแค่ไม่กี่สิบตารางกิโลเมตรมั้ง แล้วก็น่าจะกลายเป็นหลุมดำ

ถ้าดวงอาทิตย์เป็นหลุมดำ มันก็เป็นหลุมดำตรงนั้นแหละมั้ง ไม่น่ามีแรงดูดดาวอื่นๆ ในระบบสุริยะ

อันนี้ตามความเข้าใจผมที่ได้จากการอ่านหนังสือนะ อาจจะมีผิดไปบ้างเพราะอ่านนานมากแล้วตำไม่ค่อยได้

ใช้คำว่าระยะห่างพอดี ผมว่าไม่ค่อยชัดเจนนะครับ
มันจะกลายเป้นว่า งั้น ดาวศุกร์และดาวพุธที่อยู่ใกล้กว่าเรา ทำไมไม่โดนดูดเข้าไป

ถ้าอ้างตามคลิปก่อนหน้าที่ผมโพสไป มันมองได้ว่า
จริง ๆ แล้วดาวในกลุ่มระบบสุริยะของเราทุกดวง กำลังวิงเข้าหาดวงอาทิตย์ที่มีมวลและแรงดึงดูดมากที่สุดอยู่

เนื่องจากดาวเยอะ แรงโน้มถ่วงจากดาวอื่น ๆ ก็มีมาก/น้อย เป้นปริมาณมากตามไปด้วย (จำนวนดาว)
ทำให้ระยะต่าง ๆ มันมีส่งผลให้การเคลื่อนที่มีการคล่อมเลนกันเอง

ส่งผลให้เกิดการชักเย่อกันเองระหว่างดาวที่ ส่งแรงโน้มถ่วงประลองกำลังกันเอง
สมมุติ


Sun <<< > Earth <; > Mar

เขา (S) ไม่ได้ดูดเรา (E) ฝ่ายเดียว
เราก็พยายามดูดเขา (S)
และแน่นอน เราก็พยายามดูดคนอื่น (M)
รวมทั้งคนอื่น (M) ก็พยายามดูดเราด้วย