เริ่มจาก 2 เพลง ที่ผมชอบเป็นอันดับต้นๆของ Nirvana





การตีควาทั้งหมดนี้ ส่วนมากกลั่นมาจากที่เคยอ่านการตีความเพลงตามเว็บไซด์ ตปท. ของผม ไม่ใช่การตีความของผมคนเดียว 100%

เหมือนจะเป็นการตกผลึกจากหลายๆแหล่ง แล้วเขียนขึ้นมาตามความเข้าใจของผมส่วนหนึ่ง เนื่องด้วยเพลงแต่ละเพลง ของ Nirvana สามารถตีความได้หลากหลายมุมมองมาก ซึ่งถ้าท่านใดเข้าใจความหมายได้แตกต่างออกไป ก็แชร์กันได้นะครับ

อาจจะมีผิดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ผมชอบเพลงนี้

ขอเพลง Nirvana - Paper Cuts ด้วยครับ

ยอมรับตรงว่า Bleach นี้ผมฟังอยู่ไม่กี่เพลงเองอ่าครับ ตอนนั้นมัน กรันจ์เกินเข้าไม่ถึง

มี Nevermind อะฟังบ่อยสุด รองลงมาก็ In Utero

Come As you Are กับ Smell like teen spirit นี่ตีความได้เยอะเลย เคริทอาจแต่งไปตามอารมณ์+ประสปการณ์ตอนนั้นแต่ก็เหมือนรูปวาดของแวน โก ที่สะท้อนสังคมออกมาได้ในหลายๆแง่

สังคมอเมริกาตอนนั้นเริ่มจะเปลี่ยนจากระบบทำงานแล้วได้เงินมาเป็นทำเงินเพื่อเงินซะเยอะ(มาก ย้ำว่ามาก)แล้ว มีการลงทุน การเก็งกำไร อาชีพวิศวกรการเงินได้รับการยอมรับในสังคมชั้นสูง นายธนาคารไม่ใช่อาชีพน่าเบื่อแบบยุค 60 70(ยุคปู่และยุคพ่อ) มีการแบ่งแยกชนชั้นชัดเจน มีสเปคของผู้หญิงสวยๆในสังคมว่าผู้ชายต้องเป็นยังไง ถ้าไม่ใช่แบบนี้ๆๆๆ ไม่ถือว่าเป็นผู้ชาย ทุกคนมุ่งไปยังบ.เอกชนยักษ์ใหญ่ เปรียบไปก็เหมือนฮ่องกงหรือไทยในยุค ศก บูม เป็นยุคคาบเกี่ยวก่อนที่จ๊อบส์และแอ๊ปเปิ้ลจะเข้ามาพลิกวงการอุตสาหกรรมไอที

เคริทเองก็เป็นผลผลิตของการต่อต้านสังคม

การต่อต้านในยุคนั้นยังคงความดิบเถื่อนอยู่พอสมควร ถึงจะไม่เป็นแบบ Revolution เหมือนสมัยคอมมิวนิสต์แต่บางครั้งก็มีขบวนการหัวรุนแรงและมีอุดมการณ์ แยกตัวไปปลูกผักปลูกหญ้ากินเองก็มี ส่วนสเกลคนทั่วๆไปไม่ต้องออกมาเรียกร้องเดินขบวน แค่เขียนบทความ เขียนเพลง ใช้สื่อ ถ้าดังขึ้นมาชีวิตก็สบายมีหน้าตาเกียรติยศในวงสังคมแบบเดียวกับพวกพนักงานหรือเจ้าของ บ.ระดับสูงได้ โดยยังเชื่อว่า"ผมไม่ได้ทำตัวน่าเบื่อแบบคุณ"

ขณะที่ยุคปัจจุบัน เรามีสื่อของตัวเองที่สามารถ boardcast ตัวเองได้ตลอดเวลาทั้ง FB YT การต่อต้านสังคมในปัจจุบันลดบทบาทกลายเป็นแค่เป็นเทรนด์ เป็นแฟชั่น