ขอถามความเห็นนะครับทั้งคนจบมหาลัยตามกำหนดและคนจบช้ากว่ากำหนด

คนที่จบมหาลัยตามกำหนดเค้าจะมองว่าคนจบช้าเป็นคนไม่ได้เรื่องไหมครับ

แล้วช่วงสมัครงานบริษัทคนที่จบช้าเวลายื่นสมัครจะได้งานยากไหมครับ ถ้าเกรดไม่สวย

ผมจบช้าไป ปีกว่า เกือบจะ 2ปีด้วยซ้ำ
ช่วงการทำงานที่ตัวเองรัก ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เกรดก็ปานกลางไม่ได้ดีเลิศ 3 นิดหน่อย
อาศัยไปฝึกงานกับบริษัทที่รุ่นพี่เราแนะนำ
ตรงนี้แหละ สำคัญกับ อนาคตการทำงานมาก
หากรุ่นพี่ทำได้ดีมาก่อน และบริษัทเชื่อใจ
ตรงนี้จะสร้างเครดิตให้กับเราอีกมากกโข

อยู่ที่เส้นสายละครับ สมัยนี้ เพื่อนผมคนนึงจบช้ากว่าผม2-3ปี แต่ทุกวันนี้โตเป็นใหญ่โต เลย

ก็ไม่ขนาดนั้นว่าเค้าจะมองว่าเราไม่ได้เรื่อง แต่เค้าก็ถามแหละ

ผมเกรดกากมาก เกือบจะไม่จบ จบ4ปีครึ่ง

แต่พอมาสมัครงาน ก็มีบริษัทนึงเค้าเรียกไปสัมภาษ ถือว่าเป็นโชคดีที่เค้าให้โอกาสผมด้วย

ทุกวันนี้ก็ขยัน หาประสบการให้ได้มากๆ เพื่อเพิ่มความรู้ไปในตัว

จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ ณ ปัจจุบัน ตอนเรียนขี้เกียจมาก 555

ตอนนี้ขยันอ่านหนังสือ สอบโทอิคล่าสุดได้ไป 895 คะแนน

ยังไงถ้าท่านได้สัมภาษงานหรือมีโอกาสได้ทำที่ดีๆถูกใจ ก็ทำให้เต็มที่ครับผม

อาจจะมีบริษัทเรียกไปสัมภาษน้อยหน่อย แต่มีแน่ๆครับ ต้องอดทนหน่อย

ผมจบช้า2ปี
ทำธีสิตพร้อมเพื่อนเลยรออ่ะ

เกี่ยวครับ ถ้า จะถามทำไมถึงจบช้า คนจบก่อนย่อมได้เปรียบ

เขาจบ 4 ปี นาย จบ 6 ปีงี้ผมเห็น ประวัติผมกะเลือกคน จบ 4 ปีละ

มีส่วนเล็กน้อยนะ ในกรณีที่เค้าดูแล้วเรามีความสามารถพอๆกับตัวเลือกอีกคนนึงอ่ะ แต่ถ้าเราดูโดดเด่นมากว่าตัวเลือกอื่นๆ จบช้าจบเร็ว เกรดดีไม่ดี ก็ไม่ใช่ปัญหา

จากที่ไปสัมพาษณ์ครั้งล่าสุดมาเค้าบอกว่าเค้าดูคนที่เหมาะสมกับงานมากที่สุดไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดนะ อย่าไปยึดตึดกับการจบช้าจบเร็วหรืออะไรมาก มั่นใจหน่อยว่าเรามีดี

ปล. ผมก็ช้ากว่าปกติสองปี เกรดแค่พอจบ ตอนนี้ก็ยังหางานประจำแบบจริงๆจังๆทำไม่ได้สักทีเหมือนกัน เด๋วช่วงหยุดสงกรานต์จะมาตั้งใจหาอีกรอบละ

มีผลแน่นอนครับ เพราะคนที่จบช้ามักจะมีสาเหตุที่ไม่ดีที่ไม่สามารถเรียนจบได้ตามกำหนด
แต่ชีวิตคุณจะยากแค่การได้งาน 2-3 ที่แรกที่ยังดูเกรดและมหาลัยที่จบมา
หลังจากคุณมีประสบการณ์ทำงานซัก 2-3 ปีขึ้นไปแล้ว ประสบการณ์ทำงานจะมีบทบาทสำคัญกว่ามาก
ดังนั้นช่วงแรกอย่าเลือกงานและเงินเดือนครับ หาบริษัทที่เราสามารถพัฒนาตัวเองและสร้างสมประสบการณ์ได้

บ้านผมคนจบอย่างน้อย ป.โท เมืองนอกกันทุกคน ผมมีโอกาสแต่ตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อ โท เอา 2 ปีนั้นทำงานหาประสบการณ์ ตอนนี้ผมสามารถทำตำแหน่งหน้าที่การงานดีกว่าได้จากประสบการณ์เหล่านั้น
การเรียนมันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่พอมาทำงานแล้วประสบการณ์สำคัญกว่ามาก

ปล.​ ผมทำงานไม่ตรงสายกับที่เรียนมานะครับ และจริงๆสิ่งที่สำคัญกว่าปริญญาคือ "Mind Set" ครับ

เหมือนเส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดไว้ด้วยกระดาษแผ่นเดียว ?

ถ้าผ่านชีวิตมามากกว่านี้ ถัดไปอีกสักหน่อย.. พอมองย้อนกลับมา จะรู้สึกตลกตัวเอง

ถ้าถามว่ามันมีคนคิดอย่างนั้นไม๊(เป็นคนไม่ได้เรื่อง)ก็ต้องตอบตามตรงครับว่ามีครับ มีไม่น้อยด้วย

แล้วส่งผลกับการสมัครงานไม๊ทั้งเรื่องเกรดและระยะเวลาที่เรียน ก็ต้องตอบว่ามี แต่ก็จะเป็นกับงานแรกๆ หรือกับแค่ HRห่วยๆ ที่มองคุณภาพคนจากข้อมูลในกระดาษอย่างเดียว

ส่วนตัวผมจบมาสิบกว่าปีแล้ว เห็นมาหมดแล้วทุกแบบครับ ตั้งแต่พวกตั้งใจเรียนได้คะแนนดีจบมาได้การงานดีๆ ทำ หรือพวกเรียนไม่จบไม่มีงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน รวมไปถึงจบมาด้วยต้นทุนที่ดีแต่ตอนนี้ชีวิตพังทลายเอาตัวไม่รอด หรือพวกเรียนไม่จบหรือจบช้าที่ตอนนี้กลายมาเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตหรือมีงานมีการดีๆ ทำ

สุดท้ายแล้วปัจจัยในการประสบความสำเร็จมันอยู่ที่ตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ครับ ชีวิตมันมีอุปสรรคเสมอแหละครับ มันอยู่ที่เราจะก้าวผ่านมันไปยังไงมากกว่า ทุกๆ ความผิดพลาดมันเป็นประสบการณ์ที่ใช้ผลักดันตัวเองครับ อย่าใช้มันมาเป็นข้อจำกัดของตัวเอง

น่าจะมีผล แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักนะ

ผมเรียนตรี 5-6ปีมั้ง ก็โดนถาม ก็ตอบช่วยกิจการที่บ้านเลยไม่ค่อยมีเวลา จริงๆขี้เกียจ

จบ7ปีครับ ทุกวันนี้หางานทำไม่ได้เลยครับ

จบช้าเก่ง แต่จบเร็วไม่เก่ง
คิดดูเขาจะเลือกคนไหน

เพื่อนผมยอมเรียนจบช้าอีก 1 ปี แล้วไปรีเกรด ได้เกรดเฉลี่ยมากขึ้นจนผ่านเกณฑ์มาตรฐานของบางบริษัท ทุกวันนี้อาชีพการงานดีเติบโตขึ้นเรื่อยๆครับ
เรียนจบช้าเร็วขึ้นอยู่กับเหตุผลและการพรีเซนต์ตัวเอง

ขึ้นอยู่กับสายงานที่จะทำเลยครับ ของผมทำด้านดีไซน์ เกรดกับเรื่องจบช้าเลยไม่ค่อยเป็นประเด็นเท่าไหร่ แต่มันก็อาจจะบ่งบอกถึงวินัยและความรับผิดชอบของเราได้ระดับนึงครับ ถ้าให้แนะนำ มีงานอะไรก็ให้ทำไปก่อนครับ พอทำงานไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ทำงานและ performance จะสำคัญมากกว่าเกรดไปเอง