BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
15 December 2013 20:19 by น้า
อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)


บทที่ 9 : Keane (ตอนที่ 2)

สำหรับตอนที่ 1 สามารถอ่านได้จากที่นี่

ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว รอยบรรยายว่า "คีแรน ริชาร์ดสันเป็นกองหลังจอมขี้เกียจ" ตั้งคำถามว่าทำไมผู้คนในสก็อตแลนด์พูดเพ้อเจ้อถึงดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และพูดถึงริโอ เฟอร์นานด์บอกว่าแค่แกได้รับค่าเหนื่อย 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และทำผลงานได้ดี 20 นาทีในเกมกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ไม่ได้ทำให้แกเป็นซูเปอร์สตาร์ขึ้นมา

เพรส ออฟฟิศของเราโทรศัพท์หาเดวิด กิลล์ทันที เทปดังกล่าวชะงักรอออกอากาศจากการตัดสินใจของผม เรากคิดกันว่าจะเอายังไง "โอเค เอาเทปนั่นมาให้ฉันวันพรุ่งนี้ แล้วฉันจะลองดู" ผมตอบ

พระเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่น่าเชื่อเลย เขาด่าเละนักเตะในทีมทุกๆคนทั้งดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, อลัน สมิธ, ฟาน เดอ ซาร์, รอยจัดการอัดพวกเขาทั้งหมด

ในสัปดาห์ดังกล่าวเราไม่มีเกมการแข่งขัน และผมก็โปรแกรมจะต้องเดินทางไปที่ดูไบเพื่อเยี่ยมเยียนโรงเรียนสอนฟุตบอลของพวกเรา เช้าวันนั้นแกรี่ เนวิลล์โทรศัพท์หาผมจากห้องแต่งตัวของนักเตะ และถามว่าผมจะเข้าไปหาได้รึเปล่า ผมตรงดิ่งไปทันที ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นรอยขอโทษทุกๆคน ผมนั่งลง แกรี่เอ่ยขึ้นมาว่านักเตะในทีมไม่แฮปปี้กับการฝึกซ้อม ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยิน "แกว่าไงนะ?" ผมถาม รอยมีอิทธิพลอย่างมากในห้องแต่งตัวของเรา และผมเชื่อว่าเขาได้ใช้อิทธิพลนั้นพยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ พวกคุณฟังนะ คาร์ลอส กีรอซนั้นเป็นโค้ชและผู้ฝึกสอนที่ยอดเยี่ยม มันก็จริงที่เขาอาจจะจัดตารางการออกกำลังซ้ำๆซากๆ แต่นั่นแหละที่ทำให้คุณเป็นนักฟุตบอลที่ดี พลังแห่งกิจวัตรที่เฝ้าทำทุกๆวัน

ผมตอกกลับนักเตะของผมคืน "พวกแกลากฉันลงมาที่นี่เพื่อให้มาฟังพวกแกบ่นเรื่องการฝึกซ้อมเหรอ? พวกแกอย่าเริ่มนะ ไอ้สองตัวน่ะ...พวกแกกำลังพูดกับใคร?" จากนั้นผมเดินออกจากห้องทันที

หลังจากนั้น รอยเข้ามาหาผมและผมได้บอกกับเขาว่า "ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" จากนั้นผมเริ่มพูดถึงเรื่องวีดีโอ "สิ่งที่แกทำในการให้สัมภาษณ์นั้นเป็นเรื่องอัปยศ, ไร้สาระสิ้นดี แกวิจารณ์เพื่อนร่วมทีมของแก และต้องการให้นักเตะพวกนั้นออกจากทีม"

รอยเสนอแนะว่าพวกเราควรเปิดวีดีโอดังกล่าวให้กับนักเตะภายในทีมฟัง และให้พวกเขาเป็นคนตัดสิน ผมเห็นด้วยกับเขา จากนั้นนักเตะทุกคนภายในทีมเข้ามาร่วมชมวีดีโอด้วยกัน เดวิด กิลล์อยู่ในอาคาร แต่เขาปฏิเสธคำเชื้อเชิญของผมในการมารับชมด้วย เขาคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้ผมจัดการ แต่คาร์ลอสและทีมงานทุกๆคนได้เข้ามาร่วมดูด้วย

รอยถามนักเตะว่าพวกเขามีอะไรจะพูดไหม กับสิ่งที่ได้เห็น

เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ตอบว่ามี เขาจวกรอยว่ารอยล้ำเส้นกับการวิจารณ์เพื่อนร่วมทีม จากนั้นรอยสวนกลับเอ็ดวิน ถามว่าเอ็ดวินคิดว่าตัวเองเป็นใคร รู้อะไรเกี่ยวกับยูไนเต็ดบ้าง? ฟาน นิสเตอรอยลุกขึ้นมาสนับสนุนฟาน เดอ ซาร์ รอยจึงหันไปเล่นงานรุด และจากนั้นก็เป็นคาร์ลอส แต่เขาเก็บคำพูดที่เจ๋งที่สุดเอาไว้สำหรับผม

"คุณเอาชีวิตส่วนตัวของคุณมาเกี่ยวข้องกับสโมสร ในเรื่องการโต้เถียงของคุณกับแม็กไนเออร์" เขาว่างั้น

ณ จุดนั้น นักเตะทุกๆคนเริ่มเดินออกจากห้องทั้งสโคลส์, ฟาน นิสเตอรอยและฟอร์จูน

สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของรอยคือลิ้นของเขา เขามีลิ้นที่ป่าเถื่อนที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้ เขาสามารถทำให้คนที่มั่นใจที่สุดในโลกสูญเสียสิ่งดังกล่าวไปในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยลิ้นของเขา สิ่งที่ผมสังเกตเห็นในตัวเขาวันนั้นตอนที่โต้เถียงกับเขา คือตาของเขาแคบลง มันแทบจะมีแต่ดวงตาสีดำ เป็นภาพที่น่ากลัวมาก ซึ่งผมเองก็เป็นนักสู้จากกลาสโกว์

หลังจากที่รอยเดินออกไป คาร์ลอสเห็นว่าผมผิดหวัง ไม่มีเหตุการณ์ใดๆในชีวิตของเขา ที่เขาได้เป็นสักขีพยานกับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดที่เกิดขึ้นในอาชีพการทำงานกับสโมสรฟุตบอล "เขาต้องไป คาร์ลอส" ผมพูดกับคาร์ลอส "เห็นด้วย 100% ครับ" คาร์ลอสตอบ "กำจัดเขาทิ้งไปซะ" ผมบอกคาร์ลอส

ผมไม่อยู่ที่สโมสรจนถึงวันพุธ แต่ผมโทรศัพท์คุยกับเดวิด กิลล์จากดูไบ และบอกกับเขาว่า "พวกเราต้องให้รอยออกไปจากทีม" การตอบสนองของเขาไม่มีอะไรมากเพราะผมไม่เหลือทางเลือกใดๆให้กับเขา เขาบอกกับผมว่าเขาต้องคุยกับเกลเซอร์ ผู้ซึ่งสามารถอนุมัติได้ ผมเห็นด้วยกับเดวิด กิลล์ในเรื่องที่สโมสรจะยอมจ่ายเงินค่าฉีกสัญญาของรอยและจัดแมตช์เกียรติยศให้กับเขา ไม่มีใครพูดได้ว่าพวกเราปฏิบัติกับรอยอย่างไม่เป็นธรรม

หลังจากที่ผมกลับมาจากตะวันออกกลาง เดวิดบอกกับผมว่าเกลเซอร์จะเดินทางมาในวันศุกร์ และได้โทรศัพท์ไปบอกกับไมเคิ่ล เค็นเนดี้ว่าเราต้องการนัดคุยกับเขา พวกเราโทรศัพท์หาไมเคิ่ลและรอย และประกาศการตัดสินใจให้พวกเขารู้พร้อมกับรายละเอียดทั้งหมด

รอยให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่าเขาผิดหวัง ที่ผมไม่ได้เป็นคนยุติอาชีพการค้าแข้งของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยตัวผมเอง แต่หลังจากการเผชิญหน้าครั้งนั้น ผมกับเขาจบกันแล้ว ไม่มีทางที่ผมอยากจะเปิดศึกอะไรกับเขาอีก หรือแม้กระทั่งเข้าไปมีส่วนร่วมอะไรกับเขาอีกครั้ง

ผมเดินออกมาในสนามซ้อม และบอกกับนักเตะคนอื่นๆ ผมสังเกตุเห็นสีหน้าสุดช็อคของพวกเขา

ผมรู้สึกมาเสมอว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในฐานะผู้จัดการทีมของผมคือการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยอ้างอิงจากความจริงที่โต้แย้งไม่ได้ จากความเชื่อมั่นของผม มันชัดเจนสำหรับผมมากว่าผมจะจัดการกับวิกฤติครั้งนี้อย่างไร หากผมเลี่ยงที่จะพูดความจริง มันคงจะเป็นการมอบความแข็งแกร่งในห้องแต่งตัวให้กับรอยมากขึ้น เขาจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและคิดว่าเขาทำถูก เขาจะมีเวลาโน้มน้าวนักเตะคนอื่นๆมากขึ้นให้เชื่อว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ สิ่งที่เขาทำมันผิดเต็มประตู

มีเรื่องราวมากมายให้เราย้อนมองกลับหลัง กระบวนการต่างๆมากมายเมื่อรอย คีนกลายเป็นอดีตนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในอันดับต้นๆของรายการก็คือฟุตบอลโลก 2002 และรอยบินกลับบ้านหลังมีปัญหากับมิค แม็คคาร์ธี่ย์ ผู้จัดการทีมชาติไอร์แลนด์ในตอนนั้น

มาร์ติน เฟอร์กูสัน น้องชายของผมได้พาผมไปเลี้ยงฉลองวันเกิดในสัปดาห์ที่ผมมีอายุครบ 60 ปี เย็นวันนั้นผมไม่ได้พกโทรศัพท์ไปด้วย แต่มาร์ตินเอาไป และเมื่อเราออกมา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ไมเคิ่ล เค็นเนดี้บอกกับผมว่าเขาพยายามจะติดต่อกับผม ไมเคิ่ลบอกชัดว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในไซปัน สถานที่ซึ่งทีมชาติไอร์แลนด์เก็บตัวสำหรับลงแข่งขันฟุตบอลโลก "คุณต้องคุยกับเขา คุณเป็นคนเดียวที่เขาจะยอมรับฟัง" ไมเคิ่ลบอกกับผม ผมสับสน ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้ไมเคิ่ลเครียดถึงขนาดนั้น เขาเล่าเรื่องราวการเผชิญหน้าระหว่างรอย และมิค แม็คคาร์ธี่ย์ให้ผมฟัง หมายเลขที่ไมเคิ่ลใช้โทรหาผมนั้นสัญญาณไม่ค่อยจะดี ผมได้เสนอให้รอยโทรศัพท์มาหาผมแทน

เสียงของคีนดังขึ้นในโทรศัพท์ "รอย นี่แกคิดอะไรของแกอยู่วะ? รอยปลดปล่อยความโกรธทั้งหมดของเขาใส่แม็คคาร์ธี่ย์ ผมพูดไปว่า "ใจเย็นๆ ขอฉันแนะนำอะไรหน่อยนะ แกไม่สามารถยอมให้ลูกๆของแกไปโรงเรียนทุกๆวัน โดยมีสิ่งนี้เป็นพื้นหลังในชีวิตของพวกเขา คิดถึงครอบครัวแก มันคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ ลืมเรื่องบอลโลกรอบสุดท้ายไปเถอะ นี่จะกลายเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตที่สุดในซัมเมอร์นี้"

เขารู้ว่าผมพูดถูก ผมบอกให้เขากลับเข้าไปที่นั่นกับแม็คคาร์ธี่ย์สองคน จัดการเคลียร์เรื่องราวให้หมด และบอกว่าเขาพร้อมจะลงสนาม รอยเห็นด้วยกับผม แต่ในเวลาที่รอยกลับเข้าไป มิคได้จัดการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สื่อมวลชนฟังหมดแล้ว ไม่มีหนทางใดที่จะทำให้รอยกลับไปได้อีก

ผมปกป้องรอยเต็มที่ เพราะเขาเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยมาตรฐานที่สูงของพวกเรา การเข้าไปยังสถานที่ฝึกซ้อมที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยไม่มีชุดสำหรับใส่ฝึกซ้อม เป็นปัญหาที่สมเหตุสมผลที่เขาจะโกรธ และในฐานะกัปตันทีมเขามีเหตุผลทุกประการในการบ่นเรื่องนี้ คำถามเดียวในชีวิตก็คือคุณจะพกความไม่พอใจติดตัวไปกับคุณไกลแค่ไหนกัน?

ภายใต้สภาพของสิ่งต่างๆที่ย่ำแย่ในเกาหลี รอยไม่ควรแสดงความโกรธของเขาต่อผู้จัดการทีมไปถึงระดับนั้น แต่นั่นแหละคือรอย เขาเป็นคนที่สุดขั้วอยู่แล้ว

ผมปกป้องนักเตะของผมเสมอ และสำหรับรอยก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ นั่นคืองานของผม ด้วยเหตุผลนี้ผมไม่สามารถกล่าวคำขอโทษในสิ่งที่ยืนหยัดเพื่อเขาได้ มีหลายๆครั้งที่ผมคิดว่า "พระเจ้า นี่เรากำลังคิดอะไรอยู่?" เคธี่ยิงคำถามเดียวกันนี้ใส่ผมหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมไม่สามารถเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนักเตะของผมได้ ผมต้องมองหาหนทางแก้ไขไม่ใช่ดัดนิสัยของเขาให้มันออกสู่สาธารณะ บางครั้งผมต้องปรับเงินพวกเขาหรือลงโทษพวกเขา แต่ผมไม่เคยปล่อยให้เรื่องราวหลุดออกไปจากห้องแต่งตัว หากทำแบบนั้นผมคงจะรู้สึกว่าผมทรยศต่อหลักการที่แน่วแน่ในการเป็นผู้จัดการทีมของผม การป้องกัน...ไม่สิ ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการปกป้องพวกเขาจากคำตัดสินของโลกภายนอก

ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ สถานะคนดังเข้ามาเอาชนะอำนาจของผู้จัดการทีม ในยุคของผม คุณไม่กล้ากระซิบอะไรสักคำเกี่ยวกับผู้จัดการทีมของคุณ คุณต้องกลัวคนพวกนั้นแทบตาย ในการทำงานช่วงหลังๆของผม ผมได้ยินข่าวเสมอเกี่ยวกับนักเตะที่ใช้พลังของพวกเขาต่อต้านผู้จัดการทีม ซึ่งนักเตะพวกนั้นจะได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะชนหรือแม้กระทั่งตัวสโมสรเอง นักเตะมักจะบ่นถึงความไม่พอใจของพวกเขาไปให้ใครก็ตามที่สนใจอยากจะได้ยิน แต่ผู้จัดการทีมจะไม่ทำแบบนั้นเพราะพวกเขามีหน้าที่ความรับผิดชอบที่กว้างกว่า

ผมคิดว่ารอยตระหนักได้ว่าเขามาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในอาชีพการค้าแข้ง และเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นผู้จัดการทีม เขาทึกทักคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการทีมและแน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่ความรับผิดชอบในการบริหารทีม การให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ของสโมสร และไล่จวกเพื่อนร่วมทีมของคุณ

ในการหยุดไม่ให้เทปออกอากาศ พวกเราช่วยเหลือรอยไม่ให้สูญเสียความเคารพจากนักเตะทุกๆคนในห้องแต่งตัว แต่หลังการเข้าพบกับผมในห้อง มันได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต และกลายเป็นจุดจบของเขา

เรื่องหนึ่งที่ผมยอมไม่ได้ก็คือการสูญเสียการควบคุม เพราะว่าการควบคุมคือสิ่งที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ได้สิ่งเดียว ในกรณีของเดวิด เบ็คแฮม ผมรู้ทันทีเมื่อนักฟุตบอลพยายามควบคุมสโมสร พวกเราทุกๆคนจะถึงจุดจบ นักเตะที่แท้จริงชอบอะไรแบบนั้น พวกเขาชอบผู้จัดการทีมที่แข็งกร้าว หรือสามารถเป็นแบบนั้นได้

พวกเขาชื่นชอบผู้จัดการทีมแมนๆ มีรางวัลตอบแทนจากสิ่งนั้น เหล่านักเตะจะคิดว่า "1.เขาจะทำให้เราเป็นผู้ชนะได้ไหม? 2.เขาจะช่วยให้ฉันเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้นได้ไหม? 3.เขาภักดีกับพวกเราไหม?" สิ่งเหล่านี้คือมุมมองสำคัญจากฝั่งนักเตะ หากว่าคำตอบทั้งหมดของคำถามคือคำว่าใช่ พวกเขาก็จะอดทนได้ ผมมีช่วงเวลาที่หงุดหงิดและลงใส่พวกเขาหลายครั้งหลังจบเกม และผมก็ไม่เคยภูมิใจกับการระเบิดอารมณ์ของผม บางค่ำคืนผมกลับไปนอนที่บ้านพร้อมความเกรงกลัวถึงเรื่องที่จะตามมา บางทีนักเตะอาจจะไม่ยอมคุยกับผมในสนามซ้อม บางทีพวกเขาอาจจะสุมหัวรวมตัวกันต่อต้านผม แต่เมื่อถึงวันจันทร์ พวกเขาจะเกรงกลัวผมมากกว่าที่ผมต้องเกรงกลัวพวกเขา เพราะว่าพวกเขาได้เห็นแล้วยามที่ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ และพวกเขาคงไม่อยากจะเห็นมันเกิดขึ้นอีก

รอยเป็นคนฉลาด ผมเห็นเขาอ่านหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่ม เขาเป็นคนที่คุยเก่ง และเป็นคนที่คุณอยากร่วมสังคมด้วยยามที่เขาอารมณ์ดี หลายๆครั้งที่นักกายภาพของทีมจะเข้ามาถาม "วันนี้รอยเค้าอยู่ในอารมณ์แบบไหน?" อารมณ์ของรอยคือตัวกำหนดอารมณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในห้องแต่งตัว เขามีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันภายในทีมแบบนั้น

ความขัดแย้งในเรื่องอารมณ์ที่แกว่งไปมาของเขาอาจทำให้เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์ และในอีกนาทีต่อมากลายเป็นปฏิปักษ์กับคุณได้ สวิตช์ต่อมอารมณ์ของเขาพร้อมสับลงทุกเมื่อ...



โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขล่าสุดโดย น้าลูกอม เมื่อ Sun Dec 15, 2013 20:20, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

=================================
ติดตาม SoccerSuck ใน Facebook ที่: https://www.facebook.com/soccersuck01
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: You play to fight the idea of losing
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1706
ที่อยู่: Area 51.U.S.A
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 20:21
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
Thank
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Dumb "แม้อาทิตย์จะลับไป เราก็ยังคงมีไฟแช็ก" The sun has gone but I have a light

ออฟไลน์
โค้ช C-License
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 3237
ที่อยู่: Carrington
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 20:26
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ตอนที่ 3 ตอนสุดท้ายแล้วครับ รอวันอังคารนะครับ วันนี้ขอดูบอลแล้ว 555
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

=================================
ติดตาม SoccerSuck ใน Facebook ที่: https://www.facebook.com/soccersuck01
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Aug 2006
ตอบ: 13701
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 20:36
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
อ้างอิงจาก:
หลายๆครั้งที่นักกายภาพของทีมจะเข้ามาถาม "วันนี้รอยเค้าอยู่ในอารมณ์แบบไหน?" อารมณ์ของรอยคือตัวกำหนดอารมณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในห้องแต่งตัว  


อารมณ์แบบ กลัวหำหด
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1034
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 22:03
ถูกแบนแล้ว
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
มี อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน ตอนอื่นๆ อีกป่ะครับ

มีย้อนหลังอื่นๆ ไหม ขอหน่อยครับ ขอบคุณมากๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: Once a Gooner, always a Gooner.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 7058
ที่อยู่: สงขลา
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 22:16
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
เรื่องวาป ให้ไว้ใจสมาชิก SS

ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: เป็นแฟนแมนยู ไม่ดีเท่าได้ยูเป็นแฟน ^_^
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2008
ตอบ: 14088
ที่อยู่: มหานคร
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 22:31
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]


น้าหมีแอบเลียหูหมามุ่ยหรอนั่น

4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 4507
ที่อยู่: ที่เฉอะแฉะน้ำขัง
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 23:06
ถูกแบนแล้ว
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
18
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1073
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 23:20
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ขอบคุณมากครับ


ปล จัดทั้งเล่มเลยด้ายม้ายน้าลูกอม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Mar 2010
ตอบ: 538
ที่อยู่: The Shed
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 23:23
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
"คุณเอาชีวิตส่วนตัวของคุณมาเกี่ยวข้องกับสโมสร ในเรื่องการโต้เถียงของคุณกับแม็กไนเออร์" เขาว่างั้น


แม็กไนเออร์ นี่คือใครหรอครับ?
แก้ไขล่าสุดโดย tHecH@mp เมื่อ Mon Dec 16, 2013 04:45, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jan 2007
ตอบ: 590
ที่อยู่: TSR ณ ไทรน้อย
โพสเมื่อ: Sun Dec 15, 2013 23:43
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ขอบคุณคร้าบบบ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2009
ตอบ: 22
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Mon Dec 16, 2013 00:16
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ผมอ่านแล้วรู้สึกยิ่งรัก sir alex ขึ้นไปอีกเท่าตัวเลย

การเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

ยังไงก็รักทั้งคีนและป๋านะคับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


The Magnificent Sevens.
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Oct 2013
ตอบ: 5998
ที่อยู่: Khlong Nam Lai Ban Gu
โพสเมื่อ: Mon Dec 16, 2013 01:56
ถูกแบนแล้ว
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ขอบคุณคร้าบบ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2011
ตอบ: 986
ที่อยู่: LemoS OnlinE
โพสเมื่อ: Mon Dec 16, 2013 03:39
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5768
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 16, 2013 04:15
[RE: อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)]
คีนอีโก้สูงจิงๆ

การจะเป็นผู้จัดการทีมมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนี่หว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel