หลังจากที่ทราบบทสรุปพรีเมียร์ลีก 2014-15 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ก็ได้ทราบตัวแทนทีมมารยาทงามที่สุดของอังกฤษในโควตาแฟร์เพลย์ของยูฟ่า นั่นก็คือ “เวสต์แฮม ยูไนเต็ด” ทีมอันดับ 12 ของพรีเมียร์ลีก แต่เราคงจะไม่กล่าวถึงในทีนี้
เราจะพาท่านไปทำความรู้จักกับโควตาพิเศษที่เวสต์แฮม และอีกสองทีมได้ไปในฤดูกาลนี้
UEFA Respect Fair Play ranking
โควตาแฟร์เพลย์ เรียกชื่อทางการคือ UEFA Respect Fair Play ranking เป็นรางวัลพิเศษที่ทางยูฟ่าจะมอบโควตาสิทธิ์ในการเข้าร่วมรายการยูฟ่า คัพ (ต่อมาคือ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ตั้งแต่ปี 2009) แก่สมาคมฟุตบอลในสังกัดยูฟ่าที่มีคะแนนแฟร์เพลย์สูงสุด 3 อันดับแรก โดยคัดสโมสรตัวแทนจากลีกสูงสุดของชาติดังกล่าวนี้ที่มีคะแนนแฟร์เพลย์ดีที่สุด หากกรณีที่ทีมดังกล่าวได้สิทธิ์ไปแข่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือยูฟ่า คัพ/ยูโรป้าลีกแล้ว ทีมอันดับรองลงไปที่มีอันดับดีที่สุดก็จะได้รับสิทธิ์แข่งขัน
ยูฟ่า คัพ หรือยูโรป้าลีก รอบคัดเลือกที่หนึ่ง
โดยคะแนนแฟร์เพลย์นั้นจะคิดคะแนนกันตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 เมษายนของปีถัดไป จากการแข่งขันของทีมชาติและสโมสรในฟุตบอลถ้วยยุโรป สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาคะแนนด้านวินัย ประกอบด้วย
1.
จำนวนใบเหลือง-ใบแดง (Red and yellow cards)
2.
การเล่นในเชิงบวก (Positive play) เช่น เล่นเกมรุก มีความตั้งใจทำประตูเพิ่ม ไม่ถ่วงเวลา ฯลฯ
3.
ความมีน้ำใจนักกีฬา การให้เกียรติคู่ต่อสู้ เล่นอย่างขาวสะอาด (Respect of the opponent) เช่น เตะบอลทิ้งเมื่อมีผู้เล่นตรงข้ามนอนเจ็บอยู่ ฯลฯ
4.
การเคารพคำตัดสินของกรรมการ (Respect of the referee)
5.
การแสดงพฤติกรรมของทีมงานสโมสร (Behaviour of team officials) ทั้งระหว่างแข่งขันและต่อหน้าสื่อมวลชน
6.
พฤติกรรมแฟนบอล (Behaviour of the crowd)
โดยข้อ 1 สูงสุด 10 คะแนน ต่ำสุดคือติดลบ
ข้อ 2 จะมีตั้งแต่ 1 ถึง 10
ส่วนข้อ 3-6 จะมี 1 ถึง 5 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมาหาร 40 หรือ 35 แล้วคูณด้วย 10 จึงจะได้เป็นคะแนนที่เป็นค่าทศนิยมสามตำแหน่ง ไม่ปัดเศษ
ส่วนแฟร์เพลย์ของแต่ละลีกก็ใช้เกณฑ์คล้ายqกัน
คะแนนแฟร์เพลย์เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1995 ยุคแรกชาติที่มีคะแนนสูงที่สุดจะได้สิทธิ์ 1 ทีมโดยอัตโนมัติ ส่วนอีกสองที่ จะมาจากการจับฉลากชาติที่มีคะแนนอย่างน้อย 8 คะแนนขึ้นไป ต่อมาปี 2009 จึงเปลี่ยนมาเป็นชาติที่มีคะแนนสูงสุดสามอันดับแรก
โดยทีมที่ได้โควตาแฟร์เพลย์ จะต้องลงเล่นกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ซึ่งยังเป็นช่วงปรีซีซั่นของใครหลายๆทีมซึ่งส่วนใหญ่นับฤดูกาลระหว่างปี มีเพียงบางลีกที่นับฤดูกาลแบบรายปี เช่น สแกนดิเนเวีย, บางประเทศที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียตมาก่อน รวมทั้งสาธารณรัฐไอร์แลนด์
เกร็ดที่น่าสนใจ
1.ตลอด 20 ปีโควตาแฟร์เพลย์ของยูฟ่า ลีกจากสแกนดิเนเวียครองส่วนแบ่งมากถึง 60% เลยทีเดียว ที่เหลืออีก 40% เป็นของอีก 15 ชาติ
จึงทำให้ทุกปี (ยกเว้นครั้งนี้) ต้องมีทีมจากสแกนดิเนเวียอย่างน้อย 1 ทีมเสมอ)
2.ชาติที่ได้โควตาแฟร์เพลย์มากที่สุดคือ นอร์เวย์ 13 ครั้ง ตามด้วยสวีเดน 10 ครั้ง ฟินแลนด์ 8 ครั้ง อังกฤษ 7 ครั้ง
3.นอร์เวย์มีคะแนนสูงสุดมากที่สุดคือ 8 ครั้ง ตามด้วยสวีเดน 7 ครั้ง อังกฤษ 3 ครั้ง สกอตแลนด์กับเบลารุส ปีละครั้ง ส่วนครั้งล่าสุดและครั้งสุดท้ายตกเป็นของเนเธอร์แลนด์
4.มายปา (Myllykosken Pallo −47) จากฟินแลนด์ คือทีมที่ได้สิทธิ์ด้วยโควตาแฟร์เพลย์มากที่สุดคือ 5 ครั้ง โดยที่ไม่มีครั้งใดที่ฟินแลนด์ได้คะแนนแฟร์เพลย์สูงสุดในแต่ละปีเลย
5.แอสตัน วิลล่า, แรนเดอร์ส (เดนมาร์ก) และทรอมโซ (นอร์เวย์) คือสามทีมที่ได้ไปยูฟ่า คัพ ด้วยโควตาแฟร์เพลย์ถึงสองปีติดต่อกัน
6. มีอยู่หกทีมที่ได้โควตาแฟร์เพลย์ โดยที่ฤดูกาลนั้นทีมตกชั้น ได้แก่ อิปสวิช ทาวน์, ออสเตอร์ (สวีเดน), ฮัคเคน (สวีเดน) ทรอมโซ (นอร์เวย์) โก อเฮด อีเกิ้ลส์ (เนเธอร์แลบนด์) และยูซีดี เอเอฟซี (ไอร์แลนด์)
7.ฟินน์ปา (Finnairin Palloilijat) จากฟินแลนด์ เล่นยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1998-99 แต่ตกรอบคัดเลือกแพ้ทีมจากอิสราเอล หลังจบฤดูกาล 1998 ทีมตกชั้นจากลีกสูงสุด สโมสรนี้จึงปิดกิจการในที่สุด
8.โควตาแฟร์เพลย์ ได้ทำให้สี่สโมสรได้เปิดตัวในรายการระดับทวีปเป็นครั้งแรก ได้แก่ Illichivets Mariupol จากยูเครน (2004-05) K.S.V. Roeselare จากเบลเยี่ยม (2006-07) IFK Mariehamn จากฟินแลนด์กับ (2013-14) และ IF Brommapojkarna จากสวีเดน (2014-15) ซึ่งทีมสุดท้ายไปได้ถึงรอบสามก่อนแพ้โตริโน่
9.นับตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นยูโรป้าลีก มีเพียงฟูแล่มกับทเวนเต้ ที่ทำได้ดีที่สุดคือรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2011-12 และ 2012-13 ตามลำดับ โดยสองปีก่อนหน้านั้น ฟูแล่มของรอย ฮอดจ์สัน เข้าถึงรอบชิงยูโรป้าลีกด้วย
10. อเวเนียร์ เบกเก้น จากลักเซมเบิร์ก 1 ใน 3 ตัวแทนรุ่นแรกของโควตาแฟร์เพลย์ โชคดีได้ผ่านเข้าสู่รอบแรก ทั้งๆที่ในรอบคัดเลือกแพ้อเวย์โกลทีมจากสวีเดน แต่เนื่องจากทีมจากสวีเดนเนื่องจากส่งผู้เล่นผิดกฎลงสนาม จึงถูกปรับแพ้
11.ไมนซ์ 05 ได้เล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ทั้งๆที่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาเป็นปีแรกด้วยซ้ำ โดยไปถึงรอบแรกของยูฟ่า คัพ 2005-06 ครั้งนั้นเกิดขึ้นในสมัยของกุนซือดอร์ทมุนด์คนปัจจุบัน (ที่กำลังจะเป็นอดีต) คือเยอร์เก้น คลอปป์
12.ผลงานของสามทีมจากโควตาแฟร์เพลย์ที่ทำผลงานดีที่สุดในรายการยูฟ่าคัพ
แอสตัน วิลล่า (1997-98)
ผู้จัดการทีม ไบรอัน ลิตเติ้ล, จอห์น เกรกอรี่
รอบแรก ชนะต่อเวลาบอร์กโดซ์ 1-0 หลังสองนัดเสมอ 0-0
รอบสอง ชนะแอธเลติก บิลเบา รวม 2-1
รอบสาม ชนะสเตอัว บูคาเรสต์ รวม 3-2
รอบก่อนรองฯ แพ้อเวย์โกล แอตเลติโก มาดริด 2-2
ราโย บาเยกาโน่ (2000-01)
ผู้จัดการทีม ฆวนเด้ รามอส
รอบคัดเลือก ชนะคอนสเตลาซิโอ เอสปอร์ติบา (อันดอร์ร่า) รวม 16-0
รอบแรก ชนะโมลด์ รวม 2-1
รอบสอง ชนะอเวย์โกล วีบอร์ก (เดนมาร์ก) 2-2
รอบสาม ชนะโลโคโมทีฟ มอสโคว์ รวม 2-0
รอบก่อนรองฯ แพ้เดปอร์ติโบ อลาเบส รวม 2-4
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2008-09)
ผู้จัดการทีม มาร์ค ฮิวจส์
รอบคัดเลือกที่หนึ่ง ชนะอีบี/สเตรย์มูร์ (หมู่เกาะแฟโร) รวม 4-0
รอบคัดเลือกที่สอง ชนะจุดโทษมิดทิลแลนด์ 4-2 (ในเวลาเสมอ 1-1)
รอบแรก ชนะเอซี โอโมเนีย (ไซปรัส) รวม 4-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะทเวนเต้ 3-2 ชนะชาลเก้ 2-0
เสมอปารีส แซงต์ แชร์กแมง 0-0 แพ้ราซิ่ง ซานตานแดร์ 1-3
รอบ 32 ทีม ชนะเอฟซี โคเปนเฮเกน รอบ 4-3
รอบ 16 ทีม ชนะจุดโทษอัลบอร์ก 4-3 (ในเวลาเสมอ 2-2)
รอบก่อนรองฯ แพ้ฮัมบูร์ก 3-4
สำหรับฤดูกาลนี้ นอกจากเวสต์แฮมแล้ว ยังมีอีกสองทีม ซึ่งเราจะไปทำความรู้จักแบบคร่าวๆกัน
ตัวแทนจากเนเธอร์แลนด์ – Go Ahead Eagles
“โก อเฮด อีเกิ้ลส์” ตั้งอยู่ที่เมือง Deventer จังหวัด Overijssel ทางตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 1902 เคยได้แชมป์ลีกสูงสุด 4 สมัย 1916-17, 1921-22, 1929-30, 1932-33 เคเอ็นวีบี คัพ ได้รองแชมป์ 1964-65 และได้ไปเล่นยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาลต่อมา แต่แพ้เซลติกขาดลอย 0-7 ตั้งแต่รอบแรกเลย
พวกเขาเลื่อนชั้นมาเล่นลีกสูงสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้วผ่านการเล่นเพลย์ออฟ และจบอันดับ 13 แต่เสียประตูมากเป็นอันดับสองร่วม (เป็นรองเพียงเอ็นอีซี ไนจ์เมเก้นเท่านั้น) ส่วนฤดูกาลนี้เกาะกลุ่มท้ายตารางอย่างเหนียวแน่น ก่อนจะจบอันดับ 17 ต้องไปเพลย์ออฟกับทีมดิวิชั่นสอง คือเดอ กราฟชัฟ (De Graafschap) ในรอบที่สอง แต่แพ้รวม 0-2 ทำให้ฤดูกาลนี้โก อเฮด อีเกิ้ลส์ต้องตกชั้นในที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการที่เนเธอร์แลนด์ได้คะแนนแฟร์เพลย์ประจำปี 2015 ด้วยอันดับหนึ่ง จึงทำให้ได้โควตายูโรป้าลีกเพิ่มอีก 1 ที่โดยอัตโนมัติ เมื่อดูตารางแฟร์เพลย์ของเอเรดิวิซี่ ทเวนเต้เป็นที่หนึ่ง ตามด้วยโก อเฮด อีเกิ้ลส์ และอาแจ็กซ์ แต่เนื่องจากทเวนเต้ประสบปัญหาทางการเงิน จนถูกตัดแต้มในลีก ทำให้ส้มมาหล่นใส่อันดับสองก็คือพวกเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นทีมในประเทศ จึงไม่มีนักเตะที่รู้จักเลย ทั้งทีมมีเพียงมาวูนา อเมวอร์ ชาวโตโกที่เป็นต่างชาติเพียงคนเดียวของทีม แต่ก็มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง อาทิ
ไรมอนด์ ฟาน เดอ ฮาว (1985-88) นายทวารสำรองของแมนยู ชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1999,
[color=brown]มาร์ค โอเวอร์สมาร์ส[/color] (1990-91) อดีตผู้เล่นอาแจ๊กซ์, อาร์เซนอลและบาร์เซโลน่า ทีมชาติชุดอันดับสี่ฟุตบอลโลก 1998 ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลที่อาแจ๊กซ์
แยน ครอมแครมพ์ (1998-2000, 2011-13) อดีตผู้เล่นลิเวอร์พูล ชุดแชมป์เอฟเอ คัพ 2006
ลีโอ บีนฮัคเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมระหว่างปี 1975-76 ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของทีมชาติทรินิแดดแอนด์โตเบโก้ ซึ่งเขาพาไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2006
ตัวแทนจากไอร์แลนด์ – University College Dublin A.F.C. (UCD)
“สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยคอลเลจดับลิน” ตั้งอยู่ในกรุงดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ก่อตั้งทีมเมื่อปี 1895 ในชื่อ Catholic University Medical School Football Club เริ่มแรกแบ่งเป็นสองทีมคือทีมหนึ่งเล่นระหว่างมหาวิทยาลัยอื่น อีกทีมหนึ่งเล่นรายการข้างนอก ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อทีมจากการรวมกันระหว่างโรงเรียนแพทย์กับมหาวิทยาลัยที่ตั้งขึ้นใหม่ในปี 1908 กระทั่งปี 1970 ยูซีดีจึงได้รับเลือกเข้าสู่ League of Ireland ดิวิชั่นบี โดยตระเวนแข่งขันในหลายประเทศเอเชียและออสเตรเลีย ต่อมาได้แชมป์ไอร์แลนด์คัพปี 1984 เป็นตัวแทนประเทศไปเล่นยูฟ่าคัพ วินเนอร์ส คัพ แต่ก็แพ้เอฟเวอร์ตันรวม 0-1
ฤดูกาล 2010 ทีมกลับมาเล่นลีกสูงสุด แต่อันดับส่วนใหญ่ก็อยู่ครึ่งล่างของตาราง ฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ 11 ต้องเล่นเพลย์ออฟ ก่อนจะไปแพ้กัลเวย์ ทีมอันดับสามดิวิชั่นหนึ่ง รวม 1-5 จึงตกชั้นและเล่นอยู่ดิวิชั้น 1 ฤดูกาลปัจจุบัน อย่างไรก็ดี จากการที่ไอร์แลนด์มีคะแนนแฟร์เพลย์เป็นลำดับที่สาม ทำให้ในโควตาแฟร์เพลย์ของลีก ดันดอล์ก (Dundalk) เป็นที่หนึ่ง แต่ได้ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฐานะแชมป์ลีก ขณะที่อันดับสอง เซนต์ พาทริค แอธเลติก (St Patrick’s) ก็ไปยูโรป้าลีกจากการจบอันดับสามของลีก โควตาแฟร์เพลย์จึงตกเป็นของอันดับสามก็คือยูซีดี ซึ่งเป็นทีมจากไอร์แลนด์ทีมแรก(และทีมเดียว)ในโควตาแฟร์เพลย์
โควตาแฟร์เพลย์ของยูฟ่า ปีนี้จะเป็นครั้งสวุดท้ายแล้ว เนื่องจากยูฟ่าจะเปลี่ยนมาให้เป็นเงินรางวัลแก่สมาคมฟุตบอลที่ได้คะแนนสูงที่สุดในสามสาขา ได้แก่
สมาคมฟุตบอลที่มีคะแนนแฟร์เพลย์รวมสูงสุด (Overall fair play)
สมาคมฟุตบอลที่มีพัฒนาการคะแนนแฟร์เพลย์จากครั้งก่อนดีที่สุด
(Improvement in overall fair play score from one season to the next)
คะแนนพฤติกรรมของแฟนบอลสูงสุด (Behaviour of spectators)
คะแนนของปี 2016 จะคำนวณตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2015 ถึง 30 มิถุนายน 2016 เป็นเวลา 14 เดือนเลยทีเดียว
หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้

และขอน้อมรับความผิดพลาดแต่เพียงผู้เดียว
ข้อมูล
http://en.wikipedia.org/wiki/UEFA_Respect_Fair_Play_ranking
เกณฑ์การให้คะแนนแฟร์เพลย์แต่ละข้อโดยละเอียด
http://kassiesa.home.xs4all.nl/bert/uefa/fairplay.html
รางวัลที่จะมาแทนโควตาแฟร์เพลย์ตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 เป็นต้นไป (ก็คือไม่มีทีมใดที่จะได้ไปเล่นยูโรป้าลีกผ่านโควตาแฟร์เพลย์อีกต่อไป)
http://www.uefa.org/social-responsibility/news/newsid=2210098.html
สาระความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลอีกหนึ่งทางเลือก ถ้าสนใจเข้าไปชมกันก่อนที่
https://www.facebook.com/Soccerknowledge
ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ
(แต่จะโพสตอนไหนวันไหนบ้างแล้วแต่ช่วงเวลาที่สะดวกและอารมณ์เจ้าของเพจ

)
จบการนำเสนอ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการเยี่ยมชมครับ