ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status: คนที่ไม่กล้าแม่แต้จะเริ่มต้น จะเป็นคนขี้แพ้ไปตลอดช
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Sep 2013
ตอบ: 710
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:40
คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้
ใครว่าคำถามที่วิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ต้องเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยากด้วย จริงๆ แล้วยังมีคำถามธรรมดาๆ
เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราที่คุณคงไม่อยากเชื่อว่า ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้

ทำไมเราถึงต้องหลับ



เป็นที่รู้ๆ กันว่าสิ่งมีชีวิตในโลกทุกชนิดจำเป็นต้องนอนหลับ (แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์)
ดังนั้น เราน่าจะสรุปได้ว่า การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าอะไรที่น่าจะง่ายๆ แบบนี้
นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังหาคำตอบแน่ชัดไม่ได้ว่าเพราะอะไรการหลับถึงจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต

ทุกวันนี้เรามีทฤษฎีและคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับการหลับ แต่ก็ยังไม่มีอันไหนที่พิสูจน์ได้และได้รับการยอมรับ มีบางทฤษฎีที่บอกไว้ว่า การนอนเป็นการช่วยทำความสะอาดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากสมองหลังจากผ่านการใช้งานมาทั้งวัน ส่วนบางอันอธิบายไว้ว่า
การนอนหลับจะช่วยให้สมองจดจำสิ่งที่เรียนรู้มาได้ดีขึ้น เพราะมีการทดลองกับหนูว่า เมื่อหนูนอนหลับสมองของมันจะทำงานเหมือนกับ
ตอนที่มันวิ่งอยู่ในเขาวงกตก่อนหน้านั้น




แต่ทั้งสองทฤษฎีนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่ เพราะสำหรับพืชและจุลินทรีย์ที่ไม่มีสมองก็ยังมีช่วงเวลาของการหลับด้วย ดังนั้น
ถ้าจะโยงว่าการหลับเกี่ยวข้องกับสมองก็คงจะไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังมีกรณีหายากที่มนุษย์บางคนป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถนอนหลับได้
แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่น Hai Ngoc ชายชาวเวียดนามที่อ้างว่าไม่ได้หลับมา 33 ปีแล้ว




จริงๆ แล้วเมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบยีนที่เกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้มนุษย์นอนหลับเพียง 2-4 ชั่วโมงต่อวัน
โดยที่ไม่เกิดผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย ทำให้อาจเป็นไปได้ว่าการนอนหลับจริงๆ แล้วอาจจะเป็นเรื่องไม่จำเป็น เป็นเพียงการเล่นตลกของร่างกายเท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้

---------------------------------------------
ในระบบสุริยะจักรวาลของเรามีดาวเคราะห์ทั้งหมดกี่ดวง



ตั้งแต่ดาวพลูโตถูกเตะโด่งลดขั้นลงจากการเป็นดาวเคราะห์กลายเป็นเพียงดาวเคราะห์แคระ (Dwarf Planet) เราก็รู้ได้เลยว่าสิ่งที่เรารู้มาตั้งแต่ประถมว่าระบบสุริยะของเรามีดาวเคราะห์ 9 ดวง (ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ 8 แล้ว) เป็นแค่เพียงการคาดเดาโดยนักวิทยาศาสตร์เท่านั้น

ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีทางด้านอวกาศของเราจะพัฒนาไปมากแล้ว ระบบสุริยะของเราเองก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ดี พื้นที่ระหว่างดาวพุธและดวงอาทิตย์ก็ยังสว่างจ้าเกินกว่ากล้องโทรทรรศน์ที่เรามีจะมองเห็นได้ ส่วนพื้นที่หลังจากดาวพลูโตเป็นต้นไปก็มืดมิดเสียจนเรามองไม่เห็น เพราะเมื่อไกลออกไปแสงจากดวงอาทิตย์ก็ส่องไปไม่ถึง ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นพบวัตถุใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ในขณะที่นักบินอวกาศบางคนเชื่อว่าในระบบสุริยะของเราน่าจะมีดวงอาทิตย์มากกว่า 1 ดวงด้วยซ้ำ




นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า ห่างจากดาวพลูโตไปน่าจะมีดาวเคราะห์ที่มีขนาดประมาณโลกของเราหรือดาวอังคารอยู่อีก แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ นอกจากนั้นยังมีการค้นพบวัตถุที่โคจรรอบด้วยอาทิตย์ของเราที่ชื่อ Sedna ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครแน่ใจว่ามีขนาดเท่าไหร่ แต่เชื่อกันว่าน่าจะประมาณเท่าๆ กับดาวพลูโต



แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เนื่องจากมีคนสังเกตเห็นว่าการโคจรของดาวหางไม่ได้เป็นไปตามที่คาดเดากันไว้ จึงเชื่อกันว่าจะมีดาวเคราะห์อีกดวงที่น่าจะใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดีถึง 4 เท่าอยู่อีก ซึ่งดาวที่ยังไม่ค้นพบนี้ถูกตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วว่า Tyche และอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากเกินกว่าจะค้นพบได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความหวังกันอยู่ว่า ด้วยเทคโนโลยีกล้องโทรทรรศน์ของ NASA จะทำให้เราค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ๆ ในระบบสุริยะของเราอีกหลายดวง


--------------------------------------------------
ทำไมน้ำแข็งจึงลื่น

เวลาพูดว่า น้ำแข็งเป็นสิ่งที่ลื่น ก็เหมือนกับพูดว่า น้ำทำให้เปียก นี่เป็นความรู้พื้นฐานที่ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็ได้ แต่ถ้าถามว่า แล้วเพราะอะไรน้ำแข็งจึงลื่น กลับไม่มีใครสามารถตอบได้แน่ชัดแม้แต่นักวิทยาศาสตร์เอง

ทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า ทำไมเราถึงเล่นสเก็ตน้ำแข็งบนน้ำแข็งได้แต่เล่นบนพื้นหินลื่นๆ ไม่ได้ คำอธิบายที่เรามีอยู่ในตอนนี้ก็คือ น้ำจะขยายตัวเมื่อมันกลายเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นเมื่อน้ำหนักของเรากดทับลงไป มันจะกลายสภาพเป็นน้ำที่ทำให้ลื่น ฟังดูง่ายๆ แต่ทฤษฎีนี้กลับไม่ถูกต้อง เพราะมีการทดลองแล้วว่าแค่น้ำหนักของร่างกายเราไม่สามารถทำให้น้ำแข็งเปลี่ยนกลับมาเป็นน้ำเหมือนเดิมได้




มีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายปัญหานี้ แต่ก็ไม่มีอันไหนที่ได้รับการยอมรับ มีทฤษฎีหนึ่งที่โด่งดังมากคือ เมื่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง บริเวณผิวหน้าของมันจะยังคงมีสภาพเป็นน้ำอยู่เพราะมีด้านหนึ่งเป็นอากาศที่ไม่มีแรงกดพอจะทำให้มันกลายเป็นน้ำแข็งได้ มีการทดลองพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ชั้นผิวหน้าที่เป็นน้ำของน้ำแข็งก็ยังคงบางเกินไปที่จะทำให้เกิดการลื่นได้



นอกจากนี้ ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่บอกไว้ว่า น้ำแข็งจริงๆ แล้วไม่ได้ลื่นเลยสักนิด ถึงจะฟังดูทะแม่งๆ แต่นักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ Dr.Salmeron
ผู้คิดค้นทฤษฎีนี้อธิบายว่า ผิวหน้าของน้ำแข็งมีความขรุขระมาก จนกระทั่งมันกลายเป็นลื่นไปเมื่อเกิดการการเสียดสี อย่างไรก็ตาม
Dr.Salmeron ก็ยอมรับว่าเขายังไม่มีอะไรที่พิสูจน์ทฤษฎีนี้ได้อยู่ดี

---------------------------------------------------
รถจักรยานสองล้อ (Bicycle) ทำงานได้อย่างไร



รถจักรยานถูกคิดค้นขึ้นในสมัยช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 และในกว่า 200 ปีที่ผ่านมานี้การออกแบบพื้นฐานของมันก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะต้องมีล้อ 2 ล้อ มีโครงที่เชื่อมล้อเข้ากับมือจับและคันบังคับ และแน่นอน จะต้องมีคนขับ

เราเข้าใจกันว่าคนที่เป็นผู้คิดค้นจักรยานขึ้นมาคงเป็นวิศวกรที่มีความรู้ความชำนาญเป็นอย่างดี แต่จากการศึกษามากว่าร้อยปีนักวิทยาศาสตร์สรุปกับว่า คนที่คิดค้นมันขึ้นมาคงเป็นพ่อมดหรืออะไรสักอย่าง เนื่องจากจักรยานคันแรกของโลกไม่ได้ออกแบบมาโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่จักรยานที่เราใช้กันในปัจจุบันก็ไม่ได้ออกแบบมาโดยใช้หลักการอะไรทั้งนั้น แต่ใช้การเรียนรู้เองและประสบการณ์ว่าต้องออกแบบอย่างไร




ดังนั้น เมื่อเราถามนักวิทยาศาสตร์ว่า จักรยานสามารถวิ่งได้อย่างสมดุลได้อย่างไร มันทำงานได้อย่างไร หรือเราปั่นจักรยานได้อย่างไร น่าแปลกที่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่อาจจะตอบได้ แม้แต่นักวิจัยด้านจักรยานที่มีความรู้มากที่สุดก็ยังยอมรับว่า ถึงแม้จะมีทฤษฎีมากมายเพื่ออธิบายก็ไม่มีอันไหนเลยที่อธิบายได้โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์

เป็นเวลานานมากที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบว่า จักรยานสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างไร ทฤษฎีที่เดากันว่าเป็นเหตุผลสำหรับอธิบายก็คือ Caster effect (ซึ่งเกี่ยวข้องกับมุมของล้อหน้าที่ทำระยะห่างจากโครง) แต่เมื่อปี ค.ศ.2011 นี้เอง ที่มีนักวิทยาศาสตร์จากมหาลัย Cornell และมหาลัยอื่นๆ ทำการทดลองโดยสร้างจักรยานที่ไม่ทำให้เกิด Caster effect ผลปรากฏว่าจักรยานหน้าตาประหลาดๆ นี้ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้ตามปกติอยู่ดี


แก้ไขล่าสุดโดย Bankzdc5 เมื่อ Thu Oct 24, 2013 20:44, ทั้งหมด 5 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

'We're not bad people. We just come from a bad place.'
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status: คนที่ไม่กล้าแม่แต้จะเริ่มต้น จะเป็นคนขี้แพ้ไปตลอดช
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Sep 2013
ตอบ: 710
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:45
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]


ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงกลับมาเริ่มต้นที่หนึ่งใหม่ และต้องหาเหตุผลมาอธิบายกันต่อ ดังนั้น เมื่อคุณปั่นจักรยานจงภูมิใจได้เลยว่า
คุณได้นั่งอยู่บนสิ่งที่ทำลายทุกทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์และยังไม่มีใครหาคำตอบได้จนบัดนี้

======================================
วิธีการเล่นไพ่ Solitaire ให้ชนะ



เกมไพ่ Solitaire ที่ปัจจุบันนี้เราจะรู้จักว่าเป็นเกมเรียงไพ่ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ถือเป็นเหมือนเกมประจำเครื่องที่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็มานั่งเล่นแก้เบื่อกันได้ ซึ่งปกติเวลาเล่นกันก็ชนะบ้าง แพ้บ้างซะเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าไม่มีทางที่คุณจะหาวิธีเล่นเกมนี้ได้ชนะทุกครั้งเลย เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังตอบไม่ได้ว่าต้องใช้วิธีการไหนในการแก้ปัญหา Solitaire ให้ได้ทุกครั้ง



ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 เป็นต้นมา เกม Solitaire ก็ยังคงเป็นปริศนามาตลอด แม้แต่นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังต้องยอมรับว่า เกม Solitaire นี้ไม่อาจหาหลักการทางคณิตศาสตร์มาคิดเป็นรูปแบบการเล่นได้ แม้แต่ค่าความเป็นไปได้ที่จะชนะเกมนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเท่าไหร่กันแน่ นักคณิตศาสตร์เสนอว่าเปอร์เซ็นต์ในการชนะเกมนี้อยู่ที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าชนะอย่างน้อย 8 ใน 10 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครชนะได้มากขนาดนั้น

จากนั้นก็มีการเดากันว่า ความเป็นไปได้ที่จะชนะเกมนี้ไม่สามารถคำนวณได้ ซึ่งเป็นการเดาที่ออกจะทื่อๆ ไปหน่อย แต่นักคอมพิวเตอร์หลายคนก็เห็นด้วยกับข้อนี้ว่า แค่เล่นเกมนี้ในคอมพิวเตอร์จะให้ชนะได้ก็มีโอกาสน้อยเต็มที

และถ้าใครคิดว่าที่เรายังหาวิธีการเล่นเกม Solitaire ให้ชนะไม่ได้เป็นเพราะนักวิทยาศาสตร์มัวแต่เอาเวลาไปศึกษาเรื่องลึกลับซับซ้อนอย่างอื่นแล้วคงต้องคิดใหม่ เพราะนักวิทยาศาสตร์สามารถไขความลับของเกมที่ซับซ้อนกว่านี้มากอย่าง เกมเศรษฐี (Monopoly) ได้แล้ว แต่สำหรับเกมที่หลักการเล่นง่ายๆ ของ Solitaire กลับไม่มีใครคิดหาทางได้



======================================
มีสิ่งมีชีวิตอยู่กี่สายพันธุ์บนโลกนี้



ตอนนี้ก็เป็นศตวรรษที่ 21 แล้ว เป็นเวลานานที่เหล่านักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายได้เดินทางออกตามหาสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ แต่คำถามที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกกี่สายพันธุ์กันแน่ ก็ยังไม่มีใครตอบได้

นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแบ่งหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตบอกไว้เลยว่า ทุกวันนี้เรายังไม่เข้าใกล้คำตอบของคำถามที่ว่าเลยสักนิด แม้จะมีการสำรวจกันมากว่า 250 ปี แล้ว และค้นพบสายพันธุ์ใหม่ๆ กว่าอีก 15,000 สายพันธุ์ทุกปี นักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า จำนวนทั้งหมดแล้วมีเท่าไหร่กันแน่



ปัจจุบันนี้มีสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ 2 ล้านสายพันธุ์ แต่เดากันว่าจำนวนที่แท้จริงบนโลกอาจจะมีตั้งแต่ 5 ล้าน
จนถึง 100 ล้านเลยทีเดียว

การคาดคะเนจำนวนสายพันธุ์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ในตอนนั้นประมาณกันไว้ว่ามีสายพันธุ์อยู่บนโลก 400,000 ชนิด แต่ตอนนี้เราก็หาเจอได้เยอะกว่านั้นมาก ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่าวิธีการคำนวณหาค่าประมาณนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การหาจำนวนสายพันธุ์ทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ก็เพราะการวิจัยส่วนใหญ่เกินขึ้นในประเทศทางแถบตอนเหนือ หรือประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเท่านั้น ประเทศในแถบตอนใต้ เช่น ออสเตรเลีย ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จักอยู่อีก

แต่ปัญหาใหญ่จริงๆ ที่ทำให้การหาจำนวนยิ่งเป็นไปไม่ได้ก็เพราะ 90 เปอร์เซ็นต์ ของที่อยู่สิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ใต้น้ำ ซึ่งมนุษย์เราเพิ่งสำรวจไปได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด (ถึงกับมีนักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า เรามีแผนที่พื้นผิวดาวอังคารที่ละเอียดกว่าของใต้ทะเลเสียอีก) และเราก็ยังค้นพบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลหน้าตาประหลาดอยู่ตลอดเวลา


Pancake Batfish

====================================
ความยาวของแนวชายฝั่งทะเล

ภูมิศาสตร์ เป็นหนึ่งในสาขาที่ตอนสมัยเรียนเป็นวิชาที่น่าจะลึกลับน้อยที่สุด ทุกอย่างคือสิ่งที่เห็นได้เป็นรูปธรรมทั้งทวีป แม่น้ำ และภูเขา ต่างก็อยู่ตรงที่ของมันไม่เปลี่ยนแปลงไปไหนมาก อย่างไรก็ตาม วิธีการวัดโดยเฉพาะการวัดขอบชายฝั่งมีวิธีการที่หลากหลาย อย่างเช่น ชายฝั่งของประเทศสหรัฐอเมริกาในการวัดแบบเป็นทางการบันทึกเอาไว้ว่ามีความยาวประมาณ 12,380 ไมล์ ในขณะที่มีการศึกษาจากอีกที่หนึ่งวัดได้ 29,093 ไมล์ ส่วนการวัดจากของอีกหน่วยงานหนึ่งของสหรัฐกลับวัดได้ 95,471 ไมล์ ซึ่งแต่ละอันไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยสักนิด

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า การวัดชายฝั่งทำได้ยากและไม่มีวิธีการที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าต้องการวัดละเอียดขนาดไหน ถ้าหากวัดกันแบบใช้เส้นตรงอย่างคร่าวๆ ก็จะได้ความยาวขนาดหนึ่ง ในขณะที่ถ้าวัดโดยใช้ความละเอียดสูงก็จะได้ความยาวกว่าอีกแบบมาก




อีกอย่างคือตัวเลขความยาวพวกนี้อาจจะกลายเป็นตัวเลขที่เป็นทางการได้โดยการประกาศจากทางการ จริงๆ แล้วปัญหาในการวัดชายฝั่งแบบนี้ก็เป็นปัญหาทางภูมิศาสตร์กันมายาวนาน ถึงขนาดมีชื่อเป็นของตัวเองว่า Coastline paradox ด้วยความจริงที่ว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามวัดด้วยความละเอียดขนาดไหน อย่างไรก็ไม่มีทางละเอียดพอที่จะวัดได้อย่างแน่ชัดนั่นเอง
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

'We're not bad people. We just come from a bad place.'
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: In Poch We Don't Trust!
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 26319
ที่อยู่: New World . .
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:45
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ทำไมมนุษย์ถึงขี้สงสัย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status: คนที่ไม่กล้าแม่แต้จะเริ่มต้น จะเป็นคนขี้แพ้ไปตลอดช
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Sep 2013
ตอบ: 710
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:45
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
แรงโน้มถ่วงทำงานอย่างไร



แรงโน้มถ่วง เป็นอะไรที่เรารู้จักกันดีและเรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในหลักการของจักรวาล สิ่งมีชีวิตบนโลกก็อยู่กับแรงโน้มถ่วงมาตั้งแต่เริ่มวิวัฒนาการ ในบรรดาแรงพื้นฐานทั้ง 4 ของโลกเรา (แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม แรงนิวเคลียร์ชนิดอ่อน และแรงโน้มถ่วง) แรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลมากที่สุด มันเป็นแรงที่มีพลังอ่อนและมีพลังแรงได้ในเวลาเดียวกัน แรงโน้มถ่วงยึดจักรวาลของเราไว้ด้วยกัน และในขณะเดียวกันมันก็เป็นแรงที่มีพลังอ่อนที่สุดที่มีอยู่ในโลก แม้แต่พลังแม่เหล็กธรรมดาๆ 2 อันที่ดูดเข้าหากันก็ยังมีกำลังมากกว่าแรงโน้มถ่วงด้วยซ้ำ



และเพื่อให้สับสนหนักกว่านั้น แรงอื่นๆ ทั้ง 3 แรงนั้นจะถูกควบคุมโดยอนุภาคของตัวเอง ดังนั้น สำหรับแรงโน้มถ่วงแล้วมันก็ควรจะมีอนุภาคด้วยเช่นกัน แต่ปัญหาก็คือ เรายังหาอนุภาคที่ว่านี้ไม่พบ
ความลึกลับของแรงโน้มถ่วงยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เมื่อเราดูลึกเข้าไปยังขั้นอะตอม โมเลกุล หรือเล็กลงไปกว่านั้น แรงโน้มถ่วงกลับนำมาใช้กับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ นี่เป็นสาเหตุใหญ่ที่เราต้องมีทั้งฟิสิกส์และควอนตัมฟิสิกส์แยกกัน สรุปคือตอนนีันักวิทยาศาสตร์รู้เรื่องส่วนประกอบของอะตอมมากกว่ารู้ว่าเพราะเหตุใดลูกบอลที่ถูกโยนขึ้นฟ้าจะต้องร่วงกลับลงมาเสียอีก


Credit : EveryDayReaders
==========================================
เข้าไปแวะชมผลงานที่ผ่านมาได้ ตาม Link ข้างล่าง ครับ

@@ รวมกระทู้ รูปสวยๆ อาร์ตๆ แปลกๆ
@@ รวมบทความ สาระความรู้ ประวัติศาสตร์ เรื่องลี้ลับ เรื่องเหลือเชื่อ ที่สุดในโลก
@@ รวมบทความดีๆ ข้อคิด คติสอนใจ คำคม แรงบันดาล เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต
@@ รวมสถานที่สวยงาม แปลกตา รอบโลก



ขอบคุณมากครับ
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

'We're not bad people. We just come from a bad place.'
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: Promoter & Reporter
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 40463
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:47
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
คำถามนี้นักวิท ก็หาคำตอบไม่ได้

ทำไมต้องงี่
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 6216
ที่อยู่: บ้านไอติม
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:54
ถูกแบนแล้ว
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ผมว่า เรื่อง จักรยาน กับ แรง โน้ม ถ่วง ผม อ่าน ไม่เข้าใจ ครับ

ผมเรียน วิศวะ แต่ไม่ได้ อวดรู้นะครับ

ผมเข้าใจในสิ่งที่ผมเรียน มากกว่า ที่ อ่าน นี้ เสีย อีก

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: ไม่จำเป็นต้องตอบเอาหล่อเพื่อสร้างภาพไปวันๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 May 2009
ตอบ: 33999
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:58
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ง่วงขนาดนั้นใครไม่หลับก็ตามสบาย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Mar 2009
ตอบ: 467
ที่อยู่: Tree of Knowledge, Island of Ohara
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 20:59
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
คำถามบางอันมันก็ไม่ง่ายนะ

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

^ครั้งนึงชีวิตชั้นเคยได้รัก...เธอ^
ออนไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 1788
ที่อยู่: Jamaica
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:04
ถูกแบนแล้ว
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
แปลกๆอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4705
ที่อยู่: Wonderland
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:07
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
บางคำถามนี่ยาก ฟัดๆเลยนะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



"Offense wins games, defense wins championships "
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: ต้องมีซักวันที่เป็นของเรา
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Feb 2011
ตอบ: 164
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:23
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ทำไมต้องหลับ

ans ง่วง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Dec 2009
ตอบ: 5
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:24
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ผมว่ามันแปลกๆนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Jan 2009
ตอบ: 3666
ที่อยู่: กาฬสินธุ์ดินดำน่ำซุ่ม
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:42
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


EMO ONLY
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Sep 2013
ตอบ: 5320
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:44
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปีที่ผ่านมา นายอัลแลน เรชชาเฟน ผู้เป็นนักวิจัย ทำให้หนูตายไปตั้งหลายตัว เพราะไม่ยอมให้มันนอนหลับ
นี่เป็นการศึกษาเรื่องการนอนหลับ หนูสามารถอดอาหารได้นานถึง 16 วัน แต่อดนอนได้นาน 17 วัน นี่แสดงว่าการนอนมีความสำคัญต่อชีวิตมากเท่า ๆ กับอาหาร

มันดูแย้งๆนะท่าน

http://www.school.net.th/library/snet4/anatomy/sleep.htm
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
3MtKzb.png
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 12118
ที่อยู่: San Siro
โพสเมื่อ: Thu Oct 24, 2013 21:44
[RE: คำถามง่ายๆ ที่วิทยาศาสตร์ยัง หาคำตอบไม่ได้]
ผมไม่ได้อวดฉลาดนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อยากลองคิดๆ แล้วก็ตอบดู
ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะครับ



เรื่อง น้ำแข็ง..
เท่าที่อ่านผ่านตามา ส่วนที่ทำให้ลื่นเกิดจากตัวโมเลกุลน้ำที่ผิวหน้าสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ
เพราะมันไม่ได้สร้างพันธะที่แข็งแรงอย่างชั้นถัดๆไป ทำให้ชั้นผิวหน้ามีสถานะเป็นกึ่งของไหล



เรื่อง แรงโน้มถ่วง...
อาจจะพอตอบได้นะ ถ้าเอาแบบง่ายๆ เลยก็คือให้ลองจิตนาการแบบจำลอง
ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์
ที่บอกว่า แรงโน้มถ่วงเป็นผลมาจากการโค้งงอของ space-time ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีมวลนั่นเอง
เมื่อวัตถุใดๆ อยู่ภายในอิทธิพลของการโค้งงอ ก็ทำให้มันเกิดการเคลื่อนที่ไปตามการโค้งงอนั้น
ส่วนอนุภาคที่เค้าว่าเป็นตัวกลางของการส่งแรงโน้มถ่วงถึงกันนี่ ถูกตั้งชื่อว่า Graviton
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel