คนอื่นเค้าก็มีความคิดเหมือนกันนี่ครับ ก็มีสิทธิแย้งนิ

แต่ไม่เหนด้วยกับการไปด่าพ่อล่อแม่เค้านะ แย้งก็แย้งด้วยเหตุผล ไม่ก็แซวขำๆพอ

ผมก็ฟังบ่อย ก็คิดแบบคุณแหละ เหมือนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ไม่ได้อคติไรกะแก

มีไรอีก ยกมาให้หมด ผมรออ่าน

ก็มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วย และเรื่องที่ไม่เห็นด้วย

แต่เรื่องนี้ โดนโจมตีถึงขนาดกลายเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้เรื่องฟุตบอลเลยซะงั้น

ผมถูกใจเม้นแน่

ผมก็ชอบเข้าไปฟังนะ มองว่า เวลาแกพูดเรื่องไหนเห็นด้วยก็เห็นด้วยจริง เรื่องไหนไม่เห็นด้วยก็อย่าเก็บเอามาคิดมาก ทำคลิปฟุตบอลออกมาพูดแบบนี้เขาเอาความคิดเขาเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว ดังนั้นความคิดเห็นไม่ตรงกันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย



ดราม่ามันมีได้ง่ายอยู่แล้วเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ฝั่งนึงคือฉันถูกๆอีกฝั่งนึงก็ฉันถูกๆ เถียงกันไปไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้นฟังขำๆอย่าไปเก็บเอามาคิดมากครับ คิดซะว่าแลกเปลี่ยนความรู้

ผมก็ฟังแกบ่อย แต่เอาจริงๆวันนี้แกเอียงนะ อาจจะเพราะมีบุฟฟ่อนตำนานทีมแกอยู่

หรือเป้ที่แกอวยโคตรๆ ทั้งๆถ้านับฟอร์มเมื่อวานหมูหกมากมาย ละประเด็นที่แกไม่พูดถึงเลยคือแมนยูพิการขนาดไหน

ละก็ทดเจ็บมหาโหด ใส่แต่เรื่องไม่จุดโทษ 100% คือผมดูละละเหี่ยใจนะ จะพูดว่าจุดโทษ 30 ไม่ใช่ 70 ไรงี้ยังพอเข้าใจ

แต่ที่บอกไม่ใช่จุดโทษ 100% นี่คือไม่ใช่เลย

ถ้าในลีกคงวิจารณ์เป็นอีกเรื่อง แต่ในUCL แมนยูเคยตบยูเว่ร่วงมาแล้วนี่

ถ้าจะว่าไม่ควรได้จุดโทษ ก็กรรมการเค้ามืออาชีพ ไม่ได้มานั่งไลฟ์ตัดสิน

แล้วที่แมนยูชนะ ไม่ใช่ปารีสมันยิงเข้าประตูตัวเอง3ลูกซักหน่อย

มองได้ว่า ยกเหตุผลไก่กามาอธิบาย .... จบครับ

ผมว่าแกก็ไม่เคยจะวางตัวเป็นกลางนะ แล้วแกก็พยายามบอกว่าแกไม่ได้เป็นกลาง

แต่ก็นั่นแหละ ผ่านค่ำคืนปาฏิหารย์ที่ไม่น่าจะชนะเลยแต่ก็ทำได้
ก็ไม่น่า live สวนกระแสมหาชน คงต้องรับแรกกระแทกมหาศาล

ไม่มีใครชอบหรอกที่ทีมตัวเองโดนวิจารณ์ยับแบบดูไม่เป็นธรรม
เป็นปารีสเองที่มีโอกาสขยี้ในเกมด้วยซ้ำแต่ทำไม่ได้ เห็นเกมนี้แล้วนึกถึงหงส์
กับแมนยูพิการ ที่ JK กลายเป็นไอ้ขี้ขลาด ไม่โชว์คลาสขยี้ในเกมได้แค่เสมอ

บัสเหมือนกัน แต่ต่างที่กุนซือที่ใช้ ต่างเวลาที่ใช้ ต่างสถานการณ์ที่ใช้
ก็ให้ผลลัพธ์และ effect ที่ต่างกัน

ฝากขยี้แมนซิด้วยเด้อ

ขนาดไม่ได้เชียร์ทีมจากอังกฤษฟังแล้วยังรู้สึกแปลกๆ ประเด็นจุดโทษมันก็ไม่ได้อะไรหรอกแล้วแต่มุมมองแล้วแต่ดุลยพินิจแต่ละคน มองไม่ตรงกันก็ปกติ แต่ดูแกแสดงความคิดเห็นค่อนข้างเทไปฝั่งปารีสจริงๆนั่นแหละ ก็เข้าใจว่ารูปเกมปารีสมันดีกว่าแมนยู แต่มันก็มีเรื่องของแท็กติกเข้ามาเกี่ยวรึปล่าว แมนยูตัวเจ็บเยอะทีมมีแต่เด็ก การมาวางจุดยืนตัวเองให้เล่นอย่างบอลรอง รับอย่างมีวินัย รัดกุม และฉกฉวยเมื่อมีโอกาส มันก็เรื่องปกติของบอลรอง จะมาเล่นแบบไม่เจียมตัวก็มีแต่จะโดนเละมากกว่า

ซึ่งคนที่เข้ามาฟังแกวิเคราะห์เกมดูแกให้เครดิตแมนยูนิดหน่อย ไปทางชมปารีสซะเยอะ ผมเดานะว่าประโยคที่ฟังแล้วขัดหูแฟนผีคือ 'ปารีสเล่นแบบสมควรชนะ แต่แมนยูเล่นแบบไม่สมควรชนะ' 'แมนยูชนะก็ดีใจด้วย แต่แมนยูไม่สมควรชนะจริงๆ' อะไรแบบเนี้ย นิยามคำว่าเล่นดีของแกคงแบบ คุมเกม ครองบอลเยอะ กดยับๆ อะไรแบบนี้คือเล่นดี แต่นิยามคำว่าเล่นดีของผมคือ ก่อความผิดพลาดน้อย ฉกฉวยโอกาสได้ และ ไม่พลาดโอกาสสำคัญ ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าแมนยูทำได้ดีกว่านะ สมควรชนะและสมควรเข้ารอบด้วยประการทั้งปวง

ปารีสที่สร้างความได้เปรียบได้มหาศาลจากนัดแรก แต่ก็ไม่สามารถเอามาสร้างความได้เปรียบได้ในนัดนี้ ก่อความผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัย ไม่รัดกุม ประมาท ลูกากูตัวบะเริ่มเทิ่มเดินสอดไปสอดมาแถวเซ็นเตอร์ จะบอกไม่เห็นก็ฟังดูแปลกๆ กว่าจะรู้ตัวก็โดนไปแล้ว ซึ่งทั้ง 2 แรกลูกนี่เกิดจากความผิดพลาดส่วนบุคคลทั้งนั้น ลูกจุดโทษจริงๆก็ด้วยผมว่าคิมเพมเบ้มันทะเล่อทะล่าเกิน โอกาสทำประตูปารีสก็เยอะแต่ก็ฉกฉวยไม่ได้ ไอสิ่งที่ทำมามันเปลยไม่มีความหมาย ครองบอลเยอะ เข้าทำเยอะ แต่ปิดบัญชีไม่ได้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเล่นดีอะไรขนาดนั้น

คือเข้าใจแกแหละอยากคุยอยากแลกเปลี่ยนแบบเพื่อนคุยกัน เพื่อนกันจริงๆคงเถียงกันสนุก แต่ในลักษณะนี้มันก็ไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆไง ร้อยคนร้อยความคิด พูดอะไรแบบตามความคิดตัวเองเกินไปนิด บางคนหัวร้อนหน่อยก็ยาวเลย

ดิสเครดิตแมนยู แต่ไม่โทษปารีส ก็สมควรแล้ว
เล่นยังไงให้โดนอเวย์โกล ไปตุนบ้านแมนยูได้ตั้ง 2-0 พลาดเอง
แล้ว VAR มันก็เห็น ๆ ฉายชัดทั่วโลกว่าแขนเต็ม ๆ อยู่กะเนย์มาร์ได้เลย

บอกถ้าไม่ได้ตั้งใจกางแขนก็ไม่สมควรเป็นจุดโทษ แล้วกรรมการรู้ได้ไงว่าอีกฝ่ายตั้งใจไม่ตั้งใจ เรื่องนี้มีแต่ตัวคนกางแขนเท่านั้นแหละที่รู้ เหตุผลนี้เอามาประกอบการตัดสินไม่ได้หรอก

อันนี้ผมเข้าข้างแฟนผีนะ แกพูดเหมือนแมนยูปล้นชัยชนะมาอย่างนั้นแหละ จริงๆมีแอบหัวร้อนนิดหน่อยตอนแกพูดถึงตอนเชลซีได้แชมป์ UCL ด้วยนะ แต่ไม่ขยี้เท่าแมนยูปารีส ไม่งั้นน่าจะได้โดนแฟนเชลซีผสมเข้าไปอีกแรง

ใครฟระ

เวลาดูไลฟ์ขีันเทพ ผมรำคาญแกที่สุดละ
ดีหน่อย ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้มาแล้ว
เวลาคนอื่นพูดชอบพูดขัด "ผมไม่เห็นด้วยนะ"
แล้วคนอื่นในรายการก็ชอบคล้อยตามแก ดูละหงุดหงิด

มิชชั่น อิมพอตซิเบิ้ล?
มันไม่ใช่ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้นะ มันยากก็จริง แต่อย่างที่ผมบอก ใครจะรู้ละถ้าเกิดเราได้ประตูแรกก่อน อะไรจะเกิดขึ้น ฟุตบอลเป็น เกมส์ของ เทคนิค และ แทคติคก็จริง แต่ มันก็เป็นการแข่งกันด้านจิตใจด้วย ทันทีที่มีประตู ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ถ้าเราได้ประตูแรก เราก็จะเชื่อว่าเราสามารถทำได้อีก สำคัญสุดๆ คือประตูแรกนี่แหละ

ขออนุญาติย้อนจากสัมภาษณ์ก่อนเกมส์ที่ผมแปลไว้ในกระทู้นี้
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1739824

ก่อนแข่ง โอเล่รู้ดีว่าเกมส์ฟุตบอลคือเกมส์ที่สู้กันด้วย 3เรื่อง เทคนิค แทคติค และ จิตใจ ในนัดเมื่อวานแมนยูเป็นรองด้านเทคนิคความสามารถเฉพาะ เยอะแบบใครก็ดูออกตั้งแต่ก่อนแข่ง แทคติคมันก็คือการวางแผนเลือกรูปแบบการเล่นให้เหมาะกับทีมตัวเองและคู่แข่งนัดนั้น ข้อสุดท้ายจิตใจ เอาตามตรงก่อนแข่งที่จริงคนที่ได้เปรียบในข้อนี้คือปารีสด้วยซ้ำ อยู่ในสถานการณ์มั่นใจกว่า ได้เปรียบกว่า จากผลนัดแรก แต่โอเล่เลือกที่รบกับปารีสด้วย2ข้อหลังที่เห็นความเป็นไปได้ในการที่จะพลิกสถานการณ์ สิ่งที่ออกมาด้วยเทคนิคที่เหนือกว่าของปารีส รูปเกมส์ของแมนยูจึงเป็นรองสุดกู่อย่างที่เห็น แต่ด้วยแทคติคของทีมงานโอเล่ที่วางจึงทำให้แมนยูยังอยู่ในเกมส์ ข้อสุดท้ายที่โอเล่เลือกเดิมพันด้านหัวจิตหัวใจ ในสถานการณ์ที่ตาม1-2เวลายิ่งเหลือน้อย ลูกทีมที่โอเล่ปลูกฝังความเชื่อลงในจิตใจว่ามันเป็นไปได้ ทำให้ไม่ถอดใจไม่ทิ้งเกมส์ จึงสู้จนมันเป็นไปได้

นัดที่ผ่านมาได้ก็ผมก็ยอมรับว่าโชคเข้าข้างด้วย แต่สำหรับโอเล่และทีมงานเค้ารู้ดีว่า ความยากระดับนี้ อยู่ดีๆ โชคมันไม่มาเองหรอก ทุกอย่างต้องเกิดจากการวางแผน การฝังจิตใจที่ไม่ท้อให้ลูกทีม และ สร้างโอกาสสร้างโชคให้เกิดขึ้นด้วยมือตัวเองครับ

ถ้าตามที่เพื่อนๆ บอกกันว่าคุณสเตฟานไลฟ์แบบเพื่อนคุยกัน ลองฝากข้อมูลนี้ไปคุยกันนะครับ
ส่วนนึงอาจจะเพราะคุณสเตฟานไม่ได้เป็นแฟนยูไนเต็ด ไม่ได้ตามข่าวก่อนเกมส์แบบที่ผมตาม ตอนที่แปลข่าวนี้มาถึงข้อความนี้ผมยังสะดุดใจเลยว่ามุมที่โอเล่พูดท่อนนี้คือเค้าเชื่อและคิดหาทางจริงๆ ว่าจะสู้กับปารีสด้วยวิธีไหนที่พลิกกลับมาได้ และที่ไม่น่าเชื่อคือ มันสามารถเกิดขึ้นได้จริง