ทำไมเชลซีถึงโดนแบนจากการซื้อนักเตะ?
คำตอบคือ พวกเขาทำผิดกฎของฟีฟ่า เรื่องการซื้อนักเตะเยาวชน
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ต้องเริ่มจากการอธิบาย พฤติกรรมการซื้อนักเตะของเชลซี
แนวทางของเชลซีในระบบอคาเดมี่ คือเน้นกว้านซื้อนักเตะมาจากทั่วโลก จากนั้นก็ปล่อยให้ทีมอื่นยืม นักเตะคนไหนที่คิดว่าเล่นได้ดี มีพัฒนาการ ก็จะดึงกลับมาติดทีมชุดใหญ่
ตัวอย่างเช่น อันเดรียส คริสเตนเซ่น เชลซีไปดึงมาจากเดนมาร์กตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนจะปล่อยให้มึนเช่นกลัดบัคยืมตัว 2 ซีซั่น และพอกล้าแกร่งมากขึ้น ก็ดึงกลับมาทีมชุดใหญ่
ด้วยกลยุทธ์แบบนี้ เชลซีไปดึงผู้เล่นดาวรุ่งมาจากทีมอื่นๆ ในราคาถูกๆ คือเหมาเอามากองรวมกันไว้ ถ้าเล่นดีก็ปั้นต่อ แต่ถ้าฝีเท้ากลางๆไม่เด่นมาก ก็ขายทิ้งเอากำไร
นาธาน อาเก้ โดนเชลซีดึงมาจากฮอลแลนด์ตั้งแต่อายุ 16 เชลซีปล่อยยืม 3 ครั้งให้เรดดิ้ง, วัตฟอร์ด และ บอร์นมัธ คือนักเตะก็พอใช้ได้ แต่ยังไม่ดีพอที่จะเป็นตัวจริงสม่ำเสมอกับเชลซี ดังนั้นสโมสรก็เลยขายทิ้งให้บอร์นมัธ ทำเงินไปเพียวๆ 20 ล้านปอนด์ กำไรเน้นๆ
แบร์ทร็องด์ ตราโอเร่ ดาวเตะชาวบูร์กิน่าฟาโซ ถูกเชลซีดึงมาตั้งแต่อายุ 15 พอปั้นไม่ขึ้น ก็ขายให้โอลิมปิก ลียง ได้เงินไป 8.8 ล้านปอนด์
นี่คือหนทางที่เชลซีเลือกเดินในตลาดนักเตะ นั่นคือปั้นดาวรุ่งท้องถิ่นอังกฤษขึ้นมา อย่าง รูเบน ลอฟตัส-ชีค หรือ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย แต่ก็กว้านซื้อดาวเตะต่างชาติเข้ามาด้วย
นโยบายของเชลซี เป็นแนวทางที่น่าสนใจ และดูได้ผลดีสำหรับทีมใหญ่
อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ ไม่ใช่สิ่งที่องค์กรอย่างฟีฟ่าต้องการ เพราะ การซื้อนักเตะต่างชาติอายุน้อยๆ มันมีปัญหาเยอะแยะไปหมดที่พร้อมจะตามมา
ข้อ 1 คือตัวนักเตะเยาวชนจะโดนบีบคั้นมากเกินไปตั้งแต่อายุยังน้อย
กล่าวคือถ้าคุณต้องไปต่างบ้านต่างเมือง เพื่อเล่นกับสโมสรที่ตัวเองไม่รู้ภาษาอะไรเลย และมีแรงกดดันมหาศาล ต้องเล่นให้ดีที่สุดในทุกวัน เพื่อโอกาสเซ็นสัญญานักเตะทีมชุดใหญ่
หลายๆคน ถ้าปั้นไม่ขึ้น ก็พร้อมโดนทีมใหญ่เฉดหัวส่ง ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น หนังสือก็ไม่ได้เรียน และฟุตบอลเมื่อไม่มีทีมแล้ว ก็กลายเป็นว่าชีวิตเคว้งคว้าง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ดังนั้น เด็กๆ ในวัย 14-18 ปี ในมุมของฟีฟ่า ควรถูกพัฒนาไปเรื่อยๆในประเทศที่ตัวเองอยู่ และได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ไม่ใช่ต้องมาแบกรับความเครียดตั้งแต่อายุน้อย
ฟุตบอลควรเป็นความสนุก ไม่ใช่ความกดดัน
ข้อ 2 คือ ถ้าหากปล่อยให้มีการซื้อขายนักเตะอายุน้อยๆได้ ทีมเล็กๆจะเสียเปรียบมาก
สัญญาของนักเตะเยาวชน ค่าฉีกนั้นไม่ได้แพงมาก ในระดับ 5 ล้านปอนด์ก็เยอะมากแล้ว
นั่นแปลว่า สโมสรเล็กๆ แม้คุณจะอยากเก็บดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้ไว้แค่ไหน แต่ถ้าทีมใหญ่สนใจ ก็เอาเงินฟาดหัว ทีมเล็กก็ต้องยอมปล่อยแบบทำอะไรไม่ได้
ทีมใหญ่ ไล่เอาเงินไปฟาดทีมเล็กๆเพื่อกว้านเอานักเตะดาวรุ่งของโลก มากองรวมกัน ใครปั้นได้ ก็ปั้น ปั้นไม่ได้ก็ปล่อยทิ้ง
แทนที่ทีมต่างๆ จะมีโอกาสเติบโตขึ้น และพัฒนาทีมให้แกร่งไปพร้อมๆกับดาวรุ่งหน้าใหม่ กลายเป็นว่า มีแต่ทีมใหญ่ที่โตขึ้นๆ เพราะ คนเก่งๆไปกองรวมกันหมดแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ฟีฟ่าออกกฎสำคัญคือ Protection of Minors
เนื้อหาหลักๆคือ ห้ามซื้อขายนักเตะก่อนผู้เล่นอายุ 18 ปี
มีเงื่อนไขยกเว้นนิดหน่อยเช่น สโมสรในยุโรปด้วยกัน ซื้อขายกันได้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่สโมสรต้องจัดหาโรงเรียน หรือ วิชาชีพอื่นๆนอกเหนือจากฟุตบอลให้ด้วย
สำหรับเชลซี มีการซื้อนักเตะอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 92 คน ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ฟีฟ่าตรวจเช็กแล้ว 63 คน ไม่มีปัญหา แต่อีก 29 คน ติดปัญหา คือบางคนเชลซี ไปคว้าตัวมาจากชาตินอกยุโรป ก่อนอายุ 18
บางคนซื้อจากทีมในยุโรปจริง แต่ซื้อก่อนผู้เล่นจะอายุ 16 เสียอีก อย่างเคสของ แบร์ทร็องด์ ตราโอเร่ เชลซีอ้างว่าซื้อเซ็นสัญญากับผู้เล่นตอนอายุ 18 แต่มีการค้นหลักฐานแล้วพบว่า ตราโอเร่ มาอยู่ศูนย์ฝึกเชลซีตั้งแต่อายุ 15 ปีแล้ว
นั่นคือเหตุผลที่ฟีฟ่าสั่งแบนเชลซี ห้ามซื้อขายนักเตะ 2 รอบตลาดนักเตะ และปรับเงินเกือบ 20 ล้านบาท
คุณไม่สามารถแอบเซ็นนักเตะอายุน้อยๆได้ เรื่องนี้ฟีฟ่าชัดเจน และมีจุดยืนที่แข็งมาก
ไม่ใช่แค่เชลซี แต่แอตเลติโก้ มาดริด กับ เรอัล มาดริดก็ยังโดนมาแล้ว ซึ่งถ้าหากข้อแก้ต่างเชลซีไม่หนักแน่นจริงๆ รับรองว่าเสร็จแน่
ถ้าฟีฟ่า ไม่มีหลักฐาน ก็คงไม่ประกาศออกมาแต่แรก การออกมางัดข้อกับทีมใหญ่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกเขาต้องมีข้อมูลที่รัดกุมมากพอ ถึงกล้าแถลงการณ์แต่แรก
สำหรับเชลซี ยังสามารถอุทธรณ์กับฟีฟ่าได้ และสามารถอุทธรณ์ต่อไปถึงศาลกีฬาโลกได้ด้วย แต่เชื่อเถอะ ว่า ไม่รอดแน่นอน
----------------------------------------------
การห้ามซื้อขาย 1 ปีเต็ม สร้างอิมแพ็กต์อย่างใหญ่หลวงให้กับเชลซี ณ เวลานี้
ตอนนี้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำทีมเชลซีไม่มีทรง พวกเขาตกรอบเอฟเอคัพ ขณะที่พรีเมียร์ลีก ตอนนี้ก็อยู่อันดับ 6 ซึ่งถ้าเทียบฟอร์มกับคู่แข่งที่บี้กันอยู่ อย่างแมนฯยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ต้องบอกตรงๆว่า เชลซี น่าเป็นห่วงสุด
ลองคิดดูว่า ถ้าเชลซีไม่ติดท็อปโฟร์ และไม่ได้แชมป์ยูโรป้า นั่นแปลว่า พวกเขาจะไม่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้า
ในฤดูกาลหน้า เป็นปีก่อนฟุตบอลยูโร และก่อนโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งแปลว่านักเตะทุกคนต้องเค้นฟอร์มให้ดีที่สุด ถ้าอยากจะติดทีมชาติ
การได้อยู่กับสโมสรที่ได้เล่นในถ้วยใหญ่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีกจึงมีความสำคัญมาก
ซึ่งก็ไม่แปลกเลย ถ้านักเตะชั้นนำ จะขอขึ้นบัญชีย้ายทีม เพื่อไปหาทางเลือกที่ดีกว่า
ซื้อใครก็ซื้อไม่ได้ แถมยังโดนบีบบังคับให้ขายผู้เล่นที่มีทิ้งอีกต่างหาก
คู่แข่งทีมอื่นในพรีเมียร์ลีก ต่างเดินหน้าช็อปปิ้งกันอย่างเมามันส์ แต่เชลซีกลับต้องใช้กลุ่มผู้เล่นที่มีอยู่
แล้วทีมที่มีอยู่ ก็เห็นกันอยู่ว่า ซาร์รี่ ทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละ ถ้าไม่มีผู้เล่นใหม่ๆมาช่วย รับรองว่าแผนซาร์รี่บอล ก็โดนจับทางได้ง่ายๆเหมือนเดิม
มันหมายความว่า จากตอนนี้ก็โดนแมนฯซิตี้,ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส ฉีกทิ้งไปพอสมควรแล้ว เชลซี อาจโดนหนีห่างไปไกลมากกว่านี้ นี่เป็นเรื่องที่สมควรจะวิตกอย่างยิ่ง
แล้วข่าวลือที่ว่าถ้าแพ้แมนฯซิตี้ ซาร์รี่จะโดนเด้งออกจากตำแหน่ง ถ้าเป็นก่อนจะโดนแบนการซื้อขาย ก็อาจเป็นจริง แต่มานาทีนี้ ถ้าปลดซาร์รี่ จะมีโค้ชระดับโลกคนไหน พร้อมมาคุมเชลซี?
ซีดาน? ซิมิโอเน่? หรือ โลรองต์ บลองค์?
ซื้อนักเตะก็ไม่ได้ แถมตัวหลักอาจย้ายทีม ด้วยสภาวะแบบนี้ โค้ชระดับโลกไม่ย้ายมาให้เปลืองตัวหรอก
นั่นหมายความว่า ถ้าปลดซาร์รี่ เชลซีก็จะเหลือแต่อ็อปชั่นโค้ชเกรด B ซึ่งไม่ได้ทำให้ทีมพัฒนาต่อไปแน่
ดังนั้นช่วง 1 ปีจากนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ของจริง ของทุกคนในทีมเชลซี ว่าจะช่วยฝ่าฟันวิกฤติไปได้หรือไม่
ผู้บริหาร จะรักษาคีย์แมนได้แค่ไหน ขณะที่นักเตะเราจะได้เห็นกันว่า ใครที่พร้อมอยู่ช่วยเชลซีในยามลำบาก เหมือนเคสอ็องตวน กรีซมันน์ เห็นว่าแอต.มาดริด ซื้อนักเตะไม่ได้ ก็เลยยอมอยู่ช่วยทีมต่อ น่าสนใจว่าจะเห็นอะไรแบบนั้นที่เชลซีหรือไม่
เช่นเดียวกับแฟนๆ ถ้าหากว่าในซีซั่นหน้า ถ้าทีมแพ้ต่อเนื่องหลายนัด จะยืนหยัดเคียงข้างทีมได้แค่ไหน
มีหลายอย่างที่ต้องรอติดตามดู ในซีซั่นหน้า
CR.วิเคราะห์บอลจริงจัง
https://www.facebook.com/jingjungfootball/posts/2193233654225206/