เนื่องจากผมได้เห็นบทความหลายๆคนใน facebook เขียนว่า ช่องโทรทัศน์ได้มาถึงสภาวะวิกฤตแล้ว

ผมอ่านได้ความว่า ช่องดังๆในบ้านเราช่องหนึ่ง (แข่งกีฬาทุกปี) ได้ปลดพนักงานกว่า 100 คน ได้เงินชดเชยทุกคน

แต่พนักงานเหล่านั้นอายุ 40-50 ปีแล้ว การหางานก็จะยากมาก หลายๆคนที่โดนปลดก็อยากจะฝากอนาคตไว้กับช่องนี้แล้ว

รายการสดสมัยนี้ก็แทบจะไม่มีคนดู ยิ่งละครยิ่งแล้วไปใหญ่ สภาวะถนนโล่งเพื่อไปดูละครตอนอวสานกัน มันไม่มีอีกแล้ว

ทุกคนสามารถดูย้อนหลังได้หมด แล้วแต่เวลาที่สะดวก ไม่ต้องมานั่งจ้องทีวีรอเวลา พอจบตอนก็ต้องทนดูโฆษณาอีก

ทางเลือกก็จะไปตกที่ช่องทางอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ไหนจะ Netflix เอย youtube เอย หรือแม้แต่ social network ต่างๆก็มีให้ดู

ดังนั้นจึงมีการนำวิธีการนำเสนอมาสู้เพื่อเรียก rating กลับมา เช่นเกมโชว์ใหม่ๆ แต่ไม่ใหม่สำหรับต่างประเทศ

ก็ซื้อลิขสิทธิ์นั่นแหละครับ แต่ผู้จัดได้กลับมาดูมาเปรียบเทียบกับต้นฉบับหรือไม่ว่า มันยังต่างชั้นกับต่างประเทศเค้ามาก
----------
ส่วนตัวผมคิดว่า มันอาจจะเกิดขึ้นได้แต่อีกนานครับ นานโขเลยแหละ

เรื่องพนักงานข่าวผมว่าช่องทำข่าวซ้ำซากอ่ะ
ผมดูรายการตอนเช้าพูดเรื่องเดิมๆไป 10-20 นาที
ใช้ฟุตเทจซ้ำๆไม่พูดเรื่องอื่นเข้าใจว่าจะยึดแนวทางเดิมๆของรายการ
แต่ข่าวเรื่องเดียวพูดซ้ำๆไปซ้ำมาคนดูมันน่าเบื่ออ่ะเลยสงสัยว่าทีมงานเค้าไม่เบื่อบ้างเหรอ
รายการทีวีวาไรตี้บ้านเรามันซ้ำซากอ่ะอย่างผมดู Workpoint รายการร้องเพลงนี่มี จันทร์-อาทิตย์เลยพวกรายการสนุกๆก็โดนโยกเวลาไปอยู่ช่วงที่ไม่ค่อยมีคนดูงี้

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป

อย่างผมนี่ ที่หอทุกวันนี้ไม่มีทีวีด้วยซ้ำ

วาไรตี้ก็เดิมๆ
ละครก็น้ำเน่า มีแต่รีเมค
ตลกก็มีแต่ตลกเจ็บตัว
ประกวดก็มีแต่ร้องเพลง

มันต้องปรับตัว ผมเลิกดูโทรทัศน์มาหลายปีแล้ว

พูดถึงละคร พวกช่องใหญ่มีแต่ละครที่ซ้ำซาก รีเมค พลอตง่ายๆ

ผมเคยอ่านรีวิวละครช่องใหญ่ๆที่ว่าดีหนักหนา บอกตรงๆโคตรเชยยย

บท พลอต ทุกอย่างมันล้าสมัย ยิ่งโปรดักชั่นนี่ยิ่งหนัก แต่งหน้านอนงี้ งี่เง่าดี

ผกก ผู้จัด ถ้ายังหน้าเดิมๆอยู่ก็คงได้แค่นี้แหละ เคยเห็นคอมเม้นของ ผกก คนนึงบอก จะเอาความสมจริงอะไรจากละคร

ดูให้สนุกก็พอ ผมนี่ตึ้บเลยแช่งให้ละครแกเจ๊งทุกเรื่องงงงง พวกรุ่นใหม่จะได้ขึ้นมาทำ

แต่รุ่นใหม่ถ้ามาทำกับช่องใหญ่ก็มีค่าเท่าเดิมเจอใบสั่ง ละครเชยๆ

ช่องโทรทัศน์เค้าก็ทำ multi-platform กันนะไปลง internet เยอะเหมือนกัน

แต่ประเด็นคือหลายบริษัทยังมาลงทุนด้าน Internet ads บน Digital platform ได้ไม่เต็มที่เลยครับ เรียกได้ว่าช้ามาก

เนื่องจาก บ พวกนี้คิดว่ามันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ แล้วคิดเงินก็ค่อนข้างแพง Cost per view, Cost per impression ซึ่งเราๆทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าคนดูออนไลน์ไม่ค่อยสนใจโฆษณาหรอก หาวิธีหลีกเลี่ยงสารพัดจริงๆ มี extension บล็อคอยู่ด้วย

ตัวเลขตอนนี้รายได้จากโฆษณาทั่วโลกยาวไปถึงไป 2022 ก็ยังอยู่กับ ทีวี แบบเดิมซะส่วนใหญ่ (68%-70%) ในขณะที่ % คนดูหนังดูวีดีโอรับสื่อบน digital platform ทั่วโลกเริ่มเกิน 50% หน่อยๆมาแล้ว

เห็นชัดๆเลยว่าโมเดลการทำรายได้ยังไปได้ไม่เร็วเท่าคนดูครับ

บางช่องก็ปรับตัวแล้วเหมือนกันครับ เมื่อวานก็เห็นมคนแชร์นะว่าช่อง 7 เองก็ได้เตรียมตัวแล้วมีการทำ bugaboo ที่ผลงานออกมาได้ค่อนข้างดีเลยก็พอช่วยได้บ้าง

Over-the-top แบบ Youtube, Facebook, Netflix ค่อนข้างสร้างปัญหาให้ทั้ง โอเปอเรเตอร์ กับ ช่องทีวีพอสมควรครับเพราะเค้าขี่อยู่บนค่าบริการโครงข่ายที่ประชาชนเป็นคนจ่ายเองและคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆโดยที่โอเปอเรเตอร์ต้องพยายามส่งคอนเทนต์ของเค้าอย่างเต็มที่ไปหาผู้ใช้งาน

(การยกเลิก Net neutrality ของอเมกาอาจจะเพื่อให้โอเปอได้เข้ามายุ่งกะ traffic เพื่อหาเงินได้ดีขึ้นก็เป็นได้ครับ + Network slicing ของ 5G อีก)

เทคโนโลยีกำลังหาทางเชื่อมระหว่างพวกแอพดูวีดีโอพวกนี้เข้ากับโอเปอเรเตอร์อยู่ด้วย แต่ประชาชนนอก sector ไม่น่าจะต้องห่วงอะไรเราจ่ายถูกได้ของดีก็ยิ้มๆกันไป

อันนี้ข้อมูลเมกานะครับ ไม่ได้จะบอกว่าไทยเป็นอย่างนี้
แต่มีความเป็นไปได้ในอนาคตเหมือนกัน เพราะ Streaming ทั้งหลายก็มาจาก USA
ผมว่าช่อง 3 โดนหนักสุดเพราะทับซ้อนกับตลาด online content
-กลุ่มเป้าหมายอายุไม่เยอะ
-เข้าถึงอินเตอร์เน็ตกันง่าย ใช้คล่อง

แต่ตลาดไทย ตจวและผู้สูงอายุ หรือคนที่ใช้ดิจิตอลไม่คล่องตอนนี้ยังเยอะ
TV ที่จับกลุ่มนี้ยังแข็งแกร่งอยู่ หลักๆก็ช่อง 7 แหล่ะ

แต่อนาคตข้างหน้า ผมว่ายังไง TV ก็ลดบทบาทลงแน่นอน

ก็สื่อส่วนมากมันถูกยัดเยียดให้ดูมาโดยตลอดแล้วมันวนอยู่ในอ่าง ถึงจุดๆนึงความอิ่มตัวมันก็มาโดยสมบูรณ์

ในอินเตอร์เน็ตมีอะไรใหม่ๆทุกวัน
ต้องยกระดับสื่อความบันเทิงเอาให้ได้สัก70%ของเกาหลีก่อนผมว่า เผลอๆบ้านเราควรมีเกาหลีเป็นโมเดลด้านสื่อบันเทิงด้วยซ้ำ รัฐควรมาช่วยอัดงบอะไรตรงนี้ แล้วก็พวกสินค้าทางด้านวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น แลนด์มาร์กที่ใส่ไปในละครไรเงี้ย

ข่าวทุกวันนี้ก็ข่าวจากเน็ตทั้งนั้น
ผมดูข่าวติดลูปมา3เดือน
ฆ่าด้วยเหตุต่างๆ
อุบัติเหตุทางถนน
พ่อข่มขืนลูก
เครียดยิงดับ
ข่าวหวย
มันประจำวันเกิ้น

ทีนี้มาพอในโลกของเน็ตมันไม่ได้มีแค่นี้ไง ไม่ต้องถูกยัดเยียดให้ดูข่าวกับรายการร้องเพลงแล้ว ไม่เห็นจะแปลก 5555

เอาจริงๆ ทำอะไรก็คงยากแล้วหละครับ คือพฤติกรรมคนดูมันเปลี่ยนไปแล้ว ต้องปรับตัวกันไป
เงินที่เคยไหลไปอยู่กับโฆษณาทางทีวี ก็ถูกแชร์ไปอยู่กับพวกคอนเทนต์บนอินเตอร์เน็ตแทน
ละครที่ดูทางเน็ตแม้มันจะซ้ำๆ ซากๆ เหมือนละครทีวีแบบเดิมๆ เค้าก็เลือกดูทางนี้กันแทนได้
ที่ยังพอถูไถไปได้ก็น่าจะเป็นพวกรายการถ่ายทอดสดอย่างพวกกีฬา แต่ก็คงไม่เพียงพอให้ช่องทีวีเดินต่อไปได้

อินเตอร์เน็ตบ้านเราก็ดันแรงและครอบคลุมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วย โดน Disrupt กันไป

ผมไม่รู้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในเมืองใหญ่ๆ กับตามท้องถิ่นมันต่างกันมากแค่ไหน

ช่วงอายุอีก โดยเฉพาะวัยรุ่นทีวีนี่แทบไม่มีความจำเป็นในชีวิตเลย ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เป็นไร

หลายๆคนในสมัยนี้ไม่มีทีวีอยู่ได้

ไม่มีอินเตอร์เนตอยู่ไม่ได้ มันก็ตามนั้นล่ะ

ผ่านมานานมากหลายปีแล้ว
ผมเคยหงุดหงิดกับทีวีกีฬาช่องนึง
คือเมื่อคืนมีบอลอังกฤษแข่ง
เราอยากรู้ผลก็เลยเปิดดู
ปรากฏว่าเป็นรายการอะไรไม่รู้พูดนั่นนี่
รอตัวหนังสือวิ่งข้างล่างจอรายงานผล
มันก็มีแต่ลีคอะไรไม่รู้ ตุรกี บราซิล อาเจน
รอจนเซ็ง ไม่ขึ้นผลบอลอังกฤษซักที น้ำเต้าหู้หมดไปแก้วนึงแล้ว
สุดท้าย เดินไปเปิดโน๊ตบุค ต่อเน็ตผ่านมือถือ จบ

เรามาถึงยุคที่สื่อแบบเดิมกำลังจะอยู่ไม่ได้แล้ว หนังสือพิมพ์ไม่มีคนอ่าน ทีวีไม่มีคนดู

คนทำทีวีถ้าหมุนตามโลกไม่ทันก็อยู่กันไม่ได้ เจ้าเล็กๆไปก่อนแน่นอน แค่พฤติกรรมของ

ผู้บริโภคยังเปลี่ยนไปเลย ไม่มีทีวีก็อยู่ได้ ไม่มีมือถือแทบคลั่ง เน็ตล่มต้องรีบแจ้ง แค่ตัว

ผมเอง ทีวีทุกวันเปิดมาเพื่อเปิดเครื่องps4 เพราะถ้าไม่เล่นเกมก็

ดูyoutubeหรือnetflixได้

จะดูหนังจริงจังก็เปิดandroid boxดูผ่านtrue idหรือผ่านplay store แต่กล่องทรูที่ได้

มาตั้งแต่ตอนติดเน็ตบ้าน ขนาดที่ว่าเปิดแล้วไม่มีสัญญาณมาเป็นปีผมยังไม่อยากจะโทรไป

แจ้งเลย เพราะไม่ได้ใช้ ปล่อยมันเสียไป ยังไงก็ดูอย่างอื่นได้เยอะแยะ

ผู้บริโภคอย่างเราที่ใช้เวลาให้คุ้มที่สุด ไม่มีเวลามานั่งรอโฆษณา ขนาดเจอ15-30วิแค่นั้น

ยังรีบกดข้ามกันเลย แล้วทางทีวีโฆณาเป็นนาทีคนดูเบื่อตาย ดูแล้วยังไงก็เหมือนนับถอย

หลังสำหรับช่องทั้งหลาย นอกจากจะโดดมาทำออนไลน์กันเต็มตัว

จริงๆมาถามในนี้ความเห็นมันก็ประมานนี้แหละ
เอาเรื่องทีวี มาถามคนที่เล่น internet เป็นประจำ มันก็จะได้คำตอบว่า ไม่ดูแล้ว

จริงๆคนดูทีวี วัดจากเรทติ้งนะครับลดลงจริงๆ แต่ไม่ได้มากหรอก
แต่ที่เห็นช่องใหญ่ๆ กำไรลดฮวบๆ เรทติ้งลงฮวบๆ เพราะช่องทีวีมันเยอะ มันแชร์เค๊กกัน
ซึ่งคนที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็คือ กสทช. แหละครับ หวังประมูลเอารวย เปิดช่องซะเยอะเชียว การแข่งขันมันก็เลยสูงตาม พอแข่งมาได้ระยะนึงบริษัทก็ต้องปรับโครงสร้างเป็นธรรมดาครับ

ถ้าพูดถึงควมมั่นคง สำหรับผมตอบยากอ่ะ
สำหรับช่องน้อยสีที่ จขกท. ว่ามามันองค์กรเก่า พนักงานแก่ เค้าชินกับการขายสื่อแบบเดิมๆซึ่งมันไม่ได้แล้ว ชินกับการที่ลูกค้าโทรมาซื้อนาทีโฆษณา แต่ตอนนี้ไม่คุณต้องวิ่งขาย เค้าทำไม่ได้ก็ต้องเอาออกเป็นธรรมดา (จริงๆอยากเอาออกนานแล้ว แต่สร้างทีมใหม่อยู่ ปรับตัวอยู่ จากข่าวที่ผมได้มานะ)

ผมก็เป็นคนที่ไม่ดูทีวี ดูหนัง เล่นเกมส์ในคอม
แต่ผมว่าทีวีจะยังอยู่ต่อไปอย่างน้อย 20-30 ปี โดยตลาดส่วนมากคือคนต่างจังหวัดครับ

ประเด็นคือไปบ้าจี้ประมูลกันแพงเวอร์ๆ ต้นทุนค่าประมูลมันค้ำคอ

ผมก็ว่าน่าจะเจ๊งตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เค้กก้อนเดิมหารหก เอามาแบ่งใหม่หารยี่สิบได้มั้ง เค้กก้อนเดิม แถมถ้าสำรวจตลาดๆดีๆมันเห็นเทรนด์ที่เงินโฆษณามันไหลไปทางสื่อ internet เค้กมันก็จะก้อนเล็กลง

nation เคยพลาดกับ itv มาแล้ว ก็ยังมาพลาดซ้ำสอง ล่อไปสองช่อง สุดท้าย เละ