ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 495
ที่อยู่: 221b Baker Street
โพสเมื่อ: Mon May 05, 2014 13:23
ข้างหลังภาพ - ความจริงหลังสงครามเวียดนาม
แด่ มิตาเกะ...

ข้างหลังภาพที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
หาใช่บทประพันธ์อันโด่งดังของศรีบูรพา หรือกุหลาบ สายประดิษฐ์

แต่เป็นข้างหลังภาพ ที่ได้บันทึกความทรงจำของสงครามให้หยุดนิ่ง
ปรากฎเป็น...ความจริงหลังรูปภาพ

"Napalm Accident, 1972" - ระเบิดเพลิง 2515


ภาพโดย Associated Press photographer, Nick Ut ไดัรับรางวัล Pulitzer



นาปาล์ม คืออะไร?

จากการค้นพบเบื้องต้นผ่านวิกิพีเดียพบว่า นาปาล์ม คือ ระเบิด Napalm Bomb
เป็นระเบิดรูปแบบการทำปฏิกิริยาของเคมีที่ให้ความร้อนสูงมากนำมาใช้ครั้งแรกในสงครามโลกครั้งที่สอง อุณหภูมิโดยรอบจะสูงมากโดยมีระดับการให้ความร้อนตั้งแต่ ประมาณ 1000 กว่า องศาเซลเซียสและมีการพัฒนาขึ้นไปถึง 2000 องศาเซลเซียส

เมื่อเริ่มทำปฏิกิริยาจะแผ่ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ออกไปโดยรอบ
เป็นพิษไปถึงบรรยากาศชั้นบนและเริ่มทำการดึงออกซิเจนเพื่อเริ่มการเผาไหม้
ทำให้เกิดการแผ่รังสีความร้อนอย่างรวดเร็วทำให้เกิดแผลไฟไหม้ที่ผิวหนังจะทำลายเนื้อเยื่อ จนถึงกระดูก

ข้างหลังภาพนี้ ถูกบันทึกเวลาบ่ายสองของวันที่ 8 มิถุนายน 2515
ระเบิดไฟนาปาล์ม 4 ลูก ถูกทิ้งลงที่บ้านเธอ !!


ขณะนั้น... คิม ฟุค เพิ่งมีอายุ 9 ขวบ ระเบิดเพลิงตกใส่เธอ เธอถอดเสื้อผ้าที่ไฟกำลังลุกออกแต่ไฟยังคงไหม้บนตัวเธอ

ผู้คนช่วยราดน้ำบนตัวเธอ เพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่บนตัวเธอ จนเธอหมดสติไป...






ข้างหลังภาพ เบื้องหลังรูปภาพ ปรากฏเป็นบาดแผล
ที่กระทบทั้งร่างกาย และจิตใจของเด็กหญิงคนนี้

แต่... การกระทำในวันนั้น
หาได้เป็นการสร้างไฟแห่งสงครามในจิตใจของเธอไม่

จากเด็กหญิงในวันนั้น...วันนี้ เธอเติบใหญ่ขึ้นเป็นวีรสตรีที่ทั้งโลกต้องชื่นชม


Kim Phuc...วีรสตรีแห่งการให้อภัย
สุภาพสตรีที่กล่าวคำว่า... "ให้อภัย" ได้ดังก้องไป...ในหัวใจคนทั้งโลก

Huynh Cong (Nick) Ut ช่างภาพ ช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล คอยให้กำลังใจ

แม้เธอจะรอดตาย แต่ไฟก็ได้เผาลวกผิวหนังของเธอถึง 65%

เธอต้องรักษาตัว ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผล อยู่ในโรงพยาบาลถึง 14 เดือน และผ่านการผ่าตัดถึง 17 ครั้ง กว่าจะหายเป็นปกติ

เธอยังโชคดี เมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ซึ่งตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

หมอศัลยกรรมพลาสติค Dr. Mark Gorney จาก San Francisco
อาสาสมัครประจำอยู่ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมเด็ก Barksy ในกรุงไซ่ง่อนกล่าวว่า

'เธอไม่น่าจะอยู่รอดได้ ตอนแรกคางของเธอเชื่อมติดกับหน้าอก โดยเนื้อเยื่อจากแผลเป็นแขนซ้ายของเธอไหม้จนถึงกระดูก'

แต่ด้วยความรักของแม่ที่คอยดูแลอยู่ข้างเตียง เธอค่อยๆฟื้นตัว และตัดสินใจว่าโตขึ้น...เธอจะเป็นหมอเหมือนผู้ที่ช่วยชีวิตเธอ

หลังจากรักษาตัวอยู่ 2 ปี เธอจึงได้กลับบ้าน

ภาพของเธอ ที่ Nick Ut ถ่ายไว้ ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกและได้รับรางวัล Pulitzer ในปี พ.ศ. 2516

ด้วยรางวัลดังกล่าวช่วยเปลี่ยนชีวิตของเธอและ Nick Ut


Nick Ut-ช่างภาพ Kim Phuc - Dr. My Le ที่พยาบาลเธอ 2 วันหลังเกิดเหตุ

วันหนึ่ง...ในปี พ.ศ.2539 คิม ฟุค ก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูดเนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

การได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทำให้ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่ายนัก

แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า...สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง

หลังจากที่เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้ว เธอก็ได้เผยความในใจว่า...

มีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเธอ

พูดมาถึงตรงนี้ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ เธอจึงเผยความในใจออกมาว่า

"ฉันอยากบอกเขาว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เราควรพยายามทำสิ่งดีๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพทั้งในปัจุบัน และอนาคต"

เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ

เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า

" ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ "

คิมเข้าไปโอบกอดเขา แล้วตอบว่า

" ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย "


ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเราปางตาย

คิม ฟุค เล่าว่า... เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอทั้งกายและทั้งใจ จนเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

แต่แล้วเธอก็พบว่า สิ่งที่ทำร้ายเธอจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หากได้แก่ความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง

" ฉันพบว่าการบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้สามารถฆ่าฉันได้ "

เธอพยายามสวดมนต์ และแผ่เมตตาให้ศัตรู และแก่คนที่ก่อความทุกข์ให้เธอ แล้วเธอก็พบว่า

" หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด "





จะเห็นว่าข้างหลังภาพถ่ายนั้น คือหัวใจ...แห่งการให้อภัย


หมายเหตุ ขอขอบคุณเนื้อหาจากคุณThepchai Yong
และรูปภาพบางส่วนจากคุณ ravio(Pantip.com)
M.Connelly เรียบเรียง
แก้ไขล่าสุดโดย Michael Connelly เมื่อ Mon May 05, 2014 13:56, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2010
ตอบ: 1288
ที่อยู่: องค์การอิสระ
โพสเมื่อ: Mon May 05, 2014 13:26
[RE: ข้างหลังภาพ - ความจริงหลังสงครามเวียดนาม]
ซึ้งฝุดๆ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ได้ทำในสิ่งที่รัก + ได้อยู่กับคนที่รัก = ความสุข
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: Rossoneri
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2010
ตอบ: 12063
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 05, 2014 13:28
[RE: ข้างหลังภาพ - ความจริงหลังสงครามเวียดนาม]
เคยเห็นภาพนี้หลายครั้ง เพิ่งจะรู้เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังก็วันนี้เอง

ขอบคุณจขกท.มากครับ



1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 1249
ที่อยู่: เมอร์ซี่ย์ไซด์ LiV
โพสเมื่อ: Mon May 05, 2014 14:20
[RE: ข้างหลังภาพ - ความจริงหลังสงครามเวียดนาม]
ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวซึ่งๆ
ที่มากับเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
หงส์แดง ทแยงมุม เอ้ย!
เมืองทอง คะนองเดช เอ้ย!
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: Play Forward
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2009
ตอบ: 10763
ที่อยู่: Fromis_9
โพสเมื่อ: Mon May 05, 2014 17:28
[RE: ข้างหลังภาพ - ความจริงหลังสงครามเวียดนาม]
เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริงๆ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Tottenham Hotspur-Roma-New England Patriots-SC30-J.Lin7-TB12


ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel