มีใครยังจำทีมโบลตันได้มั้ย??
หลายคนคงคุ้นเคยกับโบลตัน วันเดอเรอร์ส ในฐานะตัวแสบแห่งพรีเมียร์ลีกนะครับ
พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่กับพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ฤดูกาลเริ่มต้น 1992/93 แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นขาประจำที่มีสีสันพอตัวนับตั้งแต่เลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนชิพขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเมื่อปี 1995
โบลตันเลื่อนชั้น-ตกชั้น-เลื่อนชั้น-ตกชั้นอยู่ 2 รอบก่อนที่จะรู้วิธีการเอาตัวรอดในลีกสูงสุดท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรด หลังจากเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 1995 ตกชั้นปี 1996 เลื่อนชั้นอีกครั้งปี 1997 ตกชั้นปี 1998 และกลับมาอีกรอบในปี 2001 สาวกเดอะทร็อตเตอร์สก็ได้สนุกไปกับช่วงเวลาในพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่องนานเกินทศวรรษก่อนจะตกชั้นอีกครั้งในปี 2012 แล้วก็ยังไม่ได้กลับขึ้นมาอีกเลย
พวกเขาไม่ได้มีเอี่ยวแย่งความสำเร็จอะไรนักหรอกครับ แต่เกมทื่อๆ แข็งๆ ของ แซม อัลลาร์ไดซ์ โดยเฉพาะยามที่เล่นในถิ่นรีบ็อค สเตเดี้ยมของตัวเองนั้นทำพิษทีมใหญ่ๆ มานักต่อนัก
ทีมของบิ๊กแซมมีลูกสูตรพิสดารมานำเสนอเรื่อยๆ มีนักเตะชื่อดังมากหน้าหลายตาทยอยเดินเข้ามาร่วมทัพอย่างไม่น่าเชื่อ เจย์เจย์ โอโคชา, เฟร์นานโด เอียร์โร่, อีบัน คัมโป้, ยูริ จอร์เกฟฟ์, ฮิเดโตชิ นากาตะ เคยได้ชื่อว่าเป็นขุนพลแห่งโบลตันทั้งนั้น
ทั้งแปลก ทั้งน่าอิจฉา ทั้งน่าทึ่ง และรู้สึกสนุกร่วมไปกับพวกเขาในเวลาเดียวกัน โบลตันในวันนั้นมีเสน่ห์แบบแปลกๆ นะครับ ภาพที่ติดหัวเป็นทีมโบราณ กุนซือแนวอังกฤษโบราณ แต่ทำไมแนวคิดและการเดินหมากแต่ละอย่างล้ำสมัยผิดกับภาพลักษณ์ของทีมชนิดซ้ายเป็นขวาหน้าเป็นหลัง
ยังมีใครอีกเล่าครับที่โบลตัน เฟรดี้ โบบิช, มาริโอ ชาร์เดล, แว็งซ็องต์ ก็องเดล่า, บรูโน่ เอ็นก๊อตตี้, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, นิโกล่าส์ อเนลก้า..
ผมคิดว่าบิ๊กแซมคืออัจฉริยะก็โบลตันยุคนั้นเลยนะครับ มันเหมือนเขามีเวทมนตร์เสกความพิเศษให้กับชาวโบลตันทุกๆ ปี มีเรื่องชวนให้เลิกคิ้วด้วยความตื่นตะลึงอยู่เสมอ ช่วงเวลาในยุคปี 2000 คือช่วงที่ดีที่สุดอีกช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้แน่นอน
มันก็น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเวทมนตร์แห่งบิ๊กแซมที่โบลตันก็ถึงวันสิ้นสุด เขาย้ายไปคุมทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่างนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และชีวิตของเขากับโบลตันก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลยนับจากนั้น
ความรู้สึกคล้ายๆ กับตอนที่ ไมค์ วอล์คเกอร์ ออกจากนอริช ซิตี้ ไปคุมเอฟเวอร์ตัน คล้ายๆ กับตอนที่ เดวิด มอยส์ ออกจากเอฟเวอร์ตันไปคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือมันกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงที่แพ้แทบทุกฝ่าย
เหมือนคนที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่กันนะครับ นับตั้งแต่ออกจากถิ่นรีบ็อค สเตเดี้ยม ที่อยู่มานานถึง 9 ปี บิ๊กแซมก็พเนจรคุมทีมอีกถึง 7 ทีมตลอดเวลา 11 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วทำงานกับทีมใหม่แต่ละที่แค่ปีเศษๆ เท่านั้นเอง โดยเฉพาะกับทีมชาติอังกฤษที่ถือเป็นจุดสูงสุดของเจ้าตัวก็มีอายุแค่เกมเดียวถ้วน
ขณะที่ตัวสโมสรโบลตันเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ หลังยุคของอัลลาร์ไดซ์พวกเขาไม่เคยมีผู้จัดการทีมคนไหนทำงานเกิน 3 ปีเลย แซมมี่ ลี 6 เดือน แกรี่ เม็กสัน 2 ปี 2 เดือน โอเว่น คอยล์ 2 ปี 9 เดือน ดูกี้ ฟรีดแมน 24 เดือน นีล เลนน่อน 1 ปี 5 เดือน
ปัจจุบันโบลตันมี ฟิล พาร์กินสัน อดีตมิดฟิลด์เร้ดดิ้งและอดีตนายใหญ่โคลเชสเตอร์, ฮัลล์ ซิตี้, ชาร์ลตัน แอธเลติก และ แบร๊ดฟอร์ด ซิตี้ นั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีม เริ่มนับหนึ่งเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 2016 ถ้าดูตามค่าเฉลี่ยอายุงานกุนซือยุคหลังบิ๊กแซมก็คงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
ชีวิตของแต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง แต่การแยกจากกันบางครั้งเป็นผลเสียต่อทั้งสองฝ่าย ถ้าล่วงรู้อนาคตก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับว่าบอร์ดบริหารของโบลตันกับอัลลาร์ไดซ์จะตกลงกันในวันนั้นว่าอย่างไร หรือถ้าวันนั้นสุดท้ายแล้วอัลลาร์ไดซ์ตอบปฏิเสธงานที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ไปทุกวันนี้ทั้งเขาและโบลตันจะเป็นอย่างไร
กับข่าวล่าสุดของโบลตันที่เป็นเพียงข่าวเล็กๆ ไม่ใหญ่โตเขย่าวงการ หลายคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ สถานการณ์ของอดีตตัวแสบแห่งพรีเมียร์ลีกทีมนี้กำลังลำบาก ชีวิตในลีกล่างไม่เคยสบาย มีน้อยใช้น้อยก็จริงทว่าไอ้ที่มีกลับน้อยลงเรื่อยๆ สถานะคือทรงกับทรุด
สังเวียนแข้งของพวกเขายังคงปักหลักอยู่ที่เดิมริมทางรถไฟสถานีฮอริช พาร์คเวย์ เดินทางสะดวกสบายจากแมนเชสเตอร์ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ชื่อสนามนั้นเปลี่ยนจากรีบ็อค สเตเดี้ยม ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1997 เป็น มาครอน สเตเดี้ยม เมื่อปี 2014 จนกระทั่งวันนี้ใช้ชื่อ เดอะยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ โบลตัน สเตเดี้ยม
ไม่มีการเปิดเผยว่าโบลตันได้รับค่าตอบแทนจากการจับมือกับมหาวิทยาลัยแห่งเมืองโบลตันเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่นะครับ ข้อมูลที่เปิดเผยออกมาจะเป็นในเรื่องประโยชน์ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับจากกันในลักษณะต่างตอบแทนรวมทั้งภาพลักษณ์ของสโมสรกับความใกล้ชิดกับชุมชนยิ่งขึ้นมากกว่า
คนดูในรังเหย้าของสโมสรลดลงเรื่อยๆ ความจุของสนามเหย้าโบลตันคือ 28,723 คน ยอดคนดูเฉลี่ยเคยพุ่งไปแตะเกือบสองหมื่นเจ็ดพันคนในยุครุ่งเรืองของบิ๊กแซมที่อุดมไปด้วยขุนพลชื่อดังในช่วงครึ่งทศวรรษแรกของยุค 2000 แต่เวลานี้ได้คนดูในเกมลีกแต่ละนัดสักหมื่นสี่หมื่นห้าก็ดีใจแล้ว คนดูเฉลี่ยในฤดูกาลล่าสุด 2017/18 คือหนึ่งหมื่นห้าพันคน
เป็นกราฟที่ดิ่งลงเรื่อยๆ ไม่ดิ่งน่ากลัวแต่ก็ค่อยๆ ดิ่งน่าเป็นห่วง
ความจริงยอดคนดูเฉลี่ยระดับนี้ถือว่าไม่น้อยเลยนะครับสำหรับทีมในลีกแชมเปี้ยนชิพ แต่มันอาจจะยังไม่มากพอที่จะเพิ่มพลังให้กับโบลตัน วันเดอเรอร์สในการกลับคืนสู่ลีกสูงสุดของประเทศ
จากโอโคชา, เอียร์โร่, จอร์เกฟฟ์, นากาตะ, อเนลก้า, คัมโป้, ก็องเดล่า ฯลฯ สตาร์คนปัจจุบันของโบลตันคือ จอช แม็กเจนนิส กองหน้าทีมชาติไอร์แลนด์เหนือที่เพิ่งย้ายมาจากชาร์ลตัน ขณะที่แข้งคนอื่นซึ่งพอจะคุ้นชื่อกันอยู่บ้างก็อย่าง เบน อัลนิค, แอนดี้ เทย์เลอร์, แซมมี่ อเมโอบี้ และ แกรี่ โอนีล
อันดับของทีมในตารางแชมเปี้ยนชิพยังมีลุ้นเลื่อนชั้นแบบเต็มตัวเพราะรั้งที่ 8 แต่สภาวะการเงินของโบลตันฝืดเคืองจริงๆ ครับ สองปีหลังมานี้ค่าเหนื่อยของนักเตะออกช้ากว่ากำหนดมาตลอดจนเมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมาเกมอุ่นเครื่องกับเซนต์ เมียร์เรน ต้องถูกยกเลิกไปเพราะนักฟุตบอลในทีมประท้วงไม่ลงเตะ
เราคุ้นเคยว่า ฟิล การ์ทไซด์ คือประธานสโมสรโบลตัน แต่ตำแหน่งนี้เปลี่ยนมือมาเป็นของ เคน แอนเดอร์สัน ตั้งแต่สองปีที่แล้วในช่วงที่สโมสรกำลังจะล้มละลาย
จากตัวเลขติดลบกลายมาเป็นบวกเล็กน้อย การบริหารของแอนเดอร์สันนับว่าทำได้ดีทีเดียวครับ กระทั่งมาสะดุดเอากับแผนงานชำระหนี้เงินกู้ 4.8 ล้านปอนด์ถูกบริษัทหลักทรัพย์ บลูมาร์เบิ้ล ปฏิเสธเนื่องจากไม่เชื่อมั่นในศักยภาพชำระหนี้ก้อนนี้ของสโมสร
ขั้นตอนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้คือโบลตันต้องหาเงินมาเพิ่มในการชำระหนี้ ต้องยื่นแผนงานชำระหนี้ใหม่ให้เจ้าหนี้พอใจ ขั้นตอนนี้น่าจะใช้เวลาอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 3 เดือน และช่วงเวลาที่กำลังเป็นปัญหานี้เองโบลตันอาจถูกลงโทษสั่งห้ามซื้อขายนักเตะเป็นเวลา 2 ปี #รวมทั้งหักคะแนนอีก12แต้ม
ความยุ่งยากจากเครดิตที่หายไปในคราวนี้ยิ่งทำให้โบลตันลำบากกว่าเดิม การเสาะหานักลงทุนมาสนับสนุนเพิ่มไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยสถานการณ์ทรงกับทรุดมองไม่ค่อยเห็นอนาคตอย่างนี้ใครจะกล้าโยนเงินลงมาเสี่ยง
ถ้าถูกลงโทษตัด 12 แต้มก็คงหนัก โอกาสตกชั้นพุ่งเข้าใส่ทันที แต่หากวิกฤติกว่านั้นเคลียร์หนี้ไม่ได้จนล้มครืน ทั้งวงการคงใจหาย โบลตันเป็นสโมสรเก่าแก่มีอายุ 144 ปีเข้าไปแล้วนะครับ เป็นหนึ่งใน 12 ทีมที่ร่วมก่อตั้งฟุตบอลลีกฤดูกาลแรกเมื่อปี 1888 ด้วย
แฟนบอลโบลตันบ้านเราคงมีไม่มาก เท่าที่สัมผัสมาคนรอบตัวผมไม่ได้มีใครเชียร์โบลตันเลย แต่ก็เชื่อว่าหลายคนไม่อยากเห็นทีมที่เคยสร้างสีสันในพรีเมียร์ลีกทีมนี้ย่ำแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ เอาใจช่วยพวกเขาครับ
Credit : ตังกุย
https://www.facebook.com/tangkui108/posts/305595076885114?__tn__=K-R