ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 3410
ที่อยู่: คณะราษฎร์
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:13
เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน


ขอตามกระแสนิดนึง ผมขอเล่าตามที่ผมรู้แล้วกันมีช่วงไหนข้ามๆหรือเข้าใจผิดไปบ้างท่านใดจะเสริมก็ได้นะครับ

ขอเกริ่นเริ่มจากสภาพภูมิประเทศแถวๆยุโรปก่อน

ในภาคพื้นทวีปยุโรป(ไม่นับเกาะอังกฤษ) มีสามพื้นที่หลักๆที่อุดมสมบูรณ์และสภาพ
อากาศเหมาะแก่การตั้งรกรากคือคาบสมุทรไอบีเรีย(สเปน+โปรตุเกส)ฝรั่งเศส และ
คาบสมุทรอิตาลี(ผมมองว่าแถบเยอรมันในยุคนั้นยังไม่ค่อยเหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานมากนะ เนื่องจากอยู่ลึกเข้าไปในทวีป จะมีเหมาะหน่อยก็ตรงส่วนที่ติดกับทะเลเหนือซึ่งค่อนข้างห่างไกลชาวบ้านเขานะตอนนั้น) ทีนี้ฝรั่งเศสนั้นเป็นรกรากของพวกแฟรงค์(เพี้ยนมาเป็น France นี่แหละ)มาอย่างยาวนานเหนียวแน่น อาจจะมีบางช่วงตกไปเป็นของอังกฤษหรืออยู่ใต้โรมันบ้างบาง แต่ชาวแฟรงค์มีความเป็นชนชาติเหนียวแน่นมาก อาจพูดได้ว่าฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในชาติรัฐที่อยู่มายืนยาวมากที่สุดชาติหนึ่งในยุโรป ในขณะที่คาบสมุทรอิตาลีตกอยู่ใต้อำนาจของชาวโรมัน เมื่อโรมันล่มสลายไปก็แตกเป็นรัฐย่อยๆหลายๆรัฐยังคงเหนียวแน่นในเรื่องชนชาติและได้อยู่ใต้ความคุ้มครองของจักวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ช่วงหนึ่ง บางช่วงก็เป็นที่แย่งชิงระหว่างฝรั่งเศส สเปน และออสเตรียและมารวมเป็นประเทศได้ก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แปปนึง แต่สิ่งที่เหมือนกันระหว่างฝรั่งเศสละคาบสมุทรอิตาลีคือผู้อยู่อาศัยมีความเหนียวแน่นทางวัฒนธรรมกับเชื้อชาติมากกว่า ในขณะที่คาบสมุทรไอบีเรียนนั้นเต็มไปด้วยชาติพันธ์ที่แตกต่างมากมาย(ก็มันอุดมสมบูรณ์จะไปแย่งชิงพื้นที่ในฝรั่งเศสกับอิตาลีก็โดนเจ้าที่เขาไล่ทุบเอา ก็มากองๆปนกันอยู่แถวนี้แหละ)รู้สึกจะมีนับเป็นแคว้นประมาณ 17 แคว้น ด้วยความที่มันไม่มีเอกภาพนี่แหละครับ ทำให้โดนชนชาติที่มีเอกภาพอย่างพวกแขกมัวร์ชาวมุสลิมจากทวีปแอฟฟริกาไล่ที่ขึ้นมาจากด้านล่างของสเปนจนท้ายสุดเหลืออยู่สามแคว้นที่ยังยันไว้ตามแนวเทือกเขาพิเรนีส(เทือกเขาที่เป็นกันชนกับชายแดนฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศนี่แหละใช้เป็นกันชนรบแทนพวกเขา เพราะถ้าพวกมุสลิมยึดได้หมดไอบีเรียต่อไปก็ต้องมาเกาะแกะฝรั่งเศส สู้ใช้พวกนี้สู้แทนดีกว่าส่งแต่ท่อน้ำเลี้ยงไป ) พวกแขกมัวร์ครองพื้นที่อยู่ประมาณ 800 ปี หลังจากนี้จะเริ่มเข้าสู่เรื่องราวของการกำเนิดสเปนแล้วครับ



การยึดดินแดนคืน
เริ่มต้นคศ. 722(ตามวิกินะครับ)ด้วยการสนับสนุนจากศาสนจักรและชาวแฟรงค์ มวลมหาชาวคริสต์ได้เริ่มทวงคืนดินแดนจากพวกมัวร์มุสลิมจนถึงปีราวๆปีคศ. 1248 ก็สามารถทวงคืนพื้นที่มาได้เกือบจะทั้งหมดเหลือพวกแขกมัวร์ชุดสุดท้ายอยู่แถวๆกรานาด้า ตอนนี้พวกชาวคริสต์ก็เหลือแค่ 3 แคว้นใหญ่คือคลาสติลและอารากอนและแคว้นเล็กอย่างนาวาร์ โดยคลาสติลประกอบไปด้วยหลักๆคือพวกชนชาวกาลีเซีย ลีออน และคาสติล อารากอนก็จะเป็นคาตาลันและพื้นที่แถวๆซาราโกซากับบาเลนเซีย ในขณะที่นาวาร์ก็มีที่เป็นที่รู้จักอย่างพวกบาสค์(จะเห็นได้ว่าก็ยังไม่ถือเป็นเชื้อชาติเดียวกันเท่าไหร่)



การแต่งงานแห่งคาบสมุทรไอบีเรีย
ในปีคศ.1469 ได้เกิดการแต่งงานที่ลือลั่นที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุโรป ระหว่าง สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งคาสตีลและพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งอารากอนซึ่งทำให้พื้นที่ในคาบสมุทรไอบีเรียมีความเป็นเอกภาพขึ้นเป็นครั้งแรก(คือปกครองด้วยกันใต้ 2 ผัวเมียนี่แหละ)ส่งผลให้สเปนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของยุโรปอย่างเต็มตัว แต่มีเรื่องซุบซิบกันในประวัติศาสตร์ยุโรปว่าคิงเฟอร์ดินานที่ 2 ทรงกลัวเมีย อันนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ตามประวัติศาสตร์แล้วควีนอิซซาเบลล่าทรงมีอิทธิพลสูงกว่าสามีเป็นอย่างมาก อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งในคาบสมุทรไอบีเรีย เป็นควีนองค์นี้แหละที่อนุญาติให้โคลัมบัสสำรวจทวีปใหม่ และวางรากฐานให้สเปนกลายเป็นมหาอำนาจที่เกรียงไกรที่สุดในยุโรปอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่คิงทรงกลัวเมียทำให้หลังจากนั้นมาศูนย์กลางอำนาจของสเปนย้ายมาอยู่ที่แถวๆมาดริด(แถวคลาสติญญ่าจัดว่าอยู่แถวๆกึ่งกลางประเทศพอดี ซึ่งมาดริดก็ยังเป็นศูนย์กลางการบริหารของสเปนมาถึงทุกวันนี้) ควีนอิซซาเบลล่าเป็นผู้ผนวกรวมเอาแคว้นนาวาร์และกรานาด้าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสเปนได้สำเร็จ หลังจากนี้พื้นที่ของคาสติลและอารากอนจะถูกควบรวมกันและเรียกว่าสเปนจนถึงปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ชาญฉลาดของควีนอิซซาเบลล่าคือทรงอุปถัมศาสนาคริสนิกายโรมันคาทอลิคอย่างเข้มแข็ง ดังนั้นสเปนอาจจะเป็นชนชาติเดียวในยุโรปก็ว่าได้ที่ศรัทธาในคาทอลิกอย่างลึกซึ้ง(ผมคิดว่าเขารวมกันอยู่ได้ในสมัยนั้นก็เพราะศาสนานี่แหละ เพราะเคร่งอย่างมากตอนนั้นศาสนาเรียกได้มีอิทธพลเหนือชาติรัฐ พอชาวยุโรปเขาเริ่มปฏิรูปศาสนาเพื่อหนีการครอบงำของโป๊ปแห่งโรมกัน สเปนเล่นปิดประเทศไม่รับนิกายใหม่ซะงั้น )



สงครามกลางเมืองสเปน
*หลังจากนี้มองประวัติศาสตร์ให้เป็นประวัติศาสตร์นะครับ ใครจะคิดเห็นตีความอย่างไรก็ตามสะดวกแต่อย่าลากอย่าโยงให้เดือดร้อน*
ราวๆคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชาวสเปนเริ่มมีความพยายามจัดตั้งรัฐบาลที่มีการเลือกตั้งจากประชาชน(ระบอบสาธารณะรัฐชาติแรกๆของยุโรปเริ่มมาจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสแล้วเริ่มลามไปสู่ประเทศอื่นๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือฝรั่งเศสกลายเป็นสาธารณะอยู่ได้แปปนึงแล้วก็ได้ชายร่างเตี้ยผู้สร้างความสะพรึงกลัวไปทั่วยุโรปขึ้นเป็นจักรพรรดิ ) และพลักดันกษัตริย์ออกนอกประเทศก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายนิยมสาธารณรัฐและฝ่ายชาตินิยม สิ่งหนึ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดคือสงครามครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการเพราะเข้าใจว่าผู้นิยมสาธารณะรัฐมักฝักใฝ่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือสงครามครั้งนี้เป็นสงครามของอุดมการณ์ทางการเมืองที่นัวกันเละเทะที่สุดเพราะ ฝ่ายนิยมสาธารณะรัฐประกอบไปด้วยกลุ่มชนชั้นแรงงานที่ไม่พอใจรัฐบาล กลุ่มคอมมิวนิส กลุ่มสังคมนิยม(มีหลายสายนะ) และกลุ่มที่มุ่งประโยชน์เพื่อแยกเชื้อชาติและพื้นที่ออกจากรัฐบาลกลางอย่างชาวบาสถ์หรือคาตาลัน ในขณะที่ฝ่ายชาตินิยมประกอบไปด้วยพวกฟาสซิส พวกนิยมกษัตริย์ พวกคาทอลิกหัวเก่า ด้วยความที่แม้จะแบ่งเป็นสองขั้วใหญ่ๆแต่จุดมุ่งหมายต่างกันไป ทำให้สงครามกลางเมืองสเปนกลายเป็นพื้นที่ประลองกำลังของขั้วอุดมการณ์ต่างๆในโลก ต่างก็ช่วยกันส่งกำลังสนับสนุน(อย่างไม่เป็นทางการ ) อันที่จริงในตอนนั้นประชาธิปไตยดูจะเป็นระบบที่ห่างไกลจากสงครามครั้งนี้มากที่สุด เพราะพี่ใหญ่อย่างพญาอินทรีที่เราก็รู้ว่าใครเลือกอยู่นิ่งๆแล้วรอดูว่าสองเสือ(หรือหมาในแล้วแต่ใครมอง)อย่างคอมมิวนิสโซเวียสและฟาสซิสอักษะอย่างเยอรมันและอิตาลีใครจะชนะ
และก็อย่างที่รู้กันทั่วด้วยความช่วยเหลือจากเยอรมันและอิตาลีนายพลฟรังโก้เป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้



ภายใต้การปกครองของนายพลฟรังโก้
หลังจากชนะในสงครามกลางเมืองแล้ว เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น
นายพลฟรังโก้ก็ได้ทำตัวเป็นนกรู้ โดยการประกาศตัวเป็นกลาง แต่ในช่วงแรกนั้นค่อนข้างเอนเอียงไปสนับสนุนฝ่ายอักษะเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันนีและอิตาลีในช่วงสงครามกลางเมืองโดยการส่งกองทหารอาสา(เป็นกลางจริงๆนะ เขาอาสาไปเอง รัฐบาลแค่อำนวยความสะดวกให้ ) แต่เมื่อเห็นว่าแนวโน้มความได้เปรียบของสงครามได้ย้ายไปอยู่กับฝั่งสัมพันธมิตรท่านนายพลก็โชว์ทักษะสาริกาลิ้นทองสั่งปลดรัฐมนตรีต่างประเทศ และเนื่องจากจุดยุทธศาสตร์ของสเปนที่สะดวกต่อการเดินทัพระหว่างยุโรปกับแอฟฟริกา ฝ่ายสัมพันธ์มิตรจึงยินดีที่ทำข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ระหว่างกันหลายอย่างเช่นยอมให้กองกำลังสัมพันธ์มิตรเดินทัพผ่านสเปนเพื่อไปรบกับอักษะ(เป็นกลางมาก ) แต่ข้อดีจากการเป็นนกสองหัวของนายพลฟรังโก้และสเปนในครั้งนี้คือสเปนรอดพ้นจากความย่อยยับจากผลของสงครามโลกครั้งที่2 (เละเทะเพราะสงครามกลางเมืองมาแล้ว แต่ถ้าเทียบกับฝรั่งเศสและอังกฤษที่ติดหนี้อเมริกาหัวโต บ้านเมืองโดนระเบิดเละเทะ เยอรมันที่ต้องเสียค่าปฏิกรสงครามมหาศาลแถมเจอพิษกองทัพแดงโดนแบ่งประเทศเข้าไปอีกแล้วถือว่าดีกว่าเยอะ) และได้ประโยชน์หลายๆเรื่องจากการที่มีความสัมพันธ์กับฝ่ายสมัพันธมิตรโดยเฉพาะอเมริกา โดยในยุคสงครามเย็นสเปนเลือกที่จะเข้ากับฝ่ายโลกเสรี(ไม่แปลกฟาสซิสเกลียดคอมมิวนิสมากกว่าประชาธิปไตยอยู่ละในความคิดผม) ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้พี่ใหญ่อเมริกาได้เข้ามาตั้งฐานทัพเพื่อเตรียมรับมือกับโซเวียตในสเปนโดยอเมริกาช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายๆด้านให้กับสเปนส่งผลให้สามารถฟื้นฟูประเทศกลับมาได้เร็วเนื่องจากมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเยอะมาก (บางคนมองว่านายพลฟรังโก้เป็นผู้ที่ทำให้สเปนฟื้นกลับมาได้เร็วจากสงครามกลางเมืองอีกครั้ง ซึ่งก็อาจจะใช่ส่วนหนึ่งแต่ถ้าไม่ได้อเมริกาแล้วคาดว่าจะซมไปอีกนาน) บทบาทการปกครองช่วงนี้ของท่านนายพลก็คือการทำให้ประเทศอยู่ในความสงบมากที่สุดโดยการใช้ปากกระบอกปืนปิดปากคน ในยุคนี้ทหารและตำรวจจะจงรักภักดีกับนายพลฟรังโก้มากเนื่องจากการทุ่มงบประมาณไปกับทั้งสองหน่วยงานมหาศาลส่งผลให้นายพลฟรังโก้สามารถครองอำนาจได้อย่างมั่นคงจนเสียชีวิต



ความแปลกประหลาดของนายพลฟรังโก้
เขาได้ชื่อว่าเป็นฟาสซิสแต่กลับเป็นผู้ส่งกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส กษัตริย์องค์ปัจจุบันขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์แห่งสเปน ทำให้สเปนกลับมาประเทศที่มีระบอบกษัตริย์อีกครั้งซึ่งไม่มีฟาสซิสที่ไหนเขาทำกัน(แต่จริงๆแล้วนายพลฟรังโก้โตมาสายกษัตริย์นิยมอยู่แล้วนะ แต่ได้รับการสนับสนุนจากฟาสซิสและด้วยความเป็นเผด็จการจึงครบองค์ที่จะถูกจัดเป็นฟาสซิสก็ไม่แปลกมาก)
นายพลฟรังโก้เป็นฟาสซิสเพียงหนึ่งเดียว(เท่าที่โลกเคยมีมาเลยมั้ง)ที่ทำให้ประเทศเจริญขึ้น จากข้อเท็จจริงคือสเปนเติบโตทางเศรษฐกิจมาที่สุดในสมัยเขาตามที่เขากล่าวไว้ก่อนขึ้นครองอำนาจว่าทุกคนจะมีขนมปังกิน มีบ้านอยู่ มีเสื้อผ้าใส่ แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคืออิสระทางความคิดและประเพณีทุกๆอย่างที่ถูกจำกัดหมด ซึ่งส่งผลให้หลังจากเขาเสียชีวิตสเปนขาดซึ่งประสิทธิภาพในการบริหารประเทศส่งผลให้นับวันเศรษฐกิจมีแต่จะแย่ลง(อยู่อย่างอู้ฟู้มาก่อน ขอแค่ไม่นอกกรอบตอนเขาครองอำนาจก็รอด ทำตามที่สั่งพอ ไม่ต้องคิด แต่มาทุกวันนี้อยากจะอยู่อย่างอู้ฟู้อย่างเดิมแต่ไม่มองเลยว่าการบริหารงานของรัฐซึ่งชาวสเปนนี่แหละเลือกเข้าไป มันทำได้อย่างสมัยนั้นไหม )


ยาวๆหน่อยพิมพ์เหนื่อยเหมือนกันแต่เพลินดี อยากให้อ่านเพื่อความรู้ทางประวัติศาสตร์นะครับถือว่าเล่าสู่กันฟัง ใครใคร่ตัดสินในเนื้อหาทางประวัติศาสตร์อย่างไรก็ทำได้ตามเสรี แต่อย่าพยายามดึงหรือลากโยงเข้าไปสู่เรื่องที่ทำให้มีคนเดือดร้อนเลยนะครับ ถือว่าขอไว้นะที่นี้


ปล.จะมีคนอ่านจบไหมพยายามจัดให้อ่านง่ายแล้ว
147
0
หากโดน 250 เรื้อน จะถูกแบน
Son Of Darkness , Dekgang , Titan , jabkungza , jojo_joestar , Pemberton , Dragongong , ZwerzyXi , Chaoshero , นานานานานา , BallZa27 , Silence , a.Raptor , ⊿⁴⁶ねる , จักรกลคนเกเร , PLATOON , pouce , MercQ , phitkla123 , MiGrEaN , Prince of white , ดาร์เรน เฟรชเชอร์ , ป้าๆเพิ่มข้าว , Tokyo.23 , armz14 , เธอปล่อยให้ฉันงง , loveontherock , โคเย่ส์กินแมงโก้ , chk_incognito , Coachkeyboard , Ezreal , สุดสะแนน , kopo , Megalomania , DarthKaiser , SM7 , ไซมึ้งชวยเซาะ , metzelders , minyoyoza , threesmart , linpoza , mrT , gatunyou , BlaCKWarrioR , eatsleep , RateRko , derents , กวนอูออกศึก , boyoat , Cordoza , Yu#MaNia , Jose +10} , QuaymO , AimMeow , bucky , utum_13 , ขนมต้ม , Blood Diamond , Destiny6 , giggscii , Todssy , อะซาบะเด้ , GrayZcale , BarceloMao , บังโต , RiddleMaN , GUllSDlOV , หยกเทพสามโลก , Trafford , Mirt3838 , excess , Radiant , ira , SPx , Juk_Grooo , nickvicpark , gp901 , firstkung , Zoubizza , nutda , moowarn , มะนุดตาแดง , PENCOM , magka , itoonggy , EL AsesiNo , Phantom Thieves , Lowlite , ZosCivil , เวลาว่าง , Tlmert , zokatis , toffyman , nutsoy8za , ojama55 , Madrid2005 , Slurpidity , Lanoline , c0oL , novice002 , DickeY , Ake the Blue , แอบมายิง , Sith_Valencia , tlek , ฟักทอง , SiixFrog , CrazyControl , Aborligin , Kris Pinto , GANGNUM STYLE , RQSARY , 2ThunderBird , katikit , ApeApe , คนเสพบอร์ด , ปัก5บาท , พยายาม ๑๙ , kokoriko , MasKeD KaNE , สมป่อง_za , Bazenji , monzakub , yodzenith , nismos , noneluck , hothen , kuiaeae , kayee , Deathnote_25281 , Kinetics , Lord Snow , [O]ISHITA[N] , StayStill , keenureeves , Chai1554 , หมาแดกแฟบ , Jimmycool , jocky219 , Archawin5 , golfity , @PHAROH@ , hellyeah14 , skinhead18 , อย่ากระนั้น , ตะล็อคต๊อกแต๊ก , UNSCARRED
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Apr 2010
ตอบ: 10278
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:25
Top Comment [RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
จริงๆผมยังเก็บไฟล์เลคเชอร์ประวัติศาสตร์สเปนไว้อยู่ ประเด็นค่อนข้างละเอียด

เริ่มตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคกษัตริย์คนปัจจุบันเลยครับ ถ้าสนใจไว้ว่างๆ(ยังไม่รู้เมื่อไหร่)จะสรุปมาให้อ่านกัน
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Apr 2010
ตอบ: 10278
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:25
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
จริงๆผมยังเก็บไฟล์เลคเชอร์ประวัติศาสตร์สเปนไว้อยู่ ประเด็นค่อนข้างละเอียด

เริ่มตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคกษัตริย์คนปัจจุบันเลยครับ ถ้าสนใจไว้ว่างๆ(ยังไม่รู้เมื่อไหร่)จะสรุปมาให้อ่านกัน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Hungry For Glory
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 May 2010
ตอบ: 21438
ที่อยู่: ฺฺ [ stadio olimpico ]
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:27
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
blackmagician พิมพ์ว่า:
จริงๆผมยังเก็บไฟล์เลคเชอร์ประวัติศาสตร์สเปนไว้อยู่ ประเด็นค่อนข้างละเอียด

เริ่มตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคกษัตริย์คนปัจจุบันเลยครับ ถ้าสนใจไว้ว่างๆ(ยังไม่รู้เมื่อไหร่)จะสรุปมาให้อ่านกัน  


ผมสนใจครับ ถ้าท่านว่างก็เอามาลงนะครับ จะตามอ่าน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 43622
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:28
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
อ่านจบแล้ว สมัยสงครามกกลางเมืองนี่มันบ้าบอคอแตกชัดๆ

จุดยืนของสเปนก็คล้ายๆกับไทยใน ww2 อยู่นะ เอาจริงๆปวศ.ของสเปน(เอสปัญย่า) เนี่ยน่าศึกษาไม่น้อยเลยนะ เพราะมันมีหลากหลายมากและสนุก

เรื่องคิงเฟอร์ทรงพระหงอเมียเนี่ยน่าจะจริงไม่ก็เป้นคนตามใจเมียสุดๆอ่ะ ให้หมดทุกอย่าง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8875
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:32
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
ยกมืออ่านจบด้วยคน

เหมือนจะเคยอ่านเจอว่าฟรังโก้ไม่ยอมส่งชาวยิวที่ลี้ภัยมาให้ฮิตเลอร์ทั้งๆที่ฝ่ายนู้นเรียกร้องมา แถมยังเลือกใช้ชาวยิวในกองทัพด้วย ถ้าความจำผมไม่ผิดนะ

ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าเป็นเผด็จการที่อุดมการณ์แรงกล้าเหมือนกัน กรณีคืนอำนาจให้กษัติรย์ อาจจะเกี่ยวกับอุดมการณ์สูงส่งในหัวแกล่ะมั้ง
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: ต้องไหว ตราบใด ที่ยังมีหวัง..
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 7333
ที่อยู่: ถ้าสบายใจ ก็อยู่ได้หมด
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:34
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
เย้ ๆ อ่านจบแล้ว ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ



1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jan 2006
ตอบ: 11915
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:38
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
พูดถึงการแต่งงานผมนึกถึง Diplomatic Marriage ใน civ 5 ขยายเมืองโคตรไว
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 3410
ที่อยู่: คณะราษฎร์
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:55
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
Titan พิมพ์ว่า:
อ่านจบแล้ว สมัยสงครามกกลางเมืองนี่มันบ้าบอคอแตกชัดๆ

จุดยืนของสเปนก็คล้ายๆกับไทยใน ww2 อยู่นะ เอาจริงๆปวศ.ของสเปน(เอสปัญย่า) เนี่ยน่าศึกษาไม่น้อยเลยนะ เพราะมันมีหลากหลายมากและสนุก

เรื่องคิงเฟอร์ทรงพระหงอเมียเนี่ยน่าจะจริงไม่ก็เป้นคนตามใจเมียสุดๆอ่ะ ให้หมดทุกอย่าง  

มีบทความต่างประเทศบานเลยครับ ที่ประชดไทยกับสเปนว่าเป็นอักษะที่ชนะสงคราม
แต่ผมไม่แคร์นะ ผมคนนึงอ่ะที่ดีใจที่เราอยู่ฝ่ายชนะ การแพ้ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนยุคนั้นจริงๆ

ส่วนอีกประเทศที่เหมือนเราด้านนิสัยต้องอิตาลีเลย ตอนที่ไปมาเป๊ะเวอร์
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 3410
ที่อยู่: คณะราษฎร์
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 01:59
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
Pemberton พิมพ์ว่า:
ยกมืออ่านจบด้วยคน

เหมือนจะเคยอ่านเจอว่าฟรังโก้ไม่ยอมส่งชาวยิวที่ลี้ภัยมาให้ฮิตเลอร์ทั้งๆที่ฝ่ายนู้นเรียกร้องมา แถมยังเลือกใช้ชาวยิวในกองทัพด้วย ถ้าความจำผมไม่ผิดนะ

ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าเป็นเผด็จการที่อุดมการณ์แรงกล้าเหมือนกัน กรณีคืนอำนาจให้กษัติรย์ อาจจะเกี่ยวกับอุดมการณ์สูงส่งในหัวแกล่ะมั้ง  

เอาจริงๆถ้าวิจารณ์ตามเนื้อผ้า ฟรังโก้แกโปรกษัตริย์แต่แรกแล้วครับ แต่ถ้าไม่เลือกฟาสซิสหรือคอมมิวนิส
สักข้าง ก็จะไม่มีคนสนับสนุน ช่วงที่เขาครองอำนาจก็มีกบฏภายในเยอะ ถ้าให้กษัตริย์ขึ้นครองราชแล้ว
โดนไล่สำเร็จอีกนี่ ขายหน้าตายเลย

ส่วนเรื่องกับเยอรมันนี่ ฟรังโก้แกไม่ชอบและไม่ไว้ใจเยอรมันนะครับ เพราะกองทหารเยอรมัน
เคยแอบเข้ามาในพรมแดนสเปนโดยไม่ได้รับอนุญาติ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 5952
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 02:09
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]


สเปนมาเป็นประเทศได้จริงๆก็ปี 1492 ที่ไล่พวกแขกมัวร์ออกจากคาบสมุทรไอบีเรียได้ทั้งหมด

แล้วก็รวมประเทศ จากนั้นกลายเป็นมหาอำนาจจริงๆ

ใครชอบหนังประวัติศาสตร์ลองหาหนังเรื่อง Elizabeth (1998) กับเรื่อง Elizabeth: The Golden Age (2007)

หนังสองเรื่องนี้กล่าวถึงสเปนมากเลย เป็นสเปนหลังยุคคิงเฟอร์ดินานมาหน่อยนึง เป็นยุคของคิงฟิลิปเป้ที่ 2

คิงฟิลิปเป้ที่ 2 นี่แต่งงานกับ ควีนแมรี่แห่งอังกฤษ(พี่สาวต่างแม่ของควีนอลิซาเบธที่ 1) ช่วงที่แมรี่ครองอังกฤษฟิลิปเป้ก็มีฐานันดรเป็นกษัตริย์อังกฤษและไอร์แลนด์

กษัตริย์สเปนนี่จริงๆแล้วก็มาจากราชวงศ์ต่างๆของยุโรปนะ เช่น
- ราชวงศ์ฮับบวกเคยปกครองเสปน ก็เป็นของออสเตรีย
- ราชวงศ์บูร์บงเคยปกครองสเปน ก็เป็นของฝรั่งเศส
- ราชวงศ์โบนาปาร์ตปกครองสเปนช่องนโปเลียน นี่ก็ของฝรั่งเศส
จนกษัตริย์องค์ปัจจุบัน คิงฟิลิปเป้ที่ 6 (ลูกชายคิง ฆวน คาโลส) อยู่ในราชวงศ์บูร์บง

ประวัติศาสตร์สเปนซับซ้อนพอๆกับชนชาติที่อาศัยอยู่ในสเปนล่ะ

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 13690
ที่อยู่: N/A
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 02:09
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
สเปนกับเยอรมันตอนนั้นคือเกือบจะเปฺนพันธมิตรกันอยู่แล้ว แต่นายพลฟรังโก้จะเอาแคมมารูน กับเกาะไรสักอย่างเนี่ยแหละ แล้วฮิตเลอร์ไม่ให้ เจรจาเลยล่ม ก็เลยเป็นกลางกันต่อไป


ปล.ไทยตอนนั้นนี่ฝรั่งเขาเรียกฟินแลนด์ตะวันออก มากกว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Don't tell mom I'm in Succersuck



ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 27217
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 02:18
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
อยากรู้ว่าไทยทำยังไงให้ล้านนายอมรับไทยได้

เพราะถึงตอนนี้ คงไม่มีคนเหนือคนไหนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนไทยหรอกมั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
สสจ ที่ย่อมาจาก สะใจจัง

ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 13690
ที่อยู่: N/A
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 02:35
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
blackhunter พิมพ์ว่า:
อยากรู้ว่าไทยทำยังไงให้ล้านนายอมรับไทยได้

เพราะถึงตอนนี้ คงไม่มีคนเหนือคนไหนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนไทยหรอกมั้ง  


ผมคนเหนือตอนเรียนอาจารย์เคยบอก ล้านนาตอนนั้นเจอแต่เสือ สิงห์รอบเลย ซ้ายพม่า ขวาล้านช้าง บนก็หมิง(จีน) ล่างก็สยาม เคยโดนพวกนี้มาหยามหมด ก็ต้องยอมไป แต่มีสยามเนี่ยแหละที่ดูจะเข้ากันได้สุด เลยมาคบกัน แล้วคนเหนือนิสัยคือต๊ะตอนยอน ประกอบกับสยามก็ไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่ ให้ปกครองกันเอง สุดท้ายก็กลืนเข้าด้วยกัน โดยไม่มีปัญหา

แต่ไม่นานมานี่เคยเจอข่าวมีใบปลิวจะแยกล้านนาออกจากสยามอยู่นะ แต่อย่างที่บอกคนเหนือต๊ะตอนยอน ถ้าสบายอยู่แล้วคงไม่ทำไรให้เหนื่อย
แก้ไขล่าสุดโดย DariusXalan เมื่อ Mon Oct 02, 2017 02:36, ทั้งหมด 1 ครั้ง
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Don't tell mom I'm in Succersuck



ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4094
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 03:05
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
ขอเสริมช่วงสำคัญอีกหนึ่งเรื่องคือช่วง คศ. 1702-1714 สงครามแย่งชิงบัลลังก์สเปน ช่วงนี้แหล่ะที่ทำให้แคว้นในสเปนต่างๆโดนริบอำนาจหมดสิ้น ว่าด้วยเรื่องหลังจากการสิ้นสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าการ์โลสที่ 2 แห่งสเปน จากราชวงศ์ราชวงศ์ฮัมบูร์กแห่งสเปน ผู้ไม่มีรัชทายาทสืบบัลลังก์ ทำให้ราชบัลลังก์แห่งสเปนตกไปอยู่กับ พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปน ผู้เป็นหลานของพระเจ้าเฟลีเปที่ 4 แห่งสเปน ที่มาจากราชวงศ์บูร์บง ก็ทำให้จักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้มาจากราชวงศ์ฮัมบูร์กมีหรือจะยอมสูญเสียอำนาจไป ก็ทรงต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจนั้นกับ พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 สงครามเริ่มรุกรามใหญ่โตขึ้น ฝ่ายพระเจ้าเฟลีเปที่ 5 ก็ได้ฝรั่งเศสและก็ราชวงศ์ที่จงรักภักดีในฝ่ายพระเจ้าเฟลีเปที่ 5 17 แคว้น ส่วนฝ่ายจักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 1 ก็ได้ อังกฤษ, ออสเตรีย, เนเธอร์แลนด์, ปรัสเซีย, โปรตุเกส, ซาวอย,เดนมาร์ก-นอร์เวย์ และแน่นอนแคว้นที่ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮัมบูร์กแห่งสเปน นำโดยกษัตริย์แห่งอารากอน ก็ต่อสู้ดำเนินไปจนถึง ค.ศ. 1714 จบลงโดยที่ฝ่ายพระเจ้าเฟลีเปที่ 5 เป็นฝ่ายชนะในสเปน ทำให้พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 ทรงริบอำนาจทั้งหมดของแคว้นที่ต่อต้านพระองค์ในสเปนทั้งหมด เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์อารากอน ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 6050
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 06:16
[RE: เล่าสู่กันฟัง ประวัติศาสตร์สเปน]
Vitas พิมพ์ว่า:
Titan พิมพ์ว่า:
อ่านจบแล้ว สมัยสงครามกกลางเมืองนี่มันบ้าบอคอแตกชัดๆ

จุดยืนของสเปนก็คล้ายๆกับไทยใน ww2 อยู่นะ เอาจริงๆปวศ.ของสเปน(เอสปัญย่า) เนี่ยน่าศึกษาไม่น้อยเลยนะ เพราะมันมีหลากหลายมากและสนุก

เรื่องคิงเฟอร์ทรงพระหงอเมียเนี่ยน่าจะจริงไม่ก็เป้นคนตามใจเมียสุดๆอ่ะ ให้หมดทุกอย่าง  

มีบทความต่างประเทศบานเลยครับ ที่ประชดไทยกับสเปนว่าเป็นอักษะที่ชนะสงคราม
แต่ผมไม่แคร์นะ ผมคนนึงอ่ะที่ดีใจที่เราอยู่ฝ่ายชนะ การแพ้ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนยุคนั้นจริงๆ

ส่วนอีกประเทศที่เหมือนเราด้านนิสัยต้องอิตาลีเลย ตอนที่ไปมาเป๊ะเวอร์  


ผมเห็นด้วยมากๆเลยใน quote นี้
สงครามที่ไม่ได้เกิดจากเราแท้ๆ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย
แต่หลายคนชอบเอาประเดนนี้มาขยี้ (รวมทั้งคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ)

จริงๆอยากทราบข้อมูลเพิ่มอีกนิดนึงว่า ทำไม๊ทำไม คนคาลันตัน เค้าถึงเดือดร้อนจากการปกครองของสเปนมาก แบบพอมีรายละเอียดให้อ่านไหมครับ ว่าโดนเอาเปรียบ หรือโดนริดรอนอะไรไปบ้าง เห็นมีแต่คนพูดถึงเรื่องรัฐบาลสเปนเก็บภาษีมากๆกับคนแถวนี้
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel