สุดปลาบปลื้ม!! “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช”.
พระราชทานชื่อใหม่ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช”....แทนชื่อ “รล.ท่าจีน”....กำลังพลสุดปลาบปลื้ม!..คาด ทร. จะมีเปลี่ยนชื่อเรือ อีกหลายลำ และเรือต่อใหม่ เปลี่ยนระบบการตั้งชื่อเรือใหม่...ทร.มีแผนต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง อีก1 ลำเอง โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ จาก แดวู.
โปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ที่ต่อจากเกาหลีใต้ใหม่ จะเข้าประจำการ 7 สค.นี้ ว่า “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” จากเดิมที่จะใช้ชื่อว่า “เรือหลวงท่าจีน”
ทั้งนี้ตามธรรมเนียมเดิมของทร. การตั้งชื่อเรือฟริเกต จะใช้ชื่อ แม่น้ำ เช่น เรือหลวงเจ้าพระยา เรือฟริเกต ชั้นเจียงหู่ จากจีน
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.เป็นประธานในพิธีต้อนรับ และขึ้นระวางเรือประจำการ ใน7 ม.ค.62นี้ที่ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ
การพระราชทานชื่อ “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” ยังความปลาบปลื้มให้กำลังพลประจำเรือ และ กองทัพเรืออย่างยิ่ง
เรือฟริเกตสมรรถนะสูง เรือพิฆาต ลำนี้ ต่อจาก DSME.-DAEWOO Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD.) เกาหลีใต้ งบฯลำละ เกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท
เป็นการพัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลีใต้ในการต่อเรือ
มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย
สามารถทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 6 ขึ้นไป โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ และสามารถตรวจการครอบคลุมทุกมิติและทั้งกลางวันและกลางคืน เนื่องจาก มีการติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบตรวจการที่ทันสมัยและขีดความสามารถสูง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง
สามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ ทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ และทางอากาศ โดยการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ สามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด
การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฎิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ
มีระบบการป้องกันทางอากาศระยะไกล (ผิวน้ำ) หรือพื้นที่ชั้นนอกของกองเรือ (Battle Group) จะใช้การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศในการค้นหา ตรวจจับและโจมตี และการปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ โดยสามารถโจมตีเป้าหมายได้ที่ระยะไกล โดยปฏิบัติร่วมกับเรือและอากาศยานในการพิสูจน์ทราบเป้า ส่งมอบเป้าและให้ใช้อาวุธจากระยะพ้นขอบฟ้า รวมทั้งโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ
ส่วนการป้องกันตนเองนั้น จะโจมตีด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีปืนใหญ่เรือและปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ อีกทั้งสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้
ทั้งยังสามารถใช้ในการปฏิบัติการรบร่วม โดยผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ให้สามารถปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) ได้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร เรือคอร์เวต ชุด เเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับ เครื่องบินกองทัพอากาศ ตามบทบาทหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะทำหน้าที่ควบคุมการปราบเรือดำน้ำเป็นหลัก
ทร.มีแผนต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง อีก1 ลำเอง โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ จาก แดวู.
จาก Facebook Wassana Nanuam
https://pantip.com/topic/38427107

เขี้ยวเล็บใหม่ของไทย สง่างามทั้งเรือและชื่อเรือ

ตอนแรกทหารเรือนี่กองกำลังและอาวุธเยอะสุดในบรรดากองทัพทั้งมวลครับ

แต่ที่ทัพเรือโดนแบบนี้เพราะว่าอดีต ผอ.หน่วยซีลกับพวกทหารเรือไปก่อกบฏล้มอำนาจ จอมพล ป. ครับแล้วไปยึดเอาเรือหลวงอยุธยาบุกมาถล่มพระนคร เลยทำให้ ทัพบก ทัพฟ้า ตำรวจต้องร่วมมือกันปราบครับ แล้ว ผบ.ทร. ออกมาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่สุดท้ายโดนเด้งกันหมดครับ คนที่ปราบกบฏนี้คือ พลโทสฤษดิ์ ในขณะนั้นครับ เรื่องนี้อ่านสนุกมาก ลองไปหาประวัติอ่านดูครับ เป็นการประกาศกฏอัยการศึกครั้งแรกในสมัย ร.9 ด้วยครับ

เรื่องกบฏแมนฮัตตัน

จากนั้นมา จอมพล ป. จึงสั่งให้ลดขนาดกองทัพเรือลง และตัดงบกองทัพเรือออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพเรือคิดก่อการกบฏอีก อีกทั้งยังยุบค่ายของทหารเรือทิ้งไปหลายค่ายเหมือนกัน แถมตอนสู้กันเองเรือหลวงอยุธยาก็พัง เรือรบเสียหายไปอีกหลายลำ

สวยดี กองทัพเรือนี้ลูกเมียน้อยสุดละ

ใช้แต่ของเก่าๆทั้งนั้น จะขอซื้อใหม่ทีก็ยากเย็น

ขนาดเรือดำน้ำยังดึงมาตั้งกี่สิบปีกว่าจะได้ซักลำ

จะเปิดให้เข้าชมมั้ยนะ

ทีแรกชื่อท่าจีน

ลำต่อไปต่อเอง สร้างงานได้อีกหลายตำแหน่ง

จักรีนฤเบศรคงจะดีใจ ออกมาหลายงานมาก พายุต่างๆ อุทกภัยต่างๆ สึนามิเอย เหนื่อยมาเต็มที่แล้ว มีลำอื่นมาช่วยซะที

ลำนี่เท่ห์มากอะ เอาจริงๆ อยากเล่น RR เลย

เรือนี้เทคโนโลยีและอาวุธเพียบเลย เพื่อนบ้านเราคงกล้าๆกลัวแน่ๆเลย

แบบนี้เค้าเรียกเรือพิฆาตป่าวครับ เห็นว่าสามารถยิงเรือดำน้ำได้ด้วย

เป็นเรือฟริเกตครับ เรือพิฆาตจะใช้Destroyer จะครบครันกว่าและใหญ่กว่าฟิเกตไปอีก
ทัพเรือไทยยังไม่มีเรือชั้นนี้(เคยมี) ท่าจีนนี่เป็นฟริเกตที่แต่งเต็มจะคิดว่าเป็นฟริเกตs+ ก็ได้

ตอนแรกทหารเรือนี่กองกำลังและอาวุธเยอะสุดในบรรดากองทัพทั้งมวลครับ

แต่ที่ทัพเรือโดนแบบนี้เพราะว่าอดีต ผอ.หน่วยซีลกับพวกทหารเรือไปก่อกบฏล้มอำนาจ จอมพล ป. ครับแล้วไปยึดเอาเรือหลวงอยุธยาบุกมาถล่มพระนคร เลยทำให้ ทัพบก ทัพฟ้า ตำรวจต้องร่วมมือกันปราบครับ แล้ว ผบ.ทร. ออกมาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่สุดท้ายโดนเด้งกันหมดครับ คนที่ปราบกบฏนี้คือ พลโทสฤษดิ์ ในขณะนั้นครับ เรื่องนี้อ่านสนุกมาก ลองไปหาประวัติอ่านดูครับ เป็นการประกาศกฏอัยการศึกครั้งแรกในสมัย ร.9 ด้วยครับ

เรื่องกบฏแมนฮัตตัน

จากนั้นมา จอมพล ป. จึงสั่งให้ลดขนาดกองทัพเรือลง และตัดงบกองทัพเรือออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพเรือคิดก่อการกบฏอีก อีกทั้งยังยุบค่ายของทหารเรือทิ้งไปหลายค่ายเหมือนกัน แถมตอนสู้กันเองเรือหลวงอยุธยาก็พัง เรือรบเสียหายไปอีกหลายลำ

เพิ่มเติมให้ ปกติเรือชั้นฟริเกตจะใช้ชื่อแม่น้ำสำคัญเป็นชื่อเรืออย่างท่าจีน เจ้าพระยา ตาปี บลาๆ

ส่วนชื่อบุคคลสำคัญเดิมใช้เป็นชื่อเรือพิฆาต(Destroyer) เช่นเรือหลวงปิ่นเกล้า(ปลดประจำกาลแล้ว)
การที่จะมีการขยับเรื่องการเปลี่ยนชื่ออาจคิดได้ว่า ทัพเรือไทยจะเลือกใช้เรือฟริเกตสมรรถสูงเป็นกำหลังรบหลัก

ไม่มีความจำเป็นต้องหาเรือพิฆาต(แบบทันสมัย) นึกถึงโครตเรือแดงรัสเซียไว้ครับ ใหญ่และโหดมากเกินไป

ตอนซื้อเรือฟริกเกต ไม่ค่อยค้าน ทั้งที่แพ๊งแพง

สังเกตุที่หัวเรือครับ ผมเริ่มจะมีความหวัง
"471"

ทหารเรือนี่ก่อกบฏ 2 ครั้งในรอบ 3 ปีเลยครับ ครั้งแรกเป็นกบฏวังหลวง ครั้งที่สองเป็นกบฏแมนฮัตตัน

จำได้ว่าหลังจากโดนปราบกบฏเสร็จทัพเรือโดนยุบโรงเรียนนาวิกโยธินที่กรุงเทพ โดนยุบกรมยุทธศึกษาที่กรุงเทพ ปัจจุบันเป็นโรงเรียนเตรียมทหาร แล้วฐานทัพเรือที่บางกอกน้อยโดนถล่มซะยับเละเทะเลย ส่วนเรือหลวงอยุธยาโดนทัพอากาศทิ้งระเบิดขนาด 50 กิโลกรัมลงกลางเรือทะลุไปถึงห้องเก็บระเบิด ทำให้เรืออับปาง แล้วกองทัพเรือที่บางกอกน้อยที่โดนถล่มไปนั้น อาวุธก็หายไปเพียบ มีคนตายเกือบ 200 คน ส่วนมากเป็นประชาชนธรรมดา ส่วนผู้ที่ก่อกบฏนั้นโดนบังคับให้ขึ้นรถไฟไปทางเหนือ แต่ไปทำไมไม่รู้ แต่ระหว่างทางก็หนีกันไปได้ เข้าไปพม่ากัน ส่วนที่เหลือที่เป็นคนร่วมปฏิบัติการโดนจับไปรวมที่สนามกีฬาแห่งชาติเป็นพันคน แล้วให้ศาลตัดสิน แต่หลักฐานไม่พอก็ปล่อยตัวไปิ แล้วพวกระดับผู้บัญชาการของกองทัพเรือติดคุกันคนละ 3 ปีถ้วนหน้า

เป็นเหล่าที่บริหารงบประมาณได้ดีมากๆเหล่านึงเลยครับ พอๆกับกองทัพอากาศเลย เสียดายทีเป็นลูกเมียน้อย ได้งบน้อยไปนิด