มิราจของผมตอนนี้ วิ่งไป 160Kโลแล้ว

ควรใช้ค่าความหนืด 0w-20 หรือ ขยับไป 5w-30 ดีครับ

แนะนำยี่ห้อด้วยครับ

ขอบคุณครับ

Havoline 5W-30 ครับ ของปั้ม Caltex ลื่นจริงอะไรจริงครับป๋องนี้ ราคาประมาณ 1,100-1,200 บาท/4 ลิตร

ผม Eco car เหมือนกัน ขยับมาใช้เบอร์ 5W-30 ตั้งแต่ 80,000 โลแล้วครับ ตอนนี้ 160,000 กว่าๆพอๆกับ จขม.เลย

ขอบคุณครับ

แล้วเรื่องกำลังเครื่อง/เสียงเครื่อง/การกินน้ำมันเป็นไงมั่งครับ

ECO CAR พวกท่านกี่ปีกันแล้วครับ ของผม 2 ปีกว่า ล่อไป 40,000 แล้ว

5ปีครับ

ขยับไปเป็น 5W-30 ดีกว่าครับ ผมใช้อยู่ Mobil 1 กับ Castrol Edge ครับ ให้เน้นเป็น fully synthetic เปลี่ยนถ่ายประมาณ หมื่น กิโลครับ

วิ่งขนาดนี้40ได้ละครับ แต่30ก็ได้

20เน้นวิ่งติดๆในเมือง ไม่เค้นรอบ ไม่คิกดาว

3 ปี 7 เดือน 160,000 ครับ

เป็นเซลล์ ใช้รถช้ำมาก

ขอโทษนะครับท่าน
ช่วยอธิบายเรื่องการเลือกความหนืดพวกนี้ทีครับ
แล้วควรเลือกใช้เบอร์ไหนอะไรยังไง เอาเเบบโดยรวมอะครับไม่จำกัดเฉพาะอีโค่คาร์

ผมก็ไม่ได้เทพอะไรมากมายนะครับ
ตัวเลขหน้ามันคืออุณหภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองร้อน เลขหน้าไม่ต้องซีเรียส

ส่วนความหนืดจริงๆรถทุกคันมันต้องใช้40ยืนพื้นอยู่แล้วครับ
ยุคหลังทำความหนืด30/20มาเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย เป็นทางเลือกที่ถูกลงมา
อย่างเบอร์20 รถใหม่ป้ายแดงเครื่องไม่ใหญ่มาก
ถ้าขับในเมืองรถติดๆ ไม่เน้นรอบมาก ใช้ได้สบาย
อาจจะมีผลหลัง10ปี++ขึ้นไปแล้ว ถึงตอนนั้นเราคงขายรถทิ้งก่อน

รถที่ใช้มานานหลายปีหรือหลักหลายแสนกิโล
หรือคนที่ขับรถเร็วๆเล่นรอบสูงบ่อย ยังไงก็ต้อง40ครับ
ดูอยากพวกรถแข่งในสนาม พวกเครื่องใหญ่ๆใช้เบอร์50-60เลยด้วยซ้ำ

ของจขกท. 30ใช้ได้ แต่ผมว่า40เหมาะกว่า

หลักๆ ให้ดูตามคู่มือครับ แต่ถ้า
1.วิ่งเกืิอบๆ แสนโลขึ้นไป
2.วิ่งในเมืองเจอรถติดเยอะๆ
3.ขับรถแบบอัตราเร่งโหด ปรู๊ดปร๊าด​เติมคันเร่งตลอด
4.มีอาการน้ำมันเครื่องหายบ้าง

ถ้าเข้าข่ายเหล่านี้ให้ขยับความหนืดตัวหลังขึ้น 1 หรือ 2 เบอร์ครับ แต่ถ้าขยับไป 2 เบอร์แล้วเจออาการเร่งอืด เร่งไม่ขึ้นก้อให้ลดลงมาครับ

ส่วนคำถามของ จกท. ถ้าทางเลือกที่ดีที่สุดคือใช้เบอร์ 20 เหมือนเดิม แต่ใช้ยี่ห้อดีๆ พวก amsoil, redline (ลิตรละประมาณ 750 บาท)​ หรือไม่ก้อ driven (ลิตรละ 1,000) แล้วเปลี่ยนทุกๆ 5-7,000 โล จะได้ทั้งความลื่นเหมือนเดิม และความประหยัดน้ำมันครับ

ผมมีทั้งติดหนักทั้งเค้นรอบ ทุกวัน

โคตรโหดผมว่า ผมใช้เยอะล่ะนะเนี่ย 555+

จริงๆ เบอร์20 นี้ฝ่ายเทคนิคของแบรนด์น้ำมันเครื่องหลายๆๆแบรนด์ ยังบอกเลยว่า ไม่ค่อยเหมาะกับสภาวะการจราจรในกรุงเทพครับ ความหนืดน้ำมันน้อยเจอความร้อนของการทำงานของเครื่องยนต์+ความร้อนสะสมยิ่งทำให้หนืดน้อยลง การสึกหรอก็มีมากขึ้น แต่จะมีข้อดีคือประหยัดน้ำมันครับ