บริษัทที่เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างไทย และญี่ปุ่น พอดีผมสนใจน่ะครับ
จริง ๆ เคยถามไปครั้งนึงแล้ว แต่ตอนนี้ชัดเจนเรื่องโอกาสร่วมงาน จึงขอสอบถามอีกครั้งนึง

1.วัฒนธรรมญี่ปุ่นเนี่ย มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
2.มีโอกาสได้ไปฝึกงาน ทำงานที่ญี่ปุ่นไหมครับ
3.ถ้าเทียบกับบริษัทไทย มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
4.จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือไม่

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ข้อดีคือเลี้ยงคน ถ้ามีอายุหน่อย แล้วจะลงหลักปักฐานก็น่าสนใจ

ต่างกับ บ ฝรั่งที่เงินเยอะเงินไว แต่ถึงจุดนึงที่หาคนเงินน้อยกว่ามาทำได้ก็ให้ออก(อันนี้จากคำบอกเล่าคนรอบๆตัวนะ)

ข้อเสียคือวัฒนธรรม ค่อนข้างน่ารำคาญสำหรับผม
เช่นมีอะไรพูดอ้อมโลกกว่าคนไทยซะอีก

ภาษาญี่ปุ่นถ้าพูดได้ก็มีโอกาสนำเสนอไอเดียตัวเอง มีโอกาสเจ้าประชุมกับลูกค้า ก้อมีผลเรื่องภาพลักษณ์ แต่ไม่ได้ก้อมีล่ามอยู่ละ

เอาจากประสบการณ์แฟนเก่าผมนะ

1.วัฒนธรรมญี่ปุ่นเนี่ย มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ

เสียดัง คุยภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง แต่อยากคุย แล้วแอคทีพกันมากๆ แล้วแฟนเก่าผมมันทำงานด้านวิเคราะห์ระบบคือต้องคุยกับอินเดีย ญี่ปุ่น สิงค์โปร กลับห้องมาคือเครียดทุกวัน

อีกอย่างคือสังสรรค์บ่อยมาก เพื่อนแฟนเก่าผมที่เป็นญี่ปุ่นนี่ชวนกันไปกินทุกวันเลยมั้ง เหมือนเป็นธรรมเนียมป่ะ

2.มีโอกาสได้ไปฝึกงาน ทำงานที่ญี่ปุ่นไหมครับ

แฟนเก่าผมได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น 1 ปี ได้เงินเดือน 2 ที่ ตอนอยู่ญี่ปุ่นที่พักฟรี

3.ถ้าเทียบกับบริษัทไทย มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง

ผมว่าไม่ค่อยต่างนะ อาจจะมีคนบอกเรื่องเวลาทำงาน แต่บริษัทผม(บริษัทไทย)ก็เคร่งเหมือนกัน

4.จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือไม่

ตอนที่แฟนเก่าผมจะไปญี่ปุ่นเขามีส่งไปเรียนคอสภาษาญี่ปุ่นครึ่งปี

จากประสบการณ์ที่เคยต้องดิวงานกันนะครับ

ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าลูกครึ่งที่เป็น ใครเป็นผู้บริหารครับ ไทยหรือญี่ปุ่น ?

ถ้าท๊อปเป็นไทย ก็คือ บ.ไทย ครับ เขาแค่มาร่วมทุน
แต่ถ้าท๊อปเป็นญี่ปุ่น หัวหน้างานก็ญี่ปุ่น ก็ตามนี้ครับ

1. เน้นเรื่องเวลามาก คุณอย่ามาสายให้เห็น เพราะคุณจะโดนมองว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบในงาน ซึ่งโดยปกติ คนญี่ปุ่นก็มองคนไทยแบบนี้
ในเรื่องการทำงานที่เคยเจอ ต้องยอมรับว่าถ้ามีเพื่อนร่วมงานเป็นคนญี่ปุ่น เขาเคร่งในงานมาก แต่พอไม่ใช่เวลางานก็ชอบกินเบียร์ แช่น้ำ
ส่วนระบบซีเนียร์ ของเขาสำคัญมาก

2. ถ้าคุณมีแววให้นายเห็น พ่วงข้อ 4 มาด้วย

3. ถ้าเพื่อนร่วมงานเป็นคนไทยเป็นหลัก ก็เหมือนอยู่ บ. ไทย แต่เวลาประชุมกับนายญี่ปุ่นก็จะเคร่งเครียด สุดท้ายก็เหมือนกัน ตั้งเป้าหมายไว้ แล้วแต่ว่าจะไปให้ถึงแบบไหน ซึ่งแนวทางญี่ปุ่นมันชัดเจนและแน่นอนตามที่เขาเป็น ว่ามาจากการทำงานหนัก

4. ถ้าอยากก้าวหน้า ต้องเรียนไว้ด้วยครับ ภาษาอังกฤษแค่ส่วนนึง ระดับท๊อปที่เป็นญี่ปุ่นบางคนต้องใช้ล่าม ถ้าเราพูดภาษาเขาได้ เอาใจไปเลยครับ

บริษัทญี่ปุ่น จะดังเรื่องของความหนักในการทำงาน ไม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพ คือให้นั่งทำงานนานๆ ได้ยิ่งดูเป็นคนที่น่าผลักดันขึ้นไปสูงๆ ก็คล้ายๆ บริษัทจีนหรือไทยอยู่ ที่ญี่ปุ่นจะเข้มกว่า

โบนัสค่อนข้างดี จากประสบการณ์เมียผม เงินเดือนเมียน้อยกว่าผม 5 เท่า โบนัสออกมาเป็นตัวเงิน เมียได้เยอะกว่าผมหน่อย

สิ่งที่ไม่ชอบเลยเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทฝรั่ง(ที่ผมทำ) คือพวกผู้บริหารเค้ามักเห็นตัวเองเป็นเทพ เป็นผู้สูงส่ง เข้าของบริษัทมาจากญี่ปุ่น ต้องเช่ารถเล็กซัสให้พร้อมคนขับ ต้องเอาของไปต้อนรับที่โรงแรม(เมียผมพาผมไปด้วย จำฝังใจ วันหยุดด้วยนะนั่น) ต้องพากินข้าวร้านหรูแทบทุกมื้อ และทั้งหมดนั้น ลงบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทฝั่งไทย (ซึ่งมีผลต่อกำไร และการประเมินโบนัส) และเวลาเค้าพูดในที่ประชุม ทุกคนต้องฟัง ห้ามเถียง ห้ามโต้แย้ง ตรงกันข้ามกับบริษัทผม เจ้าของบริษัทมา นั่งรถไฟฟ้า/แท็กซี่มาทำงาน กินข้าวตามสั่งร้านข้างทางกับพนักงาน ได้คุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดกัน เวลาประชุมดุเดือดกันเค้าก็ไม่ว่า ยินดีตอบ (บริษัทเมีย แค่มีคนยกมือจะถาม ผู้บริหารฝั่งไทยสั่งเลยให้เอามือลง ไม่ให้ถาม)

ปล. บริษัทที่ผมทำ ใหญ่กว่าบริษัทเมียเยอะนะ แต่ญี่ปุ่นเรื่องเยอะกว่าจริงๆ

1.วัฒนธรรมญี่ปุ่นเนี่ย มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
ข้อดีคือสวัสดิการพนักงานครับ​ ค่อนข้างครอบคลุม​ ไม่ปลดพนักงานถ้าไม่จำเป็นจริงๆ​ อยู่จนเกษียรเลยก็ได้​
ข้อเสียคือบ้างานมาก​ๆ​ โอทีต้องทำ​ เวลาส่วนตัวน้อย​ เสียสุขภาพ​ ตำแหน่งงานขึ้นตามอายุงาน​ ยิ่งอยู่นานตำแหน่งยิ่งสูง

2.มีโอกาสได้ไปฝึกงาน ทำงานที่ญี่ปุ่นไหมครับ
-ถ้าบริษัทมีสาขาที่ญี่ปุ่น​มีโอกาสแน่ๆ​ ครับ​ อยู่ที่ว่าจะได้ไประยะสั้น​ หรือระยะยาว​เป็นปี​ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าได้ไปญี่ปุ่นจะติดสัญญากับทางบริษัทว่าต้องทำงานต่อไปอีกอย่างน้อยกี่ปีก็ว่ากันไป​ ถึงจะสามารถลาออกได้

3.ถ้าเทียบกับบริษัทไทย มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
-เงินเดือน+โบนัสเยอะกว่า​แต่ต้องแลกมาด้วยการทำโอทีที่ค่อนข้างเยอะ
-สวัสดิการดีกว่า
-ค่อนข้างเคารพในความสามารถของคนไทย

4.จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือไม่
-ไม่จำเป็น​ บริษัทใหญ่ๆจะมีล่าม​ ถ้าต้องติดต่อกับคนญี่ปุ่นโดยตรงใช้ภาษาอังกฤษ​ แต่ถ้าท่านขึ้นตำแหน่งระดับผู้จัดการขึ้นไปควรพูดสื่อสารญี่ปุ่นได้​ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียนก่อนไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น​ พอไปอยู่สักพักก็จะเริ่มซึมซับและสิ่อสารได้

อย่าไปเลย โตยาก ฝรั่งดีกว่า

ตอบจากที่เคยทำเเละเคยไปติดต่องานในบริษัทญี่ปุ่นนะครับ

1.วัฒนธรรมญี่ปุ่นเนี่ย มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
-ความรับผิดชอบคือที่สุด ถ้าในเวลางานนี่จะมารีเเล็กซ์ให้เห็นกันเเทบไม่มี

2.มีโอกาสได้ไปฝึกงาน ทำงานที่ญี่ปุ่นไหมครับ
-ไปดูงานไปเที่ยวนั่นมันเเน่นอน เเต่จะถึงขั้นโอนตัวไปที่นั่นมันก็ไปได้ เเต่ต้องถามว่าเค้าจะเอาไปเพื่อ?

3.ถ้าเทียบกับบริษัทไทย มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
-ความจริงจัง เวลางานคืองาน จะมาทำไปเเปปๆออกไปดูดบุหรี เดี๋ยวไปเข้าห้องน้า คุยเล่นไปทำไปนี่เเทบไม่เห็น

4.จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือไม่
-ไม่จำเป็น สปึคอิงลิชเอา เเละส่วนใหญ่นายญี่ปุ่นหรือพวกลีดเดอร์เค้าอยู่ไทยกันมาไม่รู้กี่บริษัทเเล้ว พูดฟังไทยกันได้ทั้งนั้น เวลาเรียกเค้าห้ามลืมคำว่าซังต่อท้ายชื้อเด็ดขาด

ดีตรงมีสังสรรค์บ่อย ของผมเวลาไม่ได้ซีเรียสนะ ถึงเวลาเลิกงานก็กลับ

ภาษาญป ไม่จำเป็น แต่ถ้าได้ ก็คุยกับหัวหน้ารู้เรื่อง เข้าถึงเค้าได้มากกว่า ก็ดูดีกว่าอะ

แต่ของผมเป็นบอ ญป ที่มาทำในไทยครับ หัวหน้าใหญ่ๆจะเป็น ญป หัวหน้าระดับแผนกจะเป็นคนไทย

1. วัฒนธรรมญี่ปุ่น จะเน้นเรื่อง Seniority และไม่ Flexible เติบโตตามสายเลือด

2. โอกาสขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้ครับ หน่วยธุรกิจ สายงาน เลเวลของตำแหน่ง

3. บริษัทไทย จะเน้นอะไรเรียบง่าย ( ไม่ได้แปลว่าดี ) อีกความหมายก็ ชุ่ยๆ เอาง่ายไว้ก่อน จ้างไม่แพง แนว family business เติบโตด้วยอายุงาน การตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนๆเดียว
4. สำหรับผมในยุคสมัยนี้ ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ภาษาอังกฤษต่างหาก บางครั้งพวกญี่ปุ่น ก็ไม่ชอบคนรู้เยอะ

ปล. เดียวนี้ญี่ปุ่นอินเตอร์เยอะครับ ยกเว้นพวกญี่ปุ่นแนวโรงงานก็จะ โอลด์ สไตล์ หน่อย อีกอย่าง อย่าวาดฝันว่า ญี่ปุ่นมันจะมารยาทดีงาม เหมือนในหนัง อ่อนน้อม ก้มหัวง่ายๆนะ มันเล่นได้หลายบท 555555

ตอบเป็นข้อๆนะครับจากประสบการณ์ตรงของผมเองที่เคยอยู่นะครับ

ข้อ 1. ตรงต่อเวลาเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก เน้นระบบระเบียบถ้าทำไรนอกลู่นอกทางนี่โดนเรียกคุยได้ง่ายๆ ทำไรต้องมีแบบแผนชัดเจนครับถ้าทำตัวซุยๆไม่มีอะไรอ้างอิงก็ยับครับ คราวๆก็เข้มงวดแหละ อีกเรื่องที่ผมเคยโดนคือเวลากลับบ้านครับใครกลับก่อนหัวหน้านี่ถือว่าแกะดำเลย ออกก่อน ออกเร็วต้องมีเหตุผลในการลาที่ชัดเจนแล้วตามมารยาทที่ทำงานเก่าผมคือต้องไปลาหัวหน้าก่อนกลับบ้านครับจำไม่ได้ละว่าต้องพูดว่าอะไรภาษาญี่ปุ่น 5555

ข้อ 2. ถ้าที่ทำงานเก่าผมโอกาสได้ไปญี่ปุ่นค่อนข้างสูงมากมีทั้งไปดูงาน 3-4 วันหรือไปทำงานเลยเป็นเดือนๆก็มี โอกาสได้ไปเยอะมากครับ

ข้อ 3. เทียบกับที่ใหม่ผมละกันไทยมาก ตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆนี่เจอ culture shock ไปหลายอย่างเหมือนกัน เด่นๆเลยเรื่องเวลาครับนัดบ่ายมา บ่ายครึ่ง บ่ายสองนี่ปกติเลยต้องทำใจ ความเข้มงวดก็น้อยกว่ามากถึงมากที่สุด ทำตัวง่ายๆฟรีๆสบายๆครับ

ข้อ 4. โอกาสการเติบโตของที่เก่าผมนี่ขึ้นอยู่กับภาษาญี่ปุ่นเลยครับ ถ้าเก่งภาษาโอกาสได้ไปอยู่แบบทำงานยาวๆที่ญี่ปุ่นมีสูงมาก แล้วกลับมาที่ก็แทบจะเรียกว่าตำแหน่งก้าวกระโดดเลย แต่ข้อดีของที่เก่าผมคือเขาส่งเรียนฟรีนะครับค่าภาษาเบิกได้ ผมก็เคยเรียนอยู่ 5555 แต่ตอนนี้คืนอาจารย์ไปหมดละหลังจากออกจากที่เก่ามาหลายปี

ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันครับอันนี้เป็นประสบการณ์ของผมเฉยๆนะเล่าสู่กันฟัง อ่ออีกอย่างบริษัทเก่าผมนี่เรียกว่าแทบจะเป็นญี่ปุ่นจ๋าเลยหัวหน้า 90% เป็นชาวญี่ปุ่นหมดเลยเข้มงวดนิดนึง

ตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ

1.วัฒนธรรมญี่ปุ่นเนี่ย มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
- อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ ถ้าเป็นคนที่ชอบงานที่มั่นคง เติบโตตามอายุงานก็อาจจะชอบ แต่ถ้าประเมินดูแล้วว่าเราชอบงานที่มีโอกาสได้เติบโตตามความสามารถ ได้นำเสนออะไรใหม่ๆมากกว่าก็อาจจะมองว่าเป็นข้อเสียครับ

2.มีโอกาสได้ไปฝึกงาน ทำงานที่ญี่ปุ่นไหมครับ
- น่าจะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทครับ แต่ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบจะมี ซึ่งก็คงไม่ได้ไปทุกคน ทางบริษัทคงต้องคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งหากกลับมาแล้วก็จะต้องติดสัญญาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งครับ

3.ถ้าเทียบกับบริษัทไทย มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
- หลักๆจะเป็นเรื่องกฎระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด มีการประเมินผลการทำงานโดยดูจากเวลาการมาทำงานด้วย เป็นต้น ด้านเงินเดือนไม่น่าจะต่างกับบริษัทไทยมาก แต่จะได้เปรียบตรงโบนัสและสวัสดิการต่างๆครับ

4.จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือไม่
- ไม่จำเป็นครับ แต่ถ้าเราได้ภาษาญี่ปุ่นในระดับที่สามารถสื่อสารได้ ก็จะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากครับ

ปล.ผมทำงานที่บ.ญี่ปุ่นประมาณ 6 ปีแล้วครับ ตอนนี้มาฝึกงานอยู่ที่ญี่ปุ่น