คิดว่าคำนี้ยังใช้ได้อยู่ ยุคนี้ทุกวงการตัดราคาแข่งกันกระจายแบบนี้ไหม



แล้วถ้าจะใช้คำนี้ได้ ของเราต้องดีและคุณภาพจริงใช่ไหครับ ถ้าแบบของก็ไม่ได้ดีกว่าชาวบ้านแต่มาเน้นคุณภาพแล้วให้มูลค่ามันสูงนี้ คนจะไม่สนใจเอาใช่ไหมครับ

ใช้ได้แค่บางธุรกิจ

ผมว่าแล้วแต่สินค้าน่ะครับ

สินค้าบางตัว ราคาแพงกว่าอีกตัว แต่ของดีกว่า
ทั้งคุณภาพ หรือ แบรนด์ ก็ว่ากันไป

แต่สินค้าบางอย่าง คนก็ดูว่าราคาที่ไหนถูกกว่ากันน่ะครับ

โลกกว้างขึ้น(โลกเท่าเดิมแต่เข้าถึงผู้ขาย ผู้ซื้อได้ง่ายขึ้น) คนมากขึ้น คู่แข่งมากขึ้น

ส่วนตัวผมว่าต้องแยกเป็นสองอย่าง ระหว่างของซื้อมาเพื่อใช้ กับ ของซื้อมาเพื่อโชว์

ของซื้อมาเพื่อใช้

แทบจะไม่มีตลาดไหน blue ocean ได้นานเลยครับแปบเดียวก็ red ocean แล้วดูอย่าง low cost airline เผลอแปบเดียว มีเกือบทุกสายการบิน

โรงแรม 5 ดาวยังต้องตัดราคากันเอง

ตลาดรถ ตลาดคอม ตลาดโน้ตบุค ตลาดมือถือก็เช่นกัน

ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่า ต่อไป จะเป็น ราคาถูก และ คุณภาพดี ควบคู่กันไปครับ

สรุปง่ายๆก็คือ อะไรที่ติดตลาด อะไรที่คนซื้อเยอะ แปบเดียวราคาก็ลงหมด เพราะมีคนทำมาขายแข่งกันเยอะ


ของซื้อมาเพื่อโชว์

อันนี้เป็นไปได้หมดเลยครับ ราคาสูงคุณภาพดี ราคาสูงคุณภาพแย่ อะไรไม่รู้อะ ราคาสูงไว้ก่อน คุณภาพเรื่องรอง พวกนี้ คือ ซื้อ status ซื้อตามรสนิยม กับความพึงพอใจที่จะจ่าย

คหสต นะครัช

ผมว่าคุณภาพไม่สำคัญเท่าแบรนอะ และ การวางตัวแบรนอะ

ใช้ได้ไม่ทุกวงการนะครับ ส่วนใหญ่ใช้ได้ในธุรกิจระดับตลาดล่างๆถึงกลางๆ

กลุ่มลูกค้าที่โฟกัสไปที่ราคาก่อนคุณภาพ แต่ตลาดกลางค่อนบนจนถึงตลาด hi-ends

ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ค่อยมีปัญหากับราคาสินค้า แต่ซื้อเพราะคุณภาพสินค้าหรือความพึงพอใจมากว่า

ผมคิดว่ากลยุทธ์ตัดราคามันส่งผลกระทบไปถึงการลดต้นทุนสินค้ามันเลยต้องลดคุณภาพสินค้าลงด้วย

สินค้าที่ดีมีคุณภาพ ควรเป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่าในตัวมันองครับ ดูอย่างสินค้าญี่ปุ่นก็ได้

สินค้าบางตัวโคตรจะธรรมดา แต่ add value ที่มาพร้อมแพคเกจสวยหรู มาพร้อมสตอรี่

และดีเทลที่น่าสนใจ ก็ช่วยทำให้สินค้านั้นๆไม่จำเป็นต้องแข่งขันทางด้านการลดราคา

เพื่อแย่งชิง market share เลย ถ้าไม่อยากทำธุรกิจที่อยู่ในสมรภูมิตัดราคา ก็จงสร้างธุรกิจ

ให้มีความ Unique และไม่เหมือนใครครับ

ผมว่าสุดท้ายก็ demand supply ครับ

ถึงทำสินค้ามีคุณภาพยังไง ไม่มี demand ก็ขายไม่ได้

ทำสินค้าไม่ดีราคาแพง แต่มี demand ก็ยังขายได้อยูดี

ไม่ว่ายุคไหนมันก็มีทั้งธุรกิจที่เน้นคุณภาพ และธุรกิจที่เน้นราคาอยู่ควบคู่กันไปตลอดแหละ แล้วแต่ว่าเราวาง position ของเรายังไง ถ้า Brand Image แสดงออกถึงคุณภาพ เราก็ตั้งราคาสูงได้ อย่าง Benz BMW เราก็อาจขายได้น้อยแต่กำไรต่อหน่วยเยอะ อีกแบบก็เน้นราคาจับต้องได้ อย่าง Eco car ซึ่งก็จะมีการแข่งขันด้านราคากับเจ้าอื่นสูง

ที่ว่า ถ้าจะใช้คำนี้ได้ ของเราต้องดีและคุณภาพจริงใช่ไหม มันก็ไม่จำเป็นว่าของเราจะต้องมีคุณภาพทัดเทียมกับเจ้าอื่นในทุก ๆ ด้านถึงจะขายได้ ขอแค่เรามีจุดแข็งอย่างน้อย 1 ด้าน ที่ชนะเจ้าอื่นได้ ก็ขายคนที่มีความชอบในด้านนั้น ๆ ได้แล้ว

ของก็ไม่ดีแต่มาเน้นคุณภาพ?

ผมก็ยึดหลักแบบนั้นนะครับ บางทีต้นทุนผมถูกกว่า แต่เห็นคู่แข่งตั้งราคามา ผมก็ไม่อยากตัด ไม่อยากตายหมู่ ส่วนใหญ่จะตั้งพอๆกะเค้าไป แล้วเน้นแถม เน้นบริการเอา

แต่ปีนี้ เริ่มท้อละครับ เริ่มไม่เชื่อในสิ่งที่เรียนมาและประสบการณ์ที่ทำมาสิบกว่าปีละ

ขนาดตอบไลน์เร็ว บางคนถามโน่นๆนี่นั่น เราพิมพ์ตอบเป็นครึ่ง ชม. ส่วนท้าย
"ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ" "ไว้ติดต่อกลับค่ะ" อยู่มานานขนาดนี้ เห็นประโยคพวกนี้จะรู้เลย ว่าโอกาสติดต่อกลับมาไม่ถึง 30% สุดท้ายก็ไปซื้อร้านที่ถูกกว่า
ทำงานขายมาสิบกว่าปี เริ่มเบื่อละครับ ถ้าไม่มีภาระนี่ ผมเอาสกิลไปทำอย่างอื่นเต็มตัวละ

ใครมีงานสายอื่น ก็รักษาไว้ดีๆนะครับ ค้าขายช่วงนี้ (ตลาดล่าง - กลาง) คนสนใจคุณภาพน้อยลง ราคามีผลมากขึ้น ต้นทุนไม่ดีจริง ท่านจะเหนื่อยมาก
ส่วนถ้าของ ไฮเอ็นด์ คุณภาพสูงๆแพงๆ คุณจะต้องอาศัยการสร้างเครดิตมาก (ใช้เวลา) เพราะคุณจะเจอลูกค้าซักโน่นนี่นั่น ราวกับคุณเป็นโจร ที่พร้อมจะหลอกเค้าตลอดเวลา

ผู้บริโภคไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นคุณค่าของสินค้าและบริการครับ แต่เกือบทุกคนเห็นคุณค่าของราคา

ของไม่ดีกว่าชาวบ้านแล้วเน้นคุณภาพคือยังไง หรือเน้นแค่ขายแพงกว่าชาวบ้าน


เอาจริงๆ มันรวมการบริการไปด้วยแหละ บางทีขายแพงกว่าแต่บริการดีกว่า คนก็เลือกซื้อเพราะบริการก็มี

แต่คนที่ไม่เลือกของเรา ไปเลือกที่ถูกกว่า ก็เพราะว่าเค้าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเราไง

ธุรกิจอยู่ได้ อยู่ที่ว่าจะจับกลุ่มเป้าหมายตรงไหน คนอยากซื้อถูกไม่ใช่ความผิดเค้า เค้าแค่ไม่ใช่ลูกค้าเรา คนยินดีซื้อแพงกว่าก็มี อยู่ที่ท่านมีอะไรไปขายเค้าให้เค้ายอมจ่ายแพง

ถ้าอยากเป็น Fuji
ก็อย่าไปกลัว ซูชิ 5 บาท

อ่านมาจากไหนสักที ชอบมาก

ผมก็เปิดธุรกิจเล็กๆ ของผมเองครับ และผมก็ทำทุกอย่าง เขียนโปรแกรมควบคุมระบบงาน ทำระบบบัญชี และก็เป็นพนักงานขายด้วยครับ

อันดับแรก ต้องถามก่อนว่า สินค้าที่คุณทำปริมาณเยอะขนาดไหน? กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มไหน? ตัวกลุ่มเป้าหมายสำคัญมากครับ เพราะจะบอกว่า เค้าจะเลือกซื้อของที่คุณภาพ หรือราคา

กลุ่มเป้าหมายในที่นี้ ถ้าเป็น ร้านค้าส่ง หรือร้านค้าย่อยที่รับสินค้าคุณไปขายต่ออีกที ยังไงก็เน้นที่ราคามาก่อน เพราะเค้าก็จะมีพนักงานขายหน้าร้านของเค้า ซึ่งจะการขายหน้าร้านก็จะเป็นไปตามกลไกของต้นทุนของสินค้าในร้าน ถ้าของคุณราคาแพง พนักงานขายก็อยากขายของต้นทุนต่ำ เพราะจะได้กำไรมากกว่า แล้วเค้าก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นมากกว่า

แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมาย เป็น end user จริงๆ คือผู้ใช้จริงๆ ผมว่า คนจะซื้อของเค้ามีธงมาตั้งแต่บ้านอยู่แล้วครับ ว่าอยากได้อะไร ราคาอาจจะสูงกว่า ต่ำกว่า นั่นเป็นเรื่องฝีมือของพนักงานขาย หรือเซลล์ละครับ

ผมขอตอบให้ตรงคำถามว่า ทำธุรกิจด้วยคำว่าเน้นคุณภาพ อย่าตัดราคา ทำได้ไหม? อันนี้ผมตอบในฐานะที่เป็นเซลล์นะครับ

ผมไม่เคยขายของถูก และผมไม่เคยขายของตัดราคา (ถ้าผมไม่อยากกวนตรีนใคร)
ผมเคยถามน้องๆ เซลล์ใหม่ หัดขายว่า "ทำยังไงถึงจะขายของได้ ทำไมเค้าถึงซื้อ" 7-8 คนจะบอกคล้ายๆ กันว่า

1. ซื้อเพราะราคาถูก (อันนี้บ่งบอกว่า ถ้าอยากขายได้ ก็ไปตัดราคาสิ)
2. บริการดี (คนนี้พ่วงว่า ถูกแล้วก็บริการให้ดีด้วย เพิ่มไป)

แต่คำตอบที่ผมบอกน้องๆ ทั้งหมดไปว่าคนซื้อ เค้าไม่ได้ซื้อ เพราะราคาถูก หรือบริการดีหรอก "เค้าซื้อเพราะชอบ"

คำว่า "ชอบ" นี่โคตรกว้างมาก ลองถามตัวเอง วันนี้จะออกจากบ้าน จะไปซื้อ สตั๊ดใหม่ เอารุ่นนี้ ยี่ห้อนี้เลย แสดงว่า มี "ธง" ในใจแล้ว จะซ์้อรุ่นนี้ ราคานี้ ทำการบ้านมาหมด

พอถึงร้านค้า ร้านแรก คนเยอะ ถามราคาพูดจาหมาไม่แดก มองเหยียดๆ เราก็ไม่ซื้อก็ได้ กูไปร้านใหม่

ร้านสอง ผู้หญิงขาย หน้าตาดี นมทิ่มหน้ามาเลย ถามราคาน้องบอก แพงกว่า 500 บาท ตกลงกูซื้อ นั่นไง ขายได้แล้ว ซื้อแล้ว ซื้อแพงด้วย เพราะอะไร?

"เพราะชอบไง" อันนี้ไม่ได้ชอบสินค้า แต่ "ชอบคนขาย ชอบบริการ บวกกับไปเปรียบเทียบกับไอ้ร้านตะกี้ แม่งไม่สนใจใยดีกูเลย"

ผมกำลังจะบอกว่า ถ้าทำธุรกิจเอง ผมว่าให้ความสนใจกับพนักงานขายดีกว่าครับ คนขายเก่งๆ ไม่ต้องไปทำอะไรกับสินค้าเลย เด๋วมันก็ขายได้ หาแรงจูงใจให้คนพนักงานขายดีๆ ดีกว่า สินค้าของเราพยายามทำให้มีจุดขาย จุดยืน ให้พนักงานขายไปโม้ได้ ก็พอครับ

ของหลายๆ อย่าง ทุกอย่างเหมือนกันหมด คุณภาพ ราคา เหมือนกันหมด บางอย่าง ก็ขายที่ story ครับ ไอ้ยี่ห้อนี้เจ้าของมันเกือบตายห่ามาแล้ว ปั่นจักรยานไปส่งของโดนรถเฉี่ยวปางตาย หลังจากส่งของเสร็จ พอขายได้หมด ก็เลยมาเปิดร้านเองไรงี้ มันเยอะครับ

ยังไงผมก็เน้นให้ สนใจเรืองพนักงานขาย กับ marketing มากกว่าครับ สู้ๆ นะครับ

ธุรกิจมันไม่ตายตัวหรอกครับ ราคาหรือคุณภาพ แล้วแต่จังหวะช่วงเวลาในขณะนั้น