แฟนบอลที่ติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์นี้ที่หลายสโมสรทุ่มเงินซื้อแข้งใหม่เข้ามาเสริมแกร่งกันอย่างดุเดือดก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อ จอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเย่นต์ชาวโปรตุกีส เป็นอย่างดี
     หน้าร้อนนี้มีนักเตะในสังกัดของ เมนเดส ย้ายสังกัดใหม่หลายคนไม่ว่าจะเป็น อังเคล ดิ มาเรีย, เจมส์ โรดริเกซ, ดีเอโก้ คอสต้า, เอเลียควิม ม็องกาลา หรือ ราดาเมล ฟัลเกา ซึ่งมีค่าตัวรวมกัน ถึง 208.5 ล้านปอนด์ หรือ ราว 11,467.5 ล้านบาท โดยจำนวนนี้ยังไม่รวมถึงค่าตัวของ ฟัลเกา ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องจ่ายให้กับ โมนาโก เพิ่มอีก 51.3 ล้านปอนด์ หรือราว 2, 821 ล้านบาท ในการคว้าดาวยิงทีมชาติโคลอมเบียมาร่วมทัพอย่างถาวร หลังหมดสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล
     จากข้อมูลที่แจกแจงไปเบื้องต้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ใครต่อใครจะยกย่องให้ เมนเดส หนุ่มใหญ่วัย 48 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และนายหน้าคู่ใจของนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปจนถึงกุนซือจอมอหังการอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้ชนะตัวจริงในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้
     จากการคำนวณของ เดลี เมล์ สื่อฉบับดังของอังกฤษ พบว่า นับตั้งแต่เริ่มจับงานเอเย่นต์นักเตะเป็นต้นมามูลค่ารวมของธุรกิจที่ เมนเดส เป็นตัวกลางในการเจรจามีมูลค่าสูงถึง 1,068,370,548 ปอนด์ หรือราว 58,760,380,140 บาทเลยทีเดียว
     หากคิดจากอัตราปกติที่นายหน้าจะได้รับค่าคอมมิสชัน 10 เปอร์เซ็นต์จากค่าตัวในการย้ายสังกัดของนักเตะแต่ละครั้ง ซัมเมอร์นี้ เมนเดส ก็จะมีเงินเข้ากระเป๋าถึง 20 ล้านปอนด์ หรือกว่า 1,100 ล้านบาท และน่าจะรับทรัพย์ไปแล้วกว่า 100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 5,500 ล้านบาท ตลอดช่วงอาชีพที่ผ่านมา
     อย่างไรก็ตาม บ่อเงินบ่อทองของเขาไม่ได้หยุดแค่ตรงนั้น เพราะ เมนเดส ยังมีบริษัทดูแลผลประโยชน์อย่าง เกสติฟุต อยู่อีกด้วย
     เมนเดส แต่งงานแล้ว และมีบุตร 5 คน เขาพกโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง พูดภาษาอังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี ได้อย่างคล่องแคล่ว โดยนอกจากจะเป็นนายหน้าแล้ว เขาก็ยังรับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทนายหน้าแห่งอื่นที่เป็นเจ้าของและดูแลเรื่องการซื้อขายนักเตะอีกต่างหาก
     เมนเดส ไม่ได้เป็นเหลือบไรที่เข้ามาหวังเพียงสูบเลือดจากนักเตะ แต่เขาเป็นซูเปอร์เอเย่นต์ที่ดูแลพ่อค้าแข้งในสังกัดเป็นอย่างดี และพร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปกับลูกค้าของตัวเอง
     โรนัลโด้ พูดถึง เมนเดส ว่า เป็นคนที่แฟร์และซื่อสัตย์ รวมทั้งเป็นคนที่เขาสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ มูรินโญ่ พูดถึง เมนเดส เอาไว้ในปี ค.ศ. 2010 ว่า “เมื่อผมรู้ว่าจะมีการมอบรางวัลนายหน้าที่ดีที่สุดในโลก ผมเชื่อว่า รางวัลนี้จะต้องเป็นของ จอร์จ เมนเดส แน่นอน”
     ส่วน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยกย่องเมนเดสว่า เป็นนายหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยทำธุรกิจด้วย
     แน่นอนว่า เมนเดส กำลังมีอิทธิพลกับวงการฟุตบอลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบัน เกสติฟุต มีลูกค้าถึง 58 คน โดยมีผู้จัดการทีมรวมอยู่ 2 คนคือ มูรินโญ่ และ นูโน เอสปิริโต ซานโด เทรนเนอร์ของบาเลนเซีย
     เปเป้ และฟาบิโอ โคเอนเทรา 2 กองหลังของ เรอัล มาดริด, ดาวิ เด เคอา และอันแดร์สัน 2 ผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด รวมทั้ง เจา มูตินโญ่ และริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 2 ดาวเตะของโมนาโก ต่างเป็นลูกค้าของ เมนเดสเช่นกัน
     นักเตะในความดูแลของ เมนเดส 18 คน อายุเพียง 23 ปี หรือต่ำกว่านั้น โดยส่วนใหญ่ค้าแข้งอยู่ในโปรตุเกส และสเปน ซึ่งดูจากแนวโน้มแล้วธุรกิจของเมนเดสยังน่าจะเติบโตได้อีกแยอะ
     เมนเดส เกิดและเติบโตในลิสบอน มีบิดาเป็นพนักงานของ เปโตรกัล บริษัทผลิตก๊าซยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส ตอนอายุ 20 ปี เขาค้าแข้งกับทีมระดับกึ่งอาชีพ โดยเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย นอกจากนี้เขายังเปิดร้านให้เช่าวิดีโอ, เปิดบาร์ และคลับในเมืองคามินญาอีกด้วย ซึ่งที่นี่ทำให้เขาได้พบกับ นูโน และช่วยให้เขาได้ย้ายไปเล่นกับ เดปอร์ติโบ ลาคอรุนญ่า
     จากการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ นูโน ทำให้ เมนเดส เริ่มต้นอาชีพนายหน้าในวัย 30 ปี จากนั้นเขาก็ช่วยให้ คอสตินญ่า ได้ย้ายจาก นาซิอองนัล ไปอยู่กับ โมนาโก จากนั้นก็จัดการเรื่องการย้ายสังกัดของ คาปูโช จากวิคตอเรีย ไปอยู๋กับ ปอร์โต้
     หลังจากที่เริ่มมีนักเตะในสังกัดหลายคน เมนเดส ก็ต้องพบกับคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง โชเซ เวกา นายหน้าที่ครองความเป็นใหญ่ในตลาดนักเตะเมืองฝอยทองอยู่ในเวลานั้น ซึ่งทั้ง 2 เคยฟาดปากกันกลางสนามบินในลิสบอนเพื่อแย่งตัว หลุยส์ ฟิโก้ มาแล้วเมื่อปี ค.ศ. 2002
     เมนเดสม่ได้แย่ง ฟิโก้ มาจาก เวกา แต่ เขาได้เพชรเม็ดงามอย่าง ฮูโก้ วิอานา, ริคาร์โด้ กวาเรสม่า และโรนัลโด้ มาอยู่ในมือ นอกจากนี้เขาใช้วิชาสาลิกาลิ้นทองกล่อมจน มูรินโญ่ ยอมทิ้งนายหน้าอีกคนอย่าง โชเซ ไบเดค มาอยู่กับตัวเองด้วย
     เมื่อถึงยูโร 2008 เมนเดส คือนายหน้าของนักเตะระดับหัวแถวของโปรตุเกสทุกคน เขาเป็นหน้าของนักเตะทีมชาติโปรตุเกสถึง 16 จาก 23 คน รวมทั้งเป็นนายหน้าของ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี กุนซือทีมเมืองฝอยทองในเวลานั้น และมีส่วนสำคัญในการย้ายสังกัดไปคุมเชลซีของ “บิ๊กฟิล”
     จากการทำงานที่มีผลประโยชน์ก้อนโตเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นเรื่องธรรมดาที่ เมนเดส จะสร้างความไม่พอใจให้ใครหลายคน เขาถูกกล่าวหาว่า ไปฉก หลุยส์ นานี และ เบเบ้ มาจาก 2 นายหน้าอย่าง อนา อัลเมดา และกอนคาโล เรอิส ตามลำดับ ก่อนหน้าที่ทั้ง 2 คนจะย้ายไปเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี ค.ศ. 2007 และ 2011 ตามลำดับ
     เรอิส บอกว่า เขาคือผู้ค้นพบ เบเบ้ แต่เมื่อ เมนเดส ก้าวเข้ามาเขาก็ถูกเขี่ยทิ้ง และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้ค้นพบอย่างเขาไม่ได้อยู่กับนักเตะเมื่อมีโอกาสย้ายไปเล่นให้สโมสรใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด
     การย้ายสังกัดของ เบเบ้ แสดงให้เห็นถึงอีกมุมหนึ่งในการทำธุรกิจของ เมนเดส เมื่อบริษัท เกสติฟุต ของเขาได้รับเงิน 2.87 ล้านปอนด์ จากค่าตัว 7.4 ล้านปอนด์ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจ่ายไป
     อาเดรียน โลเปซ ลูกค้าอีกคนของ เมนเดส ก็เพิ่งย้ายจาก แอตเลติโก้ มาดริด ไปอยู่กับ ปอร์โต้ โดยงานนี้ ทีมมังกรน้ำเงิน เป็นผู้จ่ายเงิน 60 เปอร์เซ็นต์ของค่าตัว 8.7 ล้านปอนด์ ขณะที่อีก 40 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือมีบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่มีการระบุชัดว่าเป็นใครเป็นผู้รับผิดชอบ
     ในโปรตุเกสการมีบุคคลที่ 3 เข้ามาถือกรรมสิทธิ์ร่วมในตัวนักเตะอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในอังกฤษมันถือเป็นเรื่องต้องห้ามตามกฎของเอฟเอ เนื่องจากพวกเขามองว่า บุคคลที่ 3 จะเข้ามาสร้างปัญหา โดยเฉพาะกับการมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการย้ายสังกัดของนักเตะ
     ตามรายงานของบริษัทผู้ตรวจสอบอย่าง เอพีเอ็มจี พบว่า มีนักเตะที่มีบุคคลที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์ในตัวอยู่ถึง 1,100 คนทั่วยุโรป ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึง 1 พันล้านปอนด์เลยทีเดียว
     แหล่งข่าวของ เดลี เมล์ เปิดเผยว่า มีนักเตะ 4 คนหรืออาจจะมากกว่า 100 คนที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในช่วงซัมเมอร์นี้ ที่มีบุคคลที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์ในตัวอยู่ ก่อนที่สโมสรจากอังกฤษจะจัดการซื้อกรรมสิทธิ์มาเป็นของตัวเองแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม รวมไปถึง ม็องกาลา, ลาซาร์ มาโควิช และ มาร์กอส โรโฮ ด้วย
     เชื่อกันว่า บริษัทแม่ของเชลซีก็สวมบทเป็นบุคคลที่ 3 ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ในตัวของนักเตะอยู่กลุ่มหนึ่งเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้ค้าแข้งในอังกฤษ จึงไม่ถือเป็นเรื่องผิดกฎแต่อย่างใด และ เมนเดส ก็ถูกโยงเข้ากับกลุ่มทุนนี้ในฐานะที่ปรึกษา
     เมนเดส ไม่ได้เป็นเจ้าของ ม็องกาลา เขาเป็นแค่นายหน้า และทำงานกับคนหลายกลุ่มขณะที่ แมนฯ ซิตี้ จ่ายเงิน 40 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของนักเตะโดยเงินจำนวนนี้จะถูกแบ่งสรรปันส่วนระหว่าง ปอร์โต้ กับบุคคลที่ 3 ที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในตัวดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งมีชื่อว่า โดเยน สปอร์ตส์ และโรบี พลัส ส่วน เมนเดส ก็รับค่านายหน้าของตัวเองไป
     ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพราะอะไรเราจึงมักจะเห็น เมนเดส ฉีกยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงใบหูทุกครั้งที่เขาชักภาพร่วมกับลูกค้าของตัวเองในวันเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นสพ. เดลินิวส์
 
  ยอมรับว่าเจ๋งมากสร้างตัวจากเจ้าของร้านวีดีโอจนได้ขนาดนี้เเต่ เด เก อาอย่าเสี้ยมได้ใหมไอ้หน้าเลือด  
   
 [/img]