จริงๆแล้ว จะเทียบกันระหว่างสองคนนี้ก็ไม่ค่อยถูกนัก ด้วยหลายๆบริบท

แต่ก็อดเอามาเทียบไม่ได้ว่า การแก้ปัญหานักเตะวินัยเสีย ของทั้งสองทีม (ผู้จัดการทีม) มีการแก้ปัญหาที่ต่างกันพอสมควร

มามาดู ซาโก้




กองหลังที่พึ่งพาได้จากยุค ร๊อดเจอร์ มีส่วนช่วยทีมในปีที่ได้บี้แชมป์กับ (และจบที่รองแชมป์) ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวสำคัญในแผงรับของลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ดี หลังจากการเข้ามาของ JK สัญญาณไม่ดีเริ่มเกิดขึ้น

ปัญหาแรกของนักเตะรายนี้ คือการถูกตรวจโด๊ป และพบว่ามีการใช้สารกระตุ้น

ถึงแม้ว่าภายหลัง FIFA จะไม่แบนเพิ่ม แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจพบสารกระตุ้นก็ส่งผลให้

ซาโก้ไม่สามารถช่วยทีมในการลงเล่นนัดชิง ยุโรป้าลีค ที่พบเซบีญ่าได้ และลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายแพ้ไป

หลังจากนั้นสถานการณ์ของซาโก้แย่ลง โดนคล็อปป์ส่งกลับอังกฤษ ทั้งๆที่ทีมกำลังจะเริ่มทัวร์ ปรีซีชั่นที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากปัญหาวินัยของนักเตะ

หลังจากนั้นมีปัญหาระหองระแหงกันเริ่มหนักขึ้น ทั้งการมีข่าวต่อฝีปากกันระหว่าง คล็อปป์ กับ ซาโก้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์

จนสุดท้าย คล็อปป์ ส่งสัญญาณชัดเจนว่า "ซาโก้" ต้องถูก ดรอป

และคล็อปป์เอง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีที่ให้ ซาโก้ ในทีมอีกต่อไป โดยแม้ว่า ซาโก้เองก็ดื้อพอที่จะไม่ย้ายทีม แม้ว่าจะมีข้อเสนอจากสโต๊กเข้ามาก็ตาม แต่คล็อปป์ก็ไม่ใจอ่อน ส่งให้ซาโก้เล่นกับ U-23 ต่อไป

ใครที่ติดตามลิเวอร์พูลในช่วงฤดูกาลดังกล่าวของคล็อป ช่วงนั้น JK โดนกระแสแรงมาก ถึงทิฐิ และความดื้อของคล็อปป์ ที่ไม่ยอมใช้กองหลังอย่างซาโก้ลงมาช่วยทีม ทู่ซี้ใช้ลูคัส มาเล่นเป็น CB ด้วยซ้ำ จนทีมแพ้ติดๆกันและชวดโอกาสเล่นบอลถ้วยไปหลายนัด

แต่คล็อปป์ก็ยังไม่ยอมให้โอกาสซาโก้ลง

จนสุดท้าย ทีมปล่อยซาโก้ให้กับ คริสตัลพาเลส (ยืมตัว) และ ซาโก้ ก็ไม่ลืมความแค้นนี้กับการกระทำที่ ราดน้ำมันใส่แฟนลิเวอร์ทั่วโลก ด้วยการเข้าไปแสดงความยินดีกับ เบนเตเก้ ในเกมส์ที่ลิเวอร์ โดน คริสตันพาเลส กระซวกไส้แตก 2-1



และแน่นอนว่านั่นน่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของทั้งคล็อปป์ และเหล่าแฟนๆที่คอยเอาใจช่วยนักเตะรายนี้

สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ปล่อยให้ซาโก้ไปตามทาง คือย้ายไปพาเลสสมใจ



ทีนี้ลองมาเทียบกับกรณี Pogba กองกลางตัวเก่งของแมนยูกันบ้างครับ


พอล ป๊อกบา

Pogba เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้

ด้วยลุคที่มาพร้อมความมั่นใจ พร้อมทั้งเป็นเด็กเก่าแมนยู จึงทำให้แมนยูดึงตัว Pogba จาก ยูเวนตุส กลับสู่ โอลแทรฟอร์ด ด้วยค่าตัวเป็นที่ฮือฮาอยู่พักหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากการกลับเข้ามาสู่รั้วโอลแทรฟฟอร์ดแล้ว สิ่งที่หลายๆคนเห็น (รวมทั้งผู้ติดตามแกใน fb และ Ig ของ Pogba นั่นคือ "ฟอร์มไม่สนภาพลักษณ์มาก่อน" และนั่นเป็นสาเหตุให้ Pogba ถูกแฟนๆ ถามถึงเรื่องความทุ่มเทในสนามอยู่เสมอ



จริงๆ เรื่องมันเริ่มมาจากการวิจารย์ถึงป๊อกบา ในบอลโลก
โดยมูรินโญ่ บอกว่า ป๊อกบาเหมาะกับการเข้าค่ายทีมชาติ ที่ไม่ต้องมีโซเชียลใดๆให้วุ่นวาย นั่นทำให้นักเตะรีดฟอร์มได้เต็มที่ แต่กลับไม่ได้ผลแบบนั้นที่ยูไนเต็ด

และนั่นก็เหมือนการ "ด่า" ออกสื่อตรงๆของ ผู้จัดการรายนี้

อย่างไรก็ดี ด้วยความเป็นมืออาชีพ ทั้งคู่ยังคงร่วมงานกันต่อไปได้ โดยมูรินโญ่ ให้ Pogba ได้ปลอกแขนกัปตันทีม จนกระทั่ง...


ในเกมส์ที่ เสมอกับวูลฟ์ Pogba ได้ออกมาตำหนิการทำทีมของมูรินโญ่ ถึงการที่ทีมไม่ยอมเล่นเกมส์บุก

นั่นก็ทำให้มูรินโญ่ ฉุดขาดเช่นเดียวกัน เหมือนอารมณ์ลูกน้องมาสอนเจ้านายแบบนั้น

และสุดท้าย หลังจากที่ แมนยู แพ้ ดาร์บี้เคาท์ตี้ จนตกรอบในเกมส์ลีคคัพ

Pogba โดนถอดออกจากการเป็นรองกัปตันทีมด้วยซ้ำ

สุดท้ายปัญหาไม้เบื่อไม้เมาลามมาถึงจุดที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายของทั้งคู่ สำหรับการโต้เถีงกันในสนามซ้อมของมูรินโญ่และ Pogba



แต่สุดท้ายผลลัพธ์ของทีมแมนยู คือการที่ทีมเลือก "ไล่" ผู้จัดการทีมออก และตั้ง โซลชาร์ เข้ามาคุมทีมชั่วคราวแทน (ก่อนจะได้สัญญาภายหลัง)

และแน่นอนว่า ทันทีที่มีข่าวมูรินโญ่โดนไล่ออก Pogba ก็ไม่ลืมที่จะโพสภาพ แสดงความรู้สึกด้วยภาพนี้ใน IG ของตนเอง



.
.

อันนี้ผมมองว่ามันเป็นการ แสดงให้เห็นถึงปัญหาของการควบคุมนักเตะภายในทีมจริงๆ

ว่าระหว่างการเลือกสนับสนุนผู้จัดการทีม ในการปราพยศนักเตะ หรือจะเลือกซัพพอร์ทนักเตะคนสำคัญของทีม เป็นเรื่องที่จะส่งตามมาอย่างมหาศาล

ผมใช้คำว่า "ถึงขั้นทีมแตก" ได้เลย

เพราะหลังจากเคสที่มูรินโญ่โดนไล่ออก ก่อนหน้านี้ Daily mail ก็มีรายงานถึงการแบ่งพรรค แบ่งพวกกันในค่ายยูไนเต็ดด้วย

ว่าในสนามซ้อมแคร์ริงตันจะมีทั้งก๊วน ‘เพื่อนป็อกบา’ ที่ประกอบไปด้วย ลุค ชอว์, อันเดร์ เอร์เรรา, อ็องโตนี มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด

และกลุ่มผู้เล่นที่ไม่เอาด้วย ซึ่งก็จะเป็นผู้เล่นอายุมาก รวมถึง ลูกากู ที่ไม่เห็นด้วยกับป็อกบาและตีตัวออกห่าง ทั้งๆ ที่ตอนย้ายมาร่วมทีมสนิทกันมาก

ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูล หลังจาก "เชือด" ซาโก้ ให้ลูกทีมเห็น กลายเป็นว่าสปิริตในทีม ทัศนคติ และปัญหาส่วนตัวของนักเตะในค่ายเมอร์ซี่ไซด์ แทบจะไม่ปรากฏให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เลย

จริงๆแล้วอย่างที่บอกครับ ว่าทั้งสองเคสนี้ (ในตัวนักเตะ) มีบริบทที่แตกต่างกันพอสมควร การเอามาเทียบตรงๆก็คงไม่ถูกนัก

แต่อยากให้สมาชิกได้ลองดูว่า การที่ "ทีม" มีการแสดงออกต่อนักเตะที่วินัยเสีย แตกต่างกัน มันส่งผลกระทบกับทีมได้มากมายจริงๆ


เพื่อนๆคิดว่าอย่างไร สามารถแสดงความเห็นได้ครับ

ปล. ไทม์ไลน์ของฝั่งแมนยู /ป๊อกบา ผมอาจจะไม่แม่นมากนะครับ เพิ่มเติมได้ครับ

อ้างอิง

ขออนุญาตเสริมข้อมูลในส่วนของมามาดู ซาโก้นะคับ

หลังถูกแบนจากกรณีใช้สารกระตุ้น
ซาโก้บอกว่าไม่เคยใช้สารกระตุ้น แต่อาจจะเป็นตัวยาบางชนิดในยาลดความอ้วน(ของภรรยา)ที่เค้าทานเข้าไป
หลังจากนั้น มีการตรวจสอบอีกครั้งและพบว่าการตรวจมีความผิดพลาด ตัวยาที่พบทีแรก ไม่จัดอยู่ในหมวดของสารกระตุ้น

ซาโก้ถูกแบนฟรี เสียโอกาสทั้งการลงเล่นรอบชิงยูโรป้ากับลิเวอร์พูล
และหนักกว่านั้นคือมันส่งผลต่อการพลาดติดทีมชาติฝรั่งเศสในศึกยูโรปลายปีนั้น ซึ่งจัดที่ฝรั่งเศส
การถูกแบนทำให้เขาลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มไม่ได้ จึงถูกตัดชื่อออก ทั้งๆที่ในช่วงนั้นซาโก้ได้เป็นกองหลังตัวหลัก

แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ส่วนนึงก็เพราะมามาดู ซาโก้ ไปกินยาลดความอ้วนโดยพลการ ซึ่งตามหลักการสำหรับนักกีฬาอาชีพแล้ว
ก่อนการจะกินยาอะไรทำนองนี้ ต้องปรึกษาและได้รับการเห็นชอบจากทางแพทย์ประจำสโมสรก่อน

นั่นคือดอกแรก..

ต่อมาในช่วงพรีซีซั่นที่ต้องไปอุ่นเครื่องที่อเมริกา
ช่วงที่ทั้งทีมกำลังทัวร์คุกอัลคาทราช หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออยู่

จะมีจังหวะที่คล็อปกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่ออยู่(ผมไม่แน่ใจว่านักข่าว หรือ ทีมงานทำสกู้ปของทีม)
ซาโก้ที่กำลังถ่ายคลิปมือถือเล่นอยู่ก็เข้ามาแทรกระหว่างสัมภาษณ์ ปล่อยมุกอะไรสักอย่างกับคล็อป แล้วก็เดินออกไป

หลังจากนั้น(ในช่วงแข่งปรีซีซั่นที่อเมริกานั่นแหละ) เริ่มมีข่าวลือ(ยืนยันแหล่งข่าวที่แน่นอนไม่ได้)ออกมาว่า..
- ถึงจะดูยิ้มแย้มให้กับมุกตลกนั้นของซาโก้ แต่ความจริงแล้วคล็อปไม่พอใจนักกับเรื่องนั้น
- ซาโก้มักจะมาขึ้นรถรับส่งนักกีฬาสายอยู่เสมอ คาดว่าเพราะถ่ายคลิปอยู่
(ช่วงนั้นแกบ้าทำคลิปรายการอะไรสักอย่างมาลงโลกโซเเชี่ยลอยู่พักนึงมั้ง)
- ว่ากันว่าช่วงซ้อมซาโก้จะสนุกสนาน เฮฮา ตลอดเวลา แม้ในเซสชั่นที่ต้องการความจริงจัง

นั่นคือดอกสอง..

หลังจากเริ่มฤดูกาล ซาโก้เริ่มไม่ถูกส่งลงสนาม มีกระแสความขัดแย้งระหว่างคล็อป และ ซาโก้ ออกมาเรื่อยๆ
จนนักข่าวยิงคำถามถึงเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์ครั้งนึง คล็อปบอกว่าซาโก้มีปัญหาด้านความฟิต
หลังจากสัมภาษณ์นั้นของคล็อปไม่นาน ซาโก้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า.. เค้าไม่มีปัญหาด้านความฟิต พร้อมลงเล่นได้เต็มที่

แล้วปัจจุบันและอนาคตของมามาดู ซาโก้ ในทีมลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปก็จบลงตั้งแต่ตอนนั้น

ผมว่าแฟนลิเวอร์พูลทุกคนก็เห็นใจซาโก้มากนะคับ
แกเป็นคนนิสัยดี เฮฮา ในสนามก็สู้เต็มที่ นอกสนามก็ทำกิจกรรมดีๆ มีงานการกุศลอยู่เรื่อยๆ

แต่มองในมุมของคล็อปผมก็เข้าใจ การทำทีม โดยเฉพาะทีมของคล็อปการมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก
น่าเสียดายที่ข้อเสียไม่กี่อย่างของซาโก้ ดันเป็นเรื่องนี้


ปล.ทั้งหมดเท่าที่ผมจำได้นะคับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดตรงไหน ขออภัยไว้ด้วยนะคับ

มูรินโญ่ดร็อปป็อกบาบ่อยอยู่ครับ ให้เป็นสำรองช่วงที่มีปัญหากันน่ะ
แต่ดองไม่นานก็โดนปลด

เคสแบบนี้ เกิดขึ้นบ่อยที่ เชลซี นะผมว่า การที่นักเตะมาก่อนโค้ช การโอ๋นักเตะมากเกินไปจนทำให้โค้ชไม่ได้ทำงานเต็มที่
ตอนคอนเต้นี่ชัดสุดเลยแตกกับตี้บราซิล
อย่างว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปเยอะ ยิ่งยุคนี้โซเชี่ยลมีผลต่อชีวิตประจำวันของทุกคนมากๆ อะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวใหญ่ได้หมด

ปัญหาเดียวกันแต่ ระดับ(degree) ต่างกันพอสมควรครับเคสนี้

ด้วยมูลค่าความคาดหวังที่บอร์ดให้ไว้กับมูริญโญ่และป็อคบามากกว่าอยู่แล้ว
บอร์ดก็ไม่ได้สนับสนุนมูเต็มเหมือน JK ด้วยตามมุมมองผม
ยิ่งป็อกไปได้แชมป์โลกมาฝั่งปอกบาเองก็ยิ่งจะยอมงอให้ยิ่งยากไปใหญ่
ผมเห็นแค่คนเดียวที่ชี้ซ้าย-ขวากับปอกบาแล้วเจ้าตัวไม่บ่นได้มีแค่เดชองนะเท่าที่เห็น

ส่วนที่ปอกบาที่ยูเวนตุส มีสตาร์ในทีมเป็นตัวอย่างการทำหน้าที่ให้เห็นในสนามอยู่แล้ว
อย่างปิร์โล่หรือบุฟฟ่อนเลยไม่มีปัญหาอะไร

ในบรรดาโค้ชที่เข้าใจวัยรุ่นผมว่า หลุยฟานกัล น่าจะเหมาะกับตรงนี้ที่สุดละ
ผมชอบแกนะ

‘ซาโก้’ ไม่เคยถูกตรวจพบว่า ใข้สารกระตุ้น ครับ

เพียงถูกกล่าวหาว่า หรือ ถูกเชื่อได้ว่า

สุดท้ายพิสูจน์แล้วว่า ไม่มีการใช้สารกระตุ้น

ทำให้อนาคตของนักเตะคนนึงต้องพังพินาศลง

โดยที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งใดคืนมาได้เลย

เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปก่อนถูกแบนได้





Cr.ข่าวSS



มามาดู ซาโก้ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเฟรนช์แมนของ ลิเวอร์พูล พ้นผิดแบบลาขาดจากคดีใช้สารกระตุ้น

เมื่อเดือน มีนาคม ดาวเตะวัย 26 ปีตรวจโด๊ปหลังเกม ยูโรป้า ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ผ่านซึ่งเป็นผลจากการใช้ยาสลายไขมัน

นั่นส่งผลให้ปลายเดือน เมษายน อันเป็นช่วงสำคัญของซีซั่นที่แล้ว ซาโก้ โดน ยูฟ่า(สมาคมฟุตบอลยุโรป)สั่งแบน 30 วัน

ซาโก้ พ้นโทษตั้งแต่ปลายเดือน พฤษภาคม และ ยูฟ่า ยืนยันไม่แบนเพิ่ม

กระนั้นเกมยังไม่จบเพราะเมื่อเดือน กรกฎาคม องค์การต่อต้านสารกระตุ้นโลก(WADA) เตรียมยื่นเรื่องอุทธรณ์เอาผิด ซาโก้ อีกรอบซึ่งแน่นอนว่า เจ้าตัว และ "หงส์แดง" พร้อมฟ้องกลับ

อย่างไรก็ดีล่าสุด ซาโก้ คือผู้บริสุทธิ์อย่างเป็นทางการหลัง WADA ออกโรงคอนเฟิร์มตัดสินใจไม่อุทธรณ์คำตัดสินให้เจ้าตัวพ้นผิดจากทาง ยูฟ่า

ข่าวนี้อาจมาช้าไปเพราะสถานการณ์ปัจจุบันของ ซาโก้ ในถิ่น แอนฟิลด์ ไม่สู้ดีเท่าไหร่หลังลือกันว่ากุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ปลื้มพฤติกรรมของเจ้าตัวในการปรี-ซีซั่นแถมวันนี้มีกระแสอีกว่าเตรียมถูก ลิเวอร์พูล ปล่อยยืม

WADA องค์กรห่วยๆ ยังมีอีกหลายคดีที่มั่วซั่ว

ขออนุญาตเสริมข้อมูลในส่วนของมามาดู ซาโก้นะคับ

หลังถูกแบนจากกรณีใช้สารกระตุ้น
ซาโก้บอกว่าไม่เคยใช้สารกระตุ้น แต่อาจจะเป็นตัวยาบางชนิดในยาลดความอ้วน(ของภรรยา)ที่เค้าทานเข้าไป
หลังจากนั้น มีการตรวจสอบอีกครั้งและพบว่าการตรวจมีความผิดพลาด ตัวยาที่พบทีแรก ไม่จัดอยู่ในหมวดของสารกระตุ้น

ซาโก้ถูกแบนฟรี เสียโอกาสทั้งการลงเล่นรอบชิงยูโรป้ากับลิเวอร์พูล
และหนักกว่านั้นคือมันส่งผลต่อการพลาดติดทีมชาติฝรั่งเศสในศึกยูโรปลายปีนั้น ซึ่งจัดที่ฝรั่งเศส
การถูกแบนทำให้เขาลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มไม่ได้ จึงถูกตัดชื่อออก ทั้งๆที่ในช่วงนั้นซาโก้ได้เป็นกองหลังตัวหลัก

แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ส่วนนึงก็เพราะมามาดู ซาโก้ ไปกินยาลดความอ้วนโดยพลการ ซึ่งตามหลักการสำหรับนักกีฬาอาชีพแล้ว
ก่อนการจะกินยาอะไรทำนองนี้ ต้องปรึกษาและได้รับการเห็นชอบจากทางแพทย์ประจำสโมสรก่อน

นั่นคือดอกแรก..

ต่อมาในช่วงพรีซีซั่นที่ต้องไปอุ่นเครื่องที่อเมริกา
ช่วงที่ทั้งทีมกำลังทัวร์คุกอัลคาทราช หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออยู่

จะมีจังหวะที่คล็อปกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่ออยู่(ผมไม่แน่ใจว่านักข่าว หรือ ทีมงานทำสกู้ปของทีม)
ซาโก้ที่กำลังถ่ายคลิปมือถือเล่นอยู่ก็เข้ามาแทรกระหว่างสัมภาษณ์ ปล่อยมุกอะไรสักอย่างกับคล็อป แล้วก็เดินออกไป

หลังจากนั้น(ในช่วงแข่งปรีซีซั่นที่อเมริกานั่นแหละ) เริ่มมีข่าวลือ(ยืนยันแหล่งข่าวที่แน่นอนไม่ได้)ออกมาว่า..
- ถึงจะดูยิ้มแย้มให้กับมุกตลกนั้นของซาโก้ แต่ความจริงแล้วคล็อปไม่พอใจนักกับเรื่องนั้น
- ซาโก้มักจะมาขึ้นรถรับส่งนักกีฬาสายอยู่เสมอ คาดว่าเพราะถ่ายคลิปอยู่
(ช่วงนั้นแกบ้าทำคลิปรายการอะไรสักอย่างมาลงโลกโซเเชี่ยลอยู่พักนึงมั้ง)
- ว่ากันว่าช่วงซ้อมซาโก้จะสนุกสนาน เฮฮา ตลอดเวลา แม้ในเซสชั่นที่ต้องการความจริงจัง

นั่นคือดอกสอง..

หลังจากเริ่มฤดูกาล ซาโก้เริ่มไม่ถูกส่งลงสนาม มีกระแสความขัดแย้งระหว่างคล็อป และ ซาโก้ ออกมาเรื่อยๆ
จนนักข่าวยิงคำถามถึงเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์ครั้งนึง คล็อปบอกว่าซาโก้มีปัญหาด้านความฟิต
หลังจากสัมภาษณ์นั้นของคล็อปไม่นาน ซาโก้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า.. เค้าไม่มีปัญหาด้านความฟิต พร้อมลงเล่นได้เต็มที่

แล้วปัจจุบันและอนาคตของมามาดู ซาโก้ ในทีมลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปก็จบลงตั้งแต่ตอนนั้น

ผมว่าแฟนลิเวอร์พูลทุกคนก็เห็นใจซาโก้มากนะคับ
แกเป็นคนนิสัยดี เฮฮา ในสนามก็สู้เต็มที่ นอกสนามก็ทำกิจกรรมดีๆ มีงานการกุศลอยู่เรื่อยๆ

แต่มองในมุมของคล็อปผมก็เข้าใจ การทำทีม โดยเฉพาะทีมของคล็อปการมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก
น่าเสียดายที่ข้อเสียไม่กี่อย่างของซาโก้ ดันเป็นเรื่องนี้


ปล.ทั้งหมดเท่าที่ผมจำได้นะคับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดตรงไหน ขออภัยไว้ด้วยนะคับ

ซาโก้มันไม่ได้ใช้สารกระตุ้นนี่ โดนแบนฟรี

ผมว่าคนละบริบทแบบที่เกริ่นตอนแรกแหละครับ คนนึงปัญหาเรื่องวินัยกับอีกคนขัดแย้งส่วนตัว แถมความสำคัญต่อทีมก็ต่างกัน

จำได้ว่ามูทั้งดรอป ปลดจากกัปตัน ทั้งดันดาวรุ่งขึ้นมาเล่นแทน(แมคโท) ก็ค่อนข้างโหดมากแล้วครับ
แต่การจะโชว์ความเด็ดขาดแต่ไม่ยอมใช้งานสตาร์อันดับ 1 ของทีม ผมว่าเสียของนะ ที่ทำมาด้านบนนั่นก็ลงโทษไปเยอะละกับปัญหาขัดแย้งส่วนตัว

ถ้าจำไม่ผิดที่โก้แทรก สัมฯ ของคล็อป สถานที่เหมือนเป็นคุกเก่าหรือไรมั้ง
แล้วโก้แทรกประมาณว่า คุณจะอยู่ที่นี้ถึงเมื่อไหร่ แล้วขำ

รูปที่เท่าที่จำได้คือ Sponsor Post Auto มั้งตอนนั้นที่ออกมาแก้ข่าว
สังเกตมี #Adidas

เสริมให้อีกครับ.... คล็อปเลยตอบแบบยิ้มๆว่า ผมไม่ได้อยู่หรอก
แต่คุณต่างหากที่จะได้อยู่ที่นี้แทน หลังจากนั้นโก้ก็โดนเชือดเลย...

ทำไมไปจับแค่ประเด็นนั้นในการไล่มูรินโญ่ล่ะ

ไม่รู้นะ ในช่วงนี้ที่แมนฯยูฯจะอะไรๆก็ดูไม่ดีไปหมด
ผมกลับมองว่า ส่วนบริหารจัดการของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดีไม่แพ้ทีมไหนในโลกครับ
ไช่อยู่ที่ 1-2 ปีนี้แฟนบอลเริ่มมีด่าไปถึงบอร์ดฯแมนฯยูฯ แต่ทีมก็พึ่งจะมาเป็นในช่วงยุคของมูรินโญ่นี้เองไม่ไช่
หรอ



นักเตะฟอร์มไม่ดี -> มีผลกระทบต่อตัวเอง -> ส่งผลไปถึงการแข่งขันและ การรับผิดชอบของคนที่ใหญ่กว่าคือ -> ผจก.ทีม

ผจก.ทีม ได้ผลการแข่งขันไม่ดีผลงานทีมไม่ดี -> แก้ไขปัญหาในสนามไม่ได้ -> ทำตามข้อตกลงในสัญญาที่เซ็นต์ไว้ไม่ได้ -> กระทบไปถึงรับผิดชอบของคนที่ใหญ่กว่าคือ -> บอร์ดบริหาร

บอร์ดบริหาร -> วนแบบเดิมแล้วใครล่ะใหญ่กว่าบอร์ดฯ -> ก็แฟนบอล/ผู้ถือหุ้นและเหล่าสปอนเซอร์ไง


บอร์ดฯจะลงไปยุ่งกับป็อกบาทำไมในกรณีนั้น เค้าก็ต้องงานในหน้าที่งานเค้าสิ

ผมไม่ได้ชอบนักเตะสไตล์ป็อกบานะ
แต่ลองมาแยกเป็นรูปธรรมระหว่าง ป็อก กับ มูฯ ดูสิ

ป็อกทำร้ายทีมแบบไหน ป็อกทำเพื่อนทีมแบบไหน
มูทำร้ายทีมแบบไหน มูทำเพื่อทีมแบบไหน
เอาแค่เรื่องในหน้าที่ตัวเองในทีมในแบบรูปธรรม

แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าใครไม่ควรอยู่ต่อในตอนนั้น

ความสำคัญต่างกันอะ ป็อกบา นักเตะอันดับ 1 ของทีม ซาโก้ กองหลังจะบอกว่าดีสุด ก็ต้องถามลอฟเลนก่อนอะ ผมรู้สึกพอๆกัน คล็อปตัดสินใจง่ายกว่าเยอะ แต่ผมก็อยากรู้ ถ้าตัดป็อกบาออกจากทีม แมนยูจะดีขึ้นป่าว