ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: กก คือ การเดินทาง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Sep 2009
ตอบ: 39836
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Aug 31, 2015 16:46
[RE: [บทความแปล]... ชำแหละปรัชญาของ LVG ...]
ผมไม่ได้ชำแหละเอง ผมอ่านเจอในพันทิปและเอามาให้อ่านกันเฉย 55555555555555

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด "รถไฟ สุนัข เครื่องบิน สกอตแลนด์ และชัยชนะ"


tenHag,Rashford,Mcto,Sancho,Martial => OUT... ค
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 10363
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Mon Aug 31, 2015 17:04
[RE: [บทความแปล]... ชำแหละปรัชญาของ LVG ...]
ก็แนวทางใครแนวทางมันล่ะนะ แต่ส่วนตัวแล้วการที่ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับทีมเพราะถูกยึดตำแหน่งเอาไว้มันจะทำให้อารมณ์ร่วมมีน้อยลงไปรึเปล่า

เอาง่ายๆการวิ่งเยอะไม่ใช่ปัญหาเพราะหากล้ามากๆก็หมุนเวียนนักเตะเอาสิ พก 2 สัปดาห์ก็หายเหนื่อยแล้วนักเตะ

ไม่งั้นจะมีตัวสำรองทำเผือกอะไร ? ที่สำคัญการวิ่งถ้าทำเป็นระบบฝ่ายตรงข้ามหัวหมุนเอาง่ายๆ ตัวอย่างก็ทั้ง บาเยิร์น บาซ่า ซิตี้ ที่เน้นการใช้แผนเล่นเกาะกลุ่มมีนักเตะความสามารถสูงๆและเคาะบอลกันไปมา


ในขณะที่แผนของ LVG นี่มันเก่ามากๆและการยืนห่างนั้นกลับจะเป็นพื้นที่ว่างหากโดนคู่แข่งตัดเกมได้กลางสนามนี่แหละ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Oct 2008
ตอบ: 1620
ที่อยู่: จันทบุรี
โพสเมื่อ: Mon Aug 31, 2015 20:47
ถูกแบนแล้ว
[RE: [บทความแปล]... ชำแหละปรัชญาของ LVG ...]
อารมณ์ดี พิมพ์ว่า:
จาก http://pantip.com/topic/34083664

บทความนี้ถอดความจาก
REVISITING VAN GAAL’S PRINCIPLES OF PLAY
http://livelifeunited.com/revisiting-van-gaals-principles-of-play/

เจตนาเพื่อพูดคุยและวิจารณ์อย่างเสรีในกลุ่มผู้ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเท่านั้น
ผู้แปลไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

อนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์พูดคุยและวิจารณ์ โดยต้องใส่เครดิตย้อนกลับไปถึงบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่ไม่อนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์โดยสิ้นเชิง


บทความต้นฉบับนั้นเขียนเป็นบทความยาวแต่ผมจะถอดความและจัดแบ่งเป็น 5 หัวข้อ ตามใจความสำคัญของบทความ 5 อย่างครับ

Part 1 - Introduction

แม้ยูไนเต็ดจะทำได้ดีขึ้นในเกมแชมเปียนส์ลีกกับคลับบรูซ แต่ก็เริ่มมีคำถามจากนักวิเคราะห์และแฟนบอลต่อปรัชญาของฟานกัลมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เพราะแทคติคของเขานั้นดูขัดกับธรรมชาติ.

แกรี่ เนวิลล์เคยวิจารณ์ไว้ว่า มันเป็นเรื่องปกติที่การป้องกันนั้นจะถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี แต่การบุกแบบชาญฉลาดจะต้องมีมากกว่าแค่การอาศัยจินตนาการของผู้เล่น มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้จัดการทีมที่จะใส่แทคติคละเอียดยิบลงไปในแผนการบุก

แต่สำหรับฟานกัลนั้นการบุกของเขาถูกคำนวณและชี้วัดในแบบเดียวกันกับการป้องกัน

ทุกอย่างเป็นมากกว่าแทคติค
เราจะวิ่งไปตรงไหนและเพื่ออะไร? "คิดสิ... คิด"
เขา (ฟานกัล) มักจะบอกเสมอว่า "คิดถึงทุกย่างก้าวของคุณ"
คุณจะต้องระลึกไว้เสมอว่าทุกสิ่งที่คุณทำในสนามต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
เดนิส เบิร์กแคมป์พูดถึงปรัชญาของฟานกัลในหนังสืออัตชีวประวัติ

เขาจะบอกว่า "คุณต้องใช้พื้นที่แค่ 5 หลาเพื่อไปอยู่ในที่ที่ถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องทำในสนาม และทั้งทีมก็ต้องคิด
ในแบบเดียวกันว่า 'ตูอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องรึยัง ??' "
จอห์นนี่ อีแวนส์

ในฟุตบอลที่เน้นการครองบอล เราต้องคาดหวังว่าผู้เล่นจะอยู่ชิดกันเพื่อส่งบอลไปมาสั้นๆในระยะ 5 หลา และผู้เล่นต่างคนต่างเคลื่อนที่ตลอดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งและสร้างพื้นที่
ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่ใช่สำหรับฟานกัล แต่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ รูปแบบทีมของฟานกัลจะขึงออกกว้างมากกว่า โดยเฉพาะช่องว่างตรงกลางระหว่างมิดฟิลด์ ตัวกลาง 2 คนกับผู้เล่นในแดนหน้า






Part 2 - การขึ้นเกมบุกจากแดนหลัง



จะเห็นว่าผู้เล่นริมเส้นจะปักหลักอยู่ที่เส้น ในขณะที่เบอร์ 10 (ตำแหน่ง ไม่ใช่เบอร์เสื้อ) จะยืนสูงคู่กับกองหน้า ส่วนมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนนั้นจะยืนต่ำลงมามาก
ดูแล้วค่อนข้างขัดสามัญสำนึกกับการที่ฟานกัลให้ทีมยืนขึงออกกว้าง แล้วก็ยังให้รักษาตำแหน่งอย่างเคร่งครัดอีกต่างหาก
ซึ่งการจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้ เราต้องย้อนกลับไปถึงปรัชญาของฟานกัลกันอีกครั้งหนึ่ง

โค้ชหลายคนทุ่มเวลาให้กับการคิดหาวิธีทำให้นักเตะของเขาวิ่งให้มากที่สุดในการแข่ง
ส่วนที่อาแจ๊กซ์จะสอนให้นักเตะวิ่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่เป็นสาเหตุที่การฝึกที่อาแจ๊กซ์เน้นการเล่นแบบยืนตำแหน่ง
ฟานกัล จากหนังสือ The Coaching Philosophies of Louis Van Gaal and the Ajax Coaches

แทนที่นักเตะจะเคลื่อนที่แบบไม่หยุดยั้งซึ่งใช้พลังงานสูงมาก ฟานกัลกลับต้องการให้นักเตะที่ขึ้นเกมรุกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคลื่อนที่มากเป็นพิเศษ ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างข้างล่าง



เซนเตอร์แบ๊ค 2 คนส่งบอลสั้นไปมาเพื่อสร้างช่องว่าง โดยดึงผู้เล่นฝั่งตรงข้ามขึ้นมาไล่บอล
บอลถูกส่งมาให้ชไนเดอร์ลิน พื้นที่เปิดแล้ว...



บอลถูกส่งไกลขึ้นหน้าไปที่รูนีย์



รูนีย์ลงต่ำมาอยู่ข้างหลังมิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามเพื่อรับและถ่ายบอล
แต่มิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามยังไม่รู้ตัวว่ารูนีย์ลงมาอยู่ใกล้ๆแล้ว เซนเตอร์แบ๊คจึงต้องตามขึ้นมาประกบด้วย



การเคลื่อนไหวนี้ของรูนีย์ทำให้เกิดช่องขนาดใหญ่ขึ้นในแผงหลัง 4 คน (ซึ่งตอนนี้เหลือ 3)
และเป็นช่องให้ยานาไซจ์สอดเข้าไป



ขณะเดียวกัน ดาเมี่ยนก็วิ่งเติมขึ้นมาทางริมเส้น
(ทำให้แบ๊คซ้ายฝั่งตรงข้ามลังเลที่จะเข้าบีบมาต้า เพราะต้องยืนคุมเชิงและรอตามดาเมี่ยน มาต้ามีพื้นที่ในการจ่ายบอลเหลือเฟือ)



มาต้าเบิ้ลเร็วเข้าช่องไปให้ยานาไซจ์



ยานาไซจ์โล่ง แต่ลูกนี้ไม่เป็นประตูเพราะยานาไซจ์ปิดไม่ลง (ฮา........)


ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างคลาสสิคของปรัชญาการบุกของฟานกัล
เมื่อนักเตะกระจายออกขึงทั้งทางกว้างและทางลึก จะเกิดช่องมากมายทั่วทั้งสนามให้นักเตะวิ่งเข้าใส่ในจังหวะที่เหมาะสมได้
ฟานกัลเคยบอกว่าช่องว่างจะอยู่ระหว่างไลน์ (กองหน้า - มิดฟิลด์ - กองหลัง) เสมอ
และเพื่อสร้างช่องว่างนั้นขึ้นมา มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนจะต้องยืนลึกต่ำลงมา ส่วนกองหน้าเละผู้เล่นเบอร์ 10 จะต้องอยู่สูง
ผู้เล่นแถวหน้าทั้ง 2 คนจะคอยหาจังหวะวิ่งเข้าช่อง หรือวิ่งลงมาอยู่หลังกองกลางผู้ต่อสู้
ซึ่งนั่นเป็นคำตอบว่าทำไมฟานกัลถึงต้องการกองหน้าคนที่สองมากกว่ามิดฟิลด์ในการเล่นตำแหน่งเบอร์ 10


(อรรถาธิบาย : เรื่องการวิ่งลงมาหลังกองกลางฝั่งตรงข้ามจะเหมือนตัวอย่างข้างบน คือวิ่งลงมาแต่ไม่ล้ำไปอยู่หน้ากองกลางเพื่อไม่ให้กองกลางรู้ตัว ถ้าเซ็นเตอร์ไม่ตามมา ตัวเองก็จะมีที่เล่น ถ้าเซ็นเตอร์ตามขึ้นมา ก็ป้ายต่อให้ผู้เล่นคนอื่นสอดเข้าช่องของเซ็นเตอร์คนนั้น)



ไม่รู้ซ้ำไหม ตามไปอ่านต่อกันนะครับ ฮาาาา  

.......
.......
ผมคิดแล้วว่า เดี๋ยวต้องมีมาตั้งซ้ำอีก....
แตกกระทู้ต่อเลยนะครับ....ว่า!!!!
....จาก intro.1...ฟุตบอล..มันใช้ความคิดน้อยมาก
นักฟุตบอลที่เก่งๆ ไม่ใข่เพราะเค้าคิดเก่งนะ
แต่ ...สิ่งสำคัญคือ สัญชาตญาณ พรสวรรค์ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อม
...movement หรือการเคลื่อนที่ ทั้งเวลามีบอล
และเวลาไม่มีบอล มันต้องเคลื่อนใหวไปตามธรรมชาติ มากกว่ามาใช้ความคิด
สิ่งเดียวที่จะใช้ความคิดเข้ามาช่วยคือ อย่าทำฟาวส์แบบสิ้นคิด...
เพราะมัวแต่คิด...นักเตะแมนยู เลยจะยืนนิ่งๆ เพราะเอาแต่คิดอย่างเดียว
......
และปัญหาสำคัญคือ...สมองของแต่ละคน
มันไม่มีทางจะคิดเหมือนกันและตรงกันแน่นอน
โดยเฉพาะในการเล่นฟุตบอล
สังเกตุง่ายๆ บอลแมนยูจะไปตายจังหวะสุดท้าย
จบไม่ได้ เพราะส่งไม่ตรงช่อง และก็ไม่มีตัวให้ส่งบอล
แล้วไอ่ที่ครองบอลได้เยอะๆ...นั่นเพราะเคาะบอลไปมา คืนหลังจ่ายออกข้างแล้วคืนหลังมากกว่า
ซึ่ง....การเล่นแบบนั้นมันไม่ต้องใช้ความคิดเลย
....
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ...ประตูที่ แมนยูยิงได้ ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา
มันไม่ได้เกิดจากการใช้ความคิดเลย...แต่มันเป็นจังหวะการวิ่งทำทางและการสอดประสานกัน
อย่างลงตัว โดยการเคลื่อนใหวอย่างเป็นธรรมชาติ ตามสัญชาตญาน มากกว่าการใช้ความคิด....
เพราะมัวแต่คิด...จังหวะหลุดเดี่ยว รูนี่ย์ มันเลยคิดว่ามันโล่งมั้ง เลยเอาแต่รอจนหมดโอกาส
ทั้งๆที่ ถ้าใช้สัญชาตญาน ธรรมขาติกองหน้ามันกระชากต่อไปข้างหน้าหรือไม่ก็ ยิงตูม โดนไม่ต้องจับแล้ว
......
intro.2 การขึ้นเกมบุกจากกองลัง
.....สิ่งที่ทำให้แดนหลัง แมนยุ จะต้องพาบอลขึ้นไปทำเกมบุก
เพราะ หมดความอดทน และไม่รู้ว่าจะส่งไปแดนหน้าให้ใคร
ไม่มีตัวว่างและไม่ขยับหาช่องให้ส่งเลย
ต้องเสี่ยงพาบอลขึ้นไป...แต่!!!ไปก็ไม่สุด
ต้องคลายบอลให้คนอื่นอยู่ดี...แล้วที่สำคัญคือ
กองหลังจะต้องลอยสูง จนมีพื้นที่ว่สงด้านหลัง
และ...
....คู่ต่อสู้ รู้หมดแล้วว่าจะต้องเล่นกับ แมนยู ยังไง
ปล่อยให้แมนยู ครองบอลไปตามสบาย
แพ็คแดนตัวเองให้แน่น ปะทะให้หนัก
เพรสซิ่งได้ในบางโอกาส(เพราะความสามารถเฉพาะตัว นักเตะแมนยุ เฉลี่ยแล้วมีน้อย
เจอแย่งบอล ตัวต่อตัว ยังจะไปไม่รอดเลย)
แลว ดักจังหวะสวนกลับดีๆ
หลุดเป็นประตูได้ไม่ยาก....
ไม่เชื่อคอยดู...ทุกนัดจากนี้ไป....
เราจะเห็นภาพเดิมๆ แบบนี้ไปตลอด
คือครองบอลได้แต่ได้แค่ในแดนตัวเอง หรือเกินครึ่งสนามมาเล็กน้อย
แล้วก็ไปต่อไม่ได้ สุดท้ายเสียบอลเจอสวนกลับ เสียประตู....
.....
เดี๋ยวมี intro3.4.5 มาโพสต์แล้วค่อยตอบต่อดีกว่า
.....
สรุปสั้นๆ....หมองูตายเพราะงู ครับ
.....แมนยู...จะตายเพราะแทคติคตัวเอง และเพราะ ปรัชญา LVG
หากยังไม่เปลี่ยน มีสิทธิ์ พังเหมือนดอร์ทมุนด์ ปีที่แล้วได้เลยนะ....


0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: กก คือ การเดินทาง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Sep 2009
ตอบ: 39836
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Aug 31, 2015 21:41
[RE: [บทความแปล]... ชำแหละปรัชญาของ LVG ...]
channana พิมพ์ว่า:
อารมณ์ดี พิมพ์ว่า:
จาก http://pantip.com/topic/34083664

บทความนี้ถอดความจาก
REVISITING VAN GAAL’S PRINCIPLES OF PLAY
http://livelifeunited.com/revisiting-van-gaals-principles-of-play/

เจตนาเพื่อพูดคุยและวิจารณ์อย่างเสรีในกลุ่มผู้ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเท่านั้น
ผู้แปลไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

อนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์พูดคุยและวิจารณ์ โดยต้องใส่เครดิตย้อนกลับไปถึงบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่ไม่อนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์โดยสิ้นเชิง


บทความต้นฉบับนั้นเขียนเป็นบทความยาวแต่ผมจะถอดความและจัดแบ่งเป็น 5 หัวข้อ ตามใจความสำคัญของบทความ 5 อย่างครับ

Part 1 - Introduction

แม้ยูไนเต็ดจะทำได้ดีขึ้นในเกมแชมเปียนส์ลีกกับคลับบรูซ แต่ก็เริ่มมีคำถามจากนักวิเคราะห์และแฟนบอลต่อปรัชญาของฟานกัลมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เพราะแทคติคของเขานั้นดูขัดกับธรรมชาติ.

แกรี่ เนวิลล์เคยวิจารณ์ไว้ว่า มันเป็นเรื่องปกติที่การป้องกันนั้นจะถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี แต่การบุกแบบชาญฉลาดจะต้องมีมากกว่าแค่การอาศัยจินตนาการของผู้เล่น มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้จัดการทีมที่จะใส่แทคติคละเอียดยิบลงไปในแผนการบุก

แต่สำหรับฟานกัลนั้นการบุกของเขาถูกคำนวณและชี้วัดในแบบเดียวกันกับการป้องกัน

ทุกอย่างเป็นมากกว่าแทคติค
เราจะวิ่งไปตรงไหนและเพื่ออะไร? "คิดสิ... คิด"
เขา (ฟานกัล) มักจะบอกเสมอว่า "คิดถึงทุกย่างก้าวของคุณ"
คุณจะต้องระลึกไว้เสมอว่าทุกสิ่งที่คุณทำในสนามต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
เดนิส เบิร์กแคมป์พูดถึงปรัชญาของฟานกัลในหนังสืออัตชีวประวัติ

เขาจะบอกว่า "คุณต้องใช้พื้นที่แค่ 5 หลาเพื่อไปอยู่ในที่ที่ถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องทำในสนาม และทั้งทีมก็ต้องคิด
ในแบบเดียวกันว่า 'ตูอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องรึยัง ??' "
จอห์นนี่ อีแวนส์

ในฟุตบอลที่เน้นการครองบอล เราต้องคาดหวังว่าผู้เล่นจะอยู่ชิดกันเพื่อส่งบอลไปมาสั้นๆในระยะ 5 หลา และผู้เล่นต่างคนต่างเคลื่อนที่ตลอดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งและสร้างพื้นที่
ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่ใช่สำหรับฟานกัล แต่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ รูปแบบทีมของฟานกัลจะขึงออกกว้างมากกว่า โดยเฉพาะช่องว่างตรงกลางระหว่างมิดฟิลด์ ตัวกลาง 2 คนกับผู้เล่นในแดนหน้า






Part 2 - การขึ้นเกมบุกจากแดนหลัง



จะเห็นว่าผู้เล่นริมเส้นจะปักหลักอยู่ที่เส้น ในขณะที่เบอร์ 10 (ตำแหน่ง ไม่ใช่เบอร์เสื้อ) จะยืนสูงคู่กับกองหน้า ส่วนมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนนั้นจะยืนต่ำลงมามาก
ดูแล้วค่อนข้างขัดสามัญสำนึกกับการที่ฟานกัลให้ทีมยืนขึงออกกว้าง แล้วก็ยังให้รักษาตำแหน่งอย่างเคร่งครัดอีกต่างหาก
ซึ่งการจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้ เราต้องย้อนกลับไปถึงปรัชญาของฟานกัลกันอีกครั้งหนึ่ง

โค้ชหลายคนทุ่มเวลาให้กับการคิดหาวิธีทำให้นักเตะของเขาวิ่งให้มากที่สุดในการแข่ง
ส่วนที่อาแจ๊กซ์จะสอนให้นักเตะวิ่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่เป็นสาเหตุที่การฝึกที่อาแจ๊กซ์เน้นการเล่นแบบยืนตำแหน่ง
ฟานกัล จากหนังสือ The Coaching Philosophies of Louis Van Gaal and the Ajax Coaches

แทนที่นักเตะจะเคลื่อนที่แบบไม่หยุดยั้งซึ่งใช้พลังงานสูงมาก ฟานกัลกลับต้องการให้นักเตะที่ขึ้นเกมรุกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคลื่อนที่มากเป็นพิเศษ ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างข้างล่าง



เซนเตอร์แบ๊ค 2 คนส่งบอลสั้นไปมาเพื่อสร้างช่องว่าง โดยดึงผู้เล่นฝั่งตรงข้ามขึ้นมาไล่บอล
บอลถูกส่งมาให้ชไนเดอร์ลิน พื้นที่เปิดแล้ว...



บอลถูกส่งไกลขึ้นหน้าไปที่รูนีย์



รูนีย์ลงต่ำมาอยู่ข้างหลังมิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามเพื่อรับและถ่ายบอล
แต่มิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามยังไม่รู้ตัวว่ารูนีย์ลงมาอยู่ใกล้ๆแล้ว เซนเตอร์แบ๊คจึงต้องตามขึ้นมาประกบด้วย



การเคลื่อนไหวนี้ของรูนีย์ทำให้เกิดช่องขนาดใหญ่ขึ้นในแผงหลัง 4 คน (ซึ่งตอนนี้เหลือ 3)
และเป็นช่องให้ยานาไซจ์สอดเข้าไป



ขณะเดียวกัน ดาเมี่ยนก็วิ่งเติมขึ้นมาทางริมเส้น
(ทำให้แบ๊คซ้ายฝั่งตรงข้ามลังเลที่จะเข้าบีบมาต้า เพราะต้องยืนคุมเชิงและรอตามดาเมี่ยน มาต้ามีพื้นที่ในการจ่ายบอลเหลือเฟือ)



มาต้าเบิ้ลเร็วเข้าช่องไปให้ยานาไซจ์



ยานาไซจ์โล่ง แต่ลูกนี้ไม่เป็นประตูเพราะยานาไซจ์ปิดไม่ลง (ฮา........)


ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างคลาสสิคของปรัชญาการบุกของฟานกัล
เมื่อนักเตะกระจายออกขึงทั้งทางกว้างและทางลึก จะเกิดช่องมากมายทั่วทั้งสนามให้นักเตะวิ่งเข้าใส่ในจังหวะที่เหมาะสมได้
ฟานกัลเคยบอกว่าช่องว่างจะอยู่ระหว่างไลน์ (กองหน้า - มิดฟิลด์ - กองหลัง) เสมอ
และเพื่อสร้างช่องว่างนั้นขึ้นมา มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คนจะต้องยืนลึกต่ำลงมา ส่วนกองหน้าเละผู้เล่นเบอร์ 10 จะต้องอยู่สูง
ผู้เล่นแถวหน้าทั้ง 2 คนจะคอยหาจังหวะวิ่งเข้าช่อง หรือวิ่งลงมาอยู่หลังกองกลางผู้ต่อสู้
ซึ่งนั่นเป็นคำตอบว่าทำไมฟานกัลถึงต้องการกองหน้าคนที่สองมากกว่ามิดฟิลด์ในการเล่นตำแหน่งเบอร์ 10


(อรรถาธิบาย : เรื่องการวิ่งลงมาหลังกองกลางฝั่งตรงข้ามจะเหมือนตัวอย่างข้างบน คือวิ่งลงมาแต่ไม่ล้ำไปอยู่หน้ากองกลางเพื่อไม่ให้กองกลางรู้ตัว ถ้าเซ็นเตอร์ไม่ตามมา ตัวเองก็จะมีที่เล่น ถ้าเซ็นเตอร์ตามขึ้นมา ก็ป้ายต่อให้ผู้เล่นคนอื่นสอดเข้าช่องของเซ็นเตอร์คนนั้น)



ไม่รู้ซ้ำไหม ตามไปอ่านต่อกันนะครับ ฮาาาา  

.......
.......
ผมคิดแล้วว่า เดี๋ยวต้องมีมาตั้งซ้ำอีก....
แตกกระทู้ต่อเลยนะครับ....ว่า!!!!
....จาก intro.1...ฟุตบอล..มันใช้ความคิดน้อยมาก
นักฟุตบอลที่เก่งๆ ไม่ใข่เพราะเค้าคิดเก่งนะ
แต่ ...สิ่งสำคัญคือ สัญชาตญาณ พรสวรรค์ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อม
...movement หรือการเคลื่อนที่ ทั้งเวลามีบอล
และเวลาไม่มีบอล มันต้องเคลื่อนใหวไปตามธรรมชาติ มากกว่ามาใช้ความคิด
สิ่งเดียวที่จะใช้ความคิดเข้ามาช่วยคือ อย่าทำฟาวส์แบบสิ้นคิด...
เพราะมัวแต่คิด...นักเตะแมนยู เลยจะยืนนิ่งๆ เพราะเอาแต่คิดอย่างเดียว
......
และปัญหาสำคัญคือ...สมองของแต่ละคน
มันไม่มีทางจะคิดเหมือนกันและตรงกันแน่นอน
โดยเฉพาะในการเล่นฟุตบอล
สังเกตุง่ายๆ บอลแมนยูจะไปตายจังหวะสุดท้าย
จบไม่ได้ เพราะส่งไม่ตรงช่อง และก็ไม่มีตัวให้ส่งบอล
แล้วไอ่ที่ครองบอลได้เยอะๆ...นั่นเพราะเคาะบอลไปมา คืนหลังจ่ายออกข้างแล้วคืนหลังมากกว่า
ซึ่ง....การเล่นแบบนั้นมันไม่ต้องใช้ความคิดเลย
....
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ...ประตูที่ แมนยูยิงได้ ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา
มันไม่ได้เกิดจากการใช้ความคิดเลย...แต่มันเป็นจังหวะการวิ่งทำทางและการสอดประสานกัน
อย่างลงตัว โดยการเคลื่อนใหวอย่างเป็นธรรมชาติ ตามสัญชาตญาน มากกว่าการใช้ความคิด....
เพราะมัวแต่คิด...จังหวะหลุดเดี่ยว รูนี่ย์ มันเลยคิดว่ามันโล่งมั้ง เลยเอาแต่รอจนหมดโอกาส
ทั้งๆที่ ถ้าใช้สัญชาตญาน ธรรมขาติกองหน้ามันกระชากต่อไปข้างหน้าหรือไม่ก็ ยิงตูม โดนไม่ต้องจับแล้ว
......
intro.2 การขึ้นเกมบุกจากกองลัง
.....สิ่งที่ทำให้แดนหลัง แมนยุ จะต้องพาบอลขึ้นไปทำเกมบุก
เพราะ หมดความอดทน และไม่รู้ว่าจะส่งไปแดนหน้าให้ใคร
ไม่มีตัวว่างและไม่ขยับหาช่องให้ส่งเลย
ต้องเสี่ยงพาบอลขึ้นไป...แต่!!!ไปก็ไม่สุด
ต้องคลายบอลให้คนอื่นอยู่ดี...แล้วที่สำคัญคือ
กองหลังจะต้องลอยสูง จนมีพื้นที่ว่สงด้านหลัง
และ...
....คู่ต่อสู้ รู้หมดแล้วว่าจะต้องเล่นกับ แมนยู ยังไง
ปล่อยให้แมนยู ครองบอลไปตามสบาย
แพ็คแดนตัวเองให้แน่น ปะทะให้หนัก
เพรสซิ่งได้ในบางโอกาส(เพราะความสามารถเฉพาะตัว นักเตะแมนยุ เฉลี่ยแล้วมีน้อย
เจอแย่งบอล ตัวต่อตัว ยังจะไปไม่รอดเลย)
แลว ดักจังหวะสวนกลับดีๆ
หลุดเป็นประตูได้ไม่ยาก....
ไม่เชื่อคอยดู...ทุกนัดจากนี้ไป....
เราจะเห็นภาพเดิมๆ แบบนี้ไปตลอด
คือครองบอลได้แต่ได้แค่ในแดนตัวเอง หรือเกินครึ่งสนามมาเล็กน้อย
แล้วก็ไปต่อไม่ได้ สุดท้ายเสียบอลเจอสวนกลับ เสียประตู....
.....
เดี๋ยวมี intro3.4.5 มาโพสต์แล้วค่อยตอบต่อดีกว่า
.....
สรุปสั้นๆ....หมองูตายเพราะงู ครับ
.....แมนยู...จะตายเพราะแทคติคตัวเอง และเพราะ ปรัชญา LVG
หากยังไม่เปลี่ยน มีสิทธิ์ พังเหมือนดอร์ทมุนด์ ปีที่แล้วได้เลยนะ....


 


ผมไปเจอมาแล้วเอามาให้อ่านกันเฉยๆ ครับ ฮา
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด "รถไฟ สุนัข เครื่องบิน สกอตแลนด์ และชัยชนะ"


tenHag,Rashford,Mcto,Sancho,Martial => OUT... ค
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel