ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: ^^
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 29
ที่อยู่: โรงละครแห่งความฝัน
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:25
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ตาสว่างเลยครับผม
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 22491
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:25
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
สายเลือดผี พิมพ์ว่า:
B[Last] พิมพ์ว่า:
ง่า ยังไม่จบนิ พิมต่อให้จบสิครับ
อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต่อ  

เพิ่งสังเกตุ สงสัยเผลอไปลบ  


ผมว่าเป็นอย่างที่เขาบอกอะครับ
ระบบเอ๋อ
คือพอพิมเยอะๆแล้วบางส่วนจะหายไปอะครับ

ลงต่อ เรปอื่นก็ได้ครับ อ่านไม่จบแล้วค้างคาใจ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ฝากเพจเล่นเกมหมาด้วยครับ https://www.facebook.com/playdoggame
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Nov 2008
ตอบ: 11494
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:46
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ผมทวนทำพูดของแม่หนูน้อยทุกอย่าง ภรรยาผมและพยาบาลนั่งจำและจดไว้ทุกคำพูด

ผมจึงถามต่อไปว่า "เมื่อไหร่จะชดใช้กรรมนี้หมดเสียที?"
แม่หนูตอบว่า พ่อทำไว้มาก ทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว กรรมก็สลับกันไป กรรมดีทำให้พ่อเกิดมาอย่างนี้ กรรมชั่วก็ตามมาสนองอย่างนี้ "

ภรรยาผมนั่งฟังอยู่ตลอด ก็ขอให้ผมถามว่าเมื่อชาติก่อนเธอเป็นอะไร?
แม่หนูตอบว่า คุณแม่ เมื่อชาติก่อนนี้เป็นแม่ชี บวชเป็นแม่ชีถือศีลกินเพล อยู่วัดใต้ ผมก็ไม่ทราบว่า วัดใต้ ไหน

แม่หนูบอกว่า เวลาผมปวดประสาทมาก ๆ ให้นึกถึงเธอ เธอจะมาช่วยให้บรรเทาเบาบางลง

แล้วก็เอามือมากุมศีรษะข้างที่ปวด พลางก็พูดว่า....
พรุ่งนี้แปดนาฬิกา หมอจะเอาพ่อไปผ่ากระโหลกศีรษะ

ผมย้ำว่า "พรุ่งนี้เช้าหรือ จะผ่ากระโหลกศีรษะพ่อหรือ?"

เธอก็พยักหน้ารับคำ แล้วก็บอกว่า ....หนูจะไปก่อนล่ะ

ภรรยาผมนั่งสงบอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ม่อยหลับกันไปทั้งหมด...

รุ่งขึ้นเวลา 8 นาฬิกา....

อาจารย์หมออุดม มาตรวจเยี่ยม ได้รับรายงานว่า เมื่อคืนนี้ปวดประสาทมาก ปวดจน ดิ้นถึงสองครั้ง ท่านยืนคิดสักครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า....
แปดโมงเช้านี้ จะเอาตัวไปผ่าตัด ผ่าเอาปมประสาทที่ปวดออก
แล้วหันมาสั่งพยาบาลให้ไปบอกหัวหน้าตึกให้เตรียมนำคนไข้รายนี้ไปผ่าตัด....

ภรรยาและพยาบาลมองหน้ากันด้วยความงุนงงเต็มที่....
เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะนำผมไปผ่าตัด ที่งงเพราะเมื่อคืนนี้ได้ยินผมพูดคนเดียว คือทวนคำพูดของแม่หนูว่า พรุ่งนี้ 8 นาฬิกา หมอจะเอาไปผ่าตัด

ตอนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง....

มาตอนนี้เชื่อแล้ว เชื่อไม่มีความสงสัย !

สักครู่พยาบาลก็เข้ามาในห้องผม จัดแจงโกนหัวโกนคิ้วด้านขวา ขึ้นไปถึงกลางศีรษะ แล้วทำความสะอาด

ต่อจากนั้นก็ฉีดยาให้สะลืมสะลือก็ประเภทมอร์ฟีน จวนๆ 8 นาฬิกา รถเข็นคนไข้ ก็เข้ามาเทียบเอาตัวผมนอนเปลเข็นไปในห้องผ่าตัด โดยมีภรรยาผมตามไปดูด้วย ผมเองตอนนั้นเปลเข็นไปในห้องผ่าตัด โดยมีภรรยาผมตามไปดูด้วย ผมเองตอนนั้นก็จะหลับมิหลับแหล่อยู่แล้ว และแล้วผมก็สิ้นสติไปเมื่อได้รับยาสลบที่ห้องผ่าตัด.

ผมมาทราบตอนหลังว่า ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ผมได้รับการผ่าตัดนั้น....

พยาบาลในห้องได้ไปคุยกับหัวหน้าตึกแล้วคุยกันต่อๆ กันไป ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้น ทุกคนก็อาการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็แปลกใจทุกคน ที่ประหลาดใจมากก็คือ ในเมื่อผมเรียนจบจากศิริราชไปตั้งกว่าสิบปี จบแล้วออกไปเลยไม่ทำงานอยู่ในนั้น

เหตุไฉนจึงทราบเรื่องเด็กผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วน และเด็กผู้นั้น ก็ถึงแก่กรรมที่เตียงผมป่วยในตึกวิบูลลักษณ์นั้น และเธอตายในปีนั้น


ด้วยความสนใจพยาบาลหัวหน้าตึกได้ไปค้นประวัติ และสืบประวัติของผู้ป่วยในตึกนี้

ในปี พ.ศ. 2502 2503 ค้นอยู่นาน เพราะไม่ทราบชื่อผู้ป่วย

และในที่สุดก็ค้นพบว่า....ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งป่วย และถึงแก่กรรมด้วยโรคอ้วน
ในห้องนี้จริง!


ความประหลาดใจในหมู่คนที่รู้เรื่อง ก็ชักจะกลายเป็นความเชื่อขึ้นมาทีละน้อย ๆ

แต่พอพยาบาลที่เฝ้าเธอบอกว่า เด็กที่มาหาคุณหมอที่บอกว่าเป็นลูกในชาติก่อน
เมื่อคืนนี้มาบอกว่าจะถูกผ่าตัดเช้าวันนนี้ พอรุ่งขึ้นเช้าอาจารย์อุดมก็มาเอาตัวไปจริงๆ

....แปลกนะเธอ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ.... พยาบาลสาวพึมพำกันทั้งตึก และจากตึกนี้ไปตึกโน้น ไปจนทั่วโรงพยาบาลภายในไม่กี่วัน....

อาจารย์หมออุดม ท่านเคยรักษาโรคนี้ผมมาสองสามครั้งแล้ว....

โดยฉีดยาเข้าไปในกะโหลกศีรษะ หมายจะให้ยาไปทำลายประสาทส่วนที่ปวด
แต่ไม่ได้ผล มันเหมือนกับตีงูให้หลังหัก โรคก็อาละวาดใหญ่

ที่ฉีดยาเข้าไปในศีรษะนี้ประมาณ 4 ครั้งในสองปี เมื่อฉีดยาไม่ได้ผล
ท่านก็เลยผ่าลงไปในสมองตัดปมประสาทเสียเลย....

โดยเจาะกระโหลกศีรษะด้านขวาเหนือหูขึ้นมาหน่อย....
คงจะเหมือนกับชาติก่อนที่ไปบีบขมับเขา ตามที่แม่หนูเธอบอก....
เจาะแล้วเอากระดูกกะโหลกออกมา ขนาด ราวๆ เหรียญสองสลึง ทำให้มีรูเกิดขึ้น
จากนั้นก็เอามีดเอากรรไกรเข้าไปตัดเส้นประสาทที่ห้า

แต่อาจารย์ท่านว่าการผ่าตัดทำได้ด้วยความยากลำบาก เพราะรื้อรังมานาน....
ประกอบกับได้รับการฉีดแอลกอฮอล์เข้าไปหลายหน มันก็เกิดพังผืดขึ้น ....
ผลการผ่าตัดไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าคงได้ผลไม่น้อย....

การผ่าตัดประสาทสมองนี้กินเวลาราวๆ สี่ชั่วโมง เพราะความยากลำบากดังกล่าว

พอราวๆ เที่ยงเขาก็เข็นรถกลับมาที่เดิม ที่ในห้องมีแม่ผม ภรรยา พ่อตา แม่ยาย
ซึ่งทั้งสองท่านนี้มีศักดิ์ เป็นลุง เป็นป้าผมด้วย ทุกคนคิดว่าผมคงตายไปแล้ว
เพราะนานเหลือเกิน ระหว่างที่คอยรอรับผมในห้องภรรยา และพยาบาลได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกท่านฟัง ต่างก็รับฟังโดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ

ค่ำวันนั้นก็เกิดอาการปวดขึ้นมาอีก....

ทีนี้ปวดสองอย่างคือ ปวดเจ็บในสมองที่ผ่า ปวดแผล มิหนำซ้ำโรคปวดเดิมก็ไม่ทุเลา ทำให้เกิดทุกข์ทรมานมากกว่าเก่า มือทั้งสองก็กุมที่แผล กุมศีรษะ ร้องปวดดิ้นไป และแล้วก็นึกขึ้นได้...

หนู! ช่วยพ่อด้วย ผมตะโกนออกมาดัง ๆ
ในห้องนั้นมีญาติพี่น้องมาเยี่ยมกันมากมาย ต่างก็ได้รับฟังเรื่องราวโดยละเอียด....
ต่างก็สงบ มีแต่ผมผู้เดียว ทุรนทุรายอยู่บนเตียง....

ชั่วอึดใจเดียว....
ก็ปรากฏร่างของเด็กหญิงที่เคยบอกว่าเคยเป็นลูกผมเมื่อชาติก่อนมานั่งอยู่ข้างเตียง
ผมจึงถามว่า.... มาแล้วหรือลูก ช่วยพ่อที ตอนนี้ปวดเหลือจะทนแล้ว!

แม่หนูก็เอามือมาวางที่ศีรษะ แล้วพูดว่า เดี๋ยวจะทุเลา
ก็เป็นจริงดังว่า อาการปวดก็ทุเลา พยาบาลซึ่งถือเข็มฉีดยามาก็เลยไม่ต้องฉีด

คุณใบ ก็ช่วยยกเก้าอี้มาให้แขกที่แลไม่เห็นตัวนั่งอย่างเคย....
แม่หนูก็นั่งข้างเตียง เอามือเท้าคางตามเดิม ผมก็ถามว่า.... หนูอ้วนไปไหนล่ะ!
เธอตอบว่า.... วันนี้ไม่ได้มา


ทุกคนในห้องฟังผมคุยกับแม่หนู ผมถามต่อไปว่า.... หนูชื่ออะไรจ๊ะ?
เธอตอบว่า ก่อนที่จะตายนี้หนูชื่อ.... พิมพวดี
หนูเป็นอะไรตาย?
หนูเป็นไข้เลือดออกตายค่ะ
"ตายที่นี่หรือ?"
ตายที่ตึกเด็กค่ะ
ตายเมื่อไหร่จ๊ะ?
เมื่อปี 2502 ค่ะ
หนูมีพี่น้องกี่คนจ๊ะ
มีสามคนค่ะ
ผู้หญิง ผู้ชาย กี่คน
หนูเป็นผู้หญิงคนเดียว
พ่อแม่คงจะเสียใจมากที่หนูตายไป

พ่อแม่เสียใจมาก เพราะหนูเป็นลูกผู้หญิงคนเดียว พ่อสร้างศาลาอุทิศส่วนกุศลให้หนูที่วัดมกุฎฯ เอาชื่อหนูไปตั้งศาลานี้ มีรูปหนูและมีคำจารึก มีกระดูกที่เผาแล้วของหนู ฝังอยู่ในนี้ด้วยค่ะ....พ่อดีขึ้นแล้ว หนูลาไปก่อน แล้ว จะมาหาพ่ออีกค่ะ

คำพูดทุกคำระหว่างแม่หนูพิมพวดีกับผม ทุกคนในห้องได้ยินได้ฟัง และฟังอย่างตั้งอกตั้งใจจริงๆ พยาบาลฉีดยาให้ผมอีก แล้วผมก็หลับไปจนเช้า โดยไม่มีอาการปวดรุนแรง มารบกวนอีกเลยในคืนนั้น....

เหมือนกับยังไม่สิ้นเวรกรรม อาการของโรคที่สงบไปคืนหนึ่งนั้น....

พอรุ่งขึ้นเช้ามันก็เอาอีก ปวดอีก ทุรนทุรายร้องครวญครางอีก อาจารย์ท่านมาดูอาการทุกเช้า ทุกวัน สั่งการรักษาทุกวัน เช้าสบาย สายปวด กลางวันสบาย บ่ายปวดดิ้น หรือพอตอนเย็นสบายชื่นฉ่ำ พอค่ำก็ร้องครวญคราง เป็นอยู่อย่างนี้ อีกสามหรือสี่วัน

ทุกครั้งที่ปวดผมก็จะนึกถึงหนูพิมพวดีทันที ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ถ้าเป็นกลางวัน ก็จะได้ยินเสียงพูดว่า พ่อ หนูมาแล้ว.... แล้วเธอก็เอามือมาช่วยกุมที่ปวดจนผมทุเลา คำพูดที่ผมพูดก็คือ.... มาแล้วหรือลูก
ทุก ๆ คนที่มาเยี่ยมผม หรือมาอยู่ในห้องจะเงียบสงบ....
คอยฟังคำพูดของผมที่พูดกับวิญญาณในเรือนร่างของหนูพิมพ์ อย่างใจจดใจจ่อ
เหมือนนัดกันไว้....

ในเย็นวันนั้น เย็นมากแล้ว....
ฯพณฯ ทวี บุณยเกตุ ซึ่งเป็นพี่ชายของผม ท่านได้ไปเยี่ยมพร้อมบุตรของท่านชื่อ คุณวีระวัฒน์ บุณยเกตุ หรือที่ญาติเรียกชื่อเล่นว่า บู๊ เป็นคนขับรถพี่ชายผมไปที่ศิริราช

และ(ตอนนี้)พี่ชายผมท่านถึงแก่อนิจจกรรมไปแล้ว จะเหลือก็คุณวีระวัฒน์ ซึ่งเดี๋ยวนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม คุณทวีฯเป็นประจักษ์พยานอีกท่านหนึ่ง

โดยในขณะนั้นอาการปวดของผมกำเริบปวดขึ้นมาก ๆ ผมนอนร้องเรียกหนูพิมพ์ให้มาช่วย คุณทวี ก็ทราบเรื่องอยู่บ้างแล้วจากคำบอกเล่าของญาติ ๆ ท่านก็เลยนั่งอยู่ ซึ่งปกติท่านไปเยี่ยมบ่อยมาก แต่ไปนั่งไม่นาน เพราะท่านทนความสงสารในความทุกข์ทรมานของผมไม่ไหว เย็นนั้นท่านนั่งอยู่นานหน่อย พอดีผมปวดมาก และร้องเรียกหนูพิมพ์ ว่า ลูกมาช่วยพ่อที

คุณทวีทราบเรื่องนั้นจากญาติพี่น้องหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ ท่านมาเห็นพอดี คือ พอผมเรียก หนูพิมพ์ หนูพิมพ์ ก็มา ผมก็ถามว่า.... ผ่าตัดแล้วทำไมยังไม่หายอีก
หนูพิมพ์ตอบว่า.... ยังไม่หาย ยังไม่หมดเวรหมดกรรมที่ทำไว้....
แล้วเมื่อไหร่จะหาย?
เธอตอบว่า.... ก็ราว ๆ อีกสี่ปี พ.ศ. 2508 นั่นแหละ
ผมก็ถามดังๆ ต่อไปว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อไป

เธอตอบว่า พรุ่งนี้แปดโมงเช้า หมอจะเอาตัวไปผ่าตัดอีก จะต้องผ่าอีกสองครั้ง รวมเป็นสี่ครั้งในคราวนี้....
ผมก็ทวนคำพูดของเธอแล้วร้องว่า.... "ต้องผ่าถึงสี่ครั้งเชียวหรือ?"
คุณทวีนั่งฟังอย่างสงบ ทุกคนเงียบคอยฟังครู่ใหญ่ๆ อาการปวดก็บรรเทา....

หนูพิมพ์จึงบอกกับผมว่า หนูจะลาไปก่อน วันนี้รีบหน่อย เพราะจะไปรับส่วนกุศลที่เขาอุทิศให้ที่ศาลาพิมพวดี....
ทุกคนได้ยินคำพูดที่ผมทวนคำพูดของหนูพิมพ์....
ผมจึงถามเธอว่า ...."เขาอุทิศกุศลให้เรื่องอะไร?"

เธอตอบว่า เขาบำเพ็ญกุศลศพใครก็ไม่รู้ที่ศาลา คนตายมีเหรียญตรา มีสายสะพาย..
ผมก็ทวนคำพูด ออกมาดัง ๆ

คุณทวีก็อยากจะพิสูจน์ จึงให้คุณวีระวัฒน์บุตรชายขับรถยนต์ออกไปเดี๋ยวนั้น ไปดูซิว่าที่ศาลาพิมพวดี วัดมกุฎฯ มีการบำเพ็ญกุศลศพใคร ศพมีเหรียญตรา น่าจะรับพระราชทานเพลิงศพ ที่สุสานหลวงวัดเทพศิรินทร์ฯ เพราะหนูพิมพ์บอกว่ามีสายสะพาย....

คุณวีระวัฒน์ บุณยเกตุ จึงรีบขับรถออกจากศิริราชไปที่วัดมกุฎฯ ทันที....
ปรากฏว่าเป็นความจริง....

คืนนั้น มีการนำศพออกมาจากสุสาน นำมาบำเพ็ญกุศล....
พรุ่งนี้จะรับพระราชทานเพลิงศพ ....

เป็นศพของรองอธิบดีกรมเจ้าท่า ผมได้ลืมชื่อของท่านไปเสียแล้ว....
รูปถ่ายหน้าโกศเป็นรูปเต็มยศ ....
มีเหรียญตรา มีสายสะพายจริงๆ คุณวีระวัฒน์ฯ จึงรีบขับรถมาเรียนคุณทวีฯ ว่า....

เป็นจริงอย่างที่ผมทวนคำพูดทุกประการ....

คุณทวีฯ นั่งสงบนิ่ง กล่าวออกมาคำเดียว ว่า.... "แปลก แต่จริง!"
แก้ไขล่าสุดโดย สายเลือดผี เมื่อ Thu Oct 17, 2013 03:50, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Nov 2008
ตอบ: 11494
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:48
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
B[Last] พิมพ์ว่า:
สายเลือดผี พิมพ์ว่า:
B[Last] พิมพ์ว่า:
ง่า ยังไม่จบนิ พิมต่อให้จบสิครับ
อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต่อ  

เพิ่งสังเกตุ สงสัยเผลอไปลบ  


ผมว่าเป็นอย่างที่เขาบอกอะครับ
ระบบเอ๋อ
คือพอพิมเยอะๆแล้วบางส่วนจะหายไปอะครับ

ลงต่อ เรปอื่นก็ได้ครับ อ่านไม่จบแล้วค้างคาใจ  

ลงเพิ่ม หน้าแรกและ หน้าสองครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Nov 2008
ตอบ: 11494
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:52
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ผมต้องเล่าย้อนไปนิดหน่อย....
คือตอนที่หนูพิมพ์นั่งอยู่ข้างเตียงผม เอามือเท้าคางยันขอบเตียงอย่างเคย....
เธอพูดว่า เสียดาย

ผมถามว่า "เสียดายอะไร?"
เธอตอบว่า แก้วระย้าที่โคมไฟในศาลา คนที่ยกขาหยั่งวางพวงหรีดทำขาหยั่งไปโดนแก้วช่อระย้าตกลงมาแตกหลายช่อ ทำให้ไม่สวย พ่อแม่ก็ไม่ทราบ อีกสองสามวัน คุณพ่อหนูชาตินี้ จะมาเยี่ยมพ่อ พ่อช่วยบอกคุณพ่อหนูให้ช่วยเปลี่ยนช่อระย้าที่ตกลงมาแตกให้ที หนูไม่สบายใจ....


ผมทวนคำพูดนี้ให้ทุกคนได้ยิน รวมทั้งคุณทวีฯด้วย ก่อนที่คุณวีระวัฒน์ฯจะกลับมาจากวัดฯมารายงานเรื่องศาลา นั้น....
คุณทวี และบุตรชาย กลับไป ด้วยความประหลาดใจว่า....

ผมนอนเจ็บอยู่ตั้งสิบกว่าวันแล้ว ทำไมรู้เรื่องที่จะเผาศพรองอธิบดีกรมเจ้าท่า....

และศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาพิมพวดี....

วิญญาณคงมาบอกจริง ๆ วิญญาณมีจริงหรือ? คนตายแล้วยังวนเวียนอยู่หรือ....
....อะไรที่มาพูดกับน้องชาย....

ผมว่า ท่านคงนอนคิดไปนาน....

คืนนั้น ผมปวดอีกครั้งหนึ่ง....
พอเช้า อาจารย์อุดมฯก็มาเยี่ยมอย่างเช่นเคย พอทราบว่ายังปวดอีก
ท่านก็ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วหันมาสั่งพยาบาลว่าไปบอกหัวหน้าตึกให้เตรียมคนไข้นี้ไปห้องผ่าตัดอีกที เช้าวันนี้ก่อนแปดนาฬิกา....


ผมตะลึง ภรรยา และพยาบาล งง ทุกคนในตึกนั้น เมื่อได้ทราบคำสั่งก็ประหลาดใจ เพราะพยาบาลที่เฝ้าเธอเล่าให้เพื่อน ๆ เธอฟังตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า เช้านี้ผมจะต้องถูกผ่าตัดอีก เพราะหนูพิมพ์บอกไว้....

แล้วผมก็ถูกนำไปห้องผ่าตัด ผ่าตัดดึงเอารากประสาทเส้นนี้ออกมา โดยพยายามดึงเอาออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ราวๆ ตอนเที่ยงก็กลับมาห้องนอนที่ตึกพัก โดยสลบมาบนรถเปลตามเคย....

พอฟื้นขึ้นมา อาการปวดเจ็บแผลก็มาแทน แต่อันนี้ระงับได้ด้วยการฉีดยา พยาบาลฉีดยาระงับปวดให้เป็นระยะๆ

พอค่ำลงก็สงบ ญาติพี่น้องเพื่อนๆ เข้ามาเยี่ยมกันมากมายตามเคย ที่มาเยี่ยมจริงๆ ก็มีที่อยากจะรู้เรื่องวิญญาณของเด็กที่มาช่วยผมก็มี....

พอสักสามทุ่มคืนนั้น หนูพิมพ์ก็มาอีกตามเคย....
เธอเอามือมาวางที่ขมับข้างที่ผมปวดทั้งแผลผ่าตัด และที่ปวดอยู่เดิม....
ทำอย่างไรก็ไม่หาย ผมนอนทนเอา ภาวนาบริกรรมจนหลับไปในที่สุด....
แล้วเธอก็จากไป....

ข่าวลือ ข่าวจากปากต่อปาก ไปไกลกว่าประชาสัมพันธ์ทางสื่อมวลชน และก็แน่นอน ข่าวนั้นก็ต้องการมากกว่าความจริง


จนวันหนึ่ง....คุณชิต สุวรรณปัทม์ เคยเป็นพยาบาลอาวุโส ที่สายนัดดาคลินิก ของ นายแพทย์ ม.ล.เต่อ สนิทวงศ์ ซึ่งผมเคยทำงานกับท่าน เมื่อ พ.ศ. 2493-2495 ก็สามสิบแปดปีมาแล้ว เป็นคนที่ชอบพอกันในสมัยที่ทำงานอยู่ด้วยกัน

เธอมาเพื่อมาเยี่ยมแล้วมาบอกกับผมว่าจ ะมีคนมาพบมาหา และคุยเรื่องหนูพิมพวดี ผมก็บอกเธอว่า ก็มีอย่างที่พยาบาล และภรรายาผมได้ยินได้ฟังเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปหกว่านั้น (คุณชิต นี่ ถึงแก่กรรมไป เมื่ออายุราวๆ 70 ปี)

ถัดต่อมา อีกวันหรือสองวัน เย็นๆ ก็มีชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งผมไม่รู้จักมาก่อนมาขอเยี่ยม

ดูเหมือนจะเป็นเวลา 18-19 น. ขณะนั้นอาการผมดีขึ้นนิดหน่อย ไม่ปวดประสาท สองท่านนี้เอาพวงมาลัยพวงใหญ่มาแขวนให้ผมที่หัวเตียงนอน ในห้องเผอิญจุดธูปหอมบูชาพระ กลิ่นผสมกันหอมพิกล ทำท่าจะเหมือนศาลเจ้าไหหลำไปโน่น....


สักครู่ใหญ่ คุณผู้ชายที่มาด้วยก็ขออนุญาตเอารูปถ่ายเด็กผู้หญิงราวๆ สามสิบใบคงได้ มาวางเรียงบนที่นอนผม ผมชักสงสัยว่าท่านจะมาทำพิธีปัดรังควาน หรือทำพิธีแขก ที่เรียกว่า อิศวระกุมารี คือเอาเด็กพรหมจรรย์ มาบุชาพระอิศวร บนบานศาลกล่าวให้ผมหายป่วยไข้ หรืออย่างไร


แต่ไม่ใช่. พอท่านค่อยๆ เอารูปถ่ายมีขนาดสักสองนิ้วบ้าง สามนิ้วบ้าง มาวางเรียงเต็มหน้าเตียง ที่ผมนอนอยู่ เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ถามว่า คุณหมอ ช่วยชี้ซิครับว่า คนที่มาหาคุณหมอ มาคุยกับคุณหมอ แล้วบอกว่าชาติก่อนเป็นลูกสาวคุณหมอ และชาตินี้เกิดมาเป็นลูกสาวผมน่ะ คนไหนในรูปถ่ายที่นำมาเรียงอยู่นี่?

ผมลุกขึ้นนั่ง แล้วหยิบแว่นตามาสวมดูไปที่ละรูป ดูไม่นานนัก โดยวิธีหยิบรูปที่ไม่ใช่รูปหนูพิมพ์ออกมากอง ทีละใบๆ จนเหลือใบสุดท้ายทิ้งไว้บนเตียงหนึ่งใบ และก็หยิบรูปนี้ขึ้นมาชูพลางบอกว่า หนูคนนี้แหละครับ ที่มาหาผมทุกวัน


ทั้งสองท่านที่มาเยี่ยม หุบรอยยิ้มที่มุมปาก คุณผู้หญิงร้องไห้โฮใหญ่ คุณผู้ชายก็เช็ดน้ำตา แล้วกล่าวว่า.... ใช่แล้วครับ รูปนี้คือรูปถ่ายหนูพิมพวดีลูกสาวผม ถ่ายในเครื่องแบบนักเรียน ส่วนนอกนั้นเป็นรูปเพื่อนๆ ของหนูพิมพ์


ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น เงียบหมด แทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ ต่างคนต่างขยับเข้ามา ดูรูปหนูพิมพพ์ที่อยู่ในมือผม....



พอบรรยากาศค่อยคลี่คลายไปในทางปกติขึ้นแล้ว....

ท่านที่มาเยี่ยมก็บอกว่า ผมทราบดีจากคุณชิต ก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยม และสอบถามถึงลูกสาวผม เพราะทุกวันนี้ ก็ยังระลึกถึงหนูพิมพ์อยู่เสมอ แกเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก ท่านั่งประจำของแก ก็คือ ท่านั่งเท้าคาง เอาข้อศอกยันพื้นไว้ อย่างที่คุณหมอพูดจริงๆ ผมชื่อ เสียง โหสกุล ครับ ผมมีกิจการส่วนตัว ค้าขายเครื่องอะไหล่รถยนต์ทุกชนิด ที่เป็นตึกสามชั้นอยู่ตรงสามแยกสะพานนนพวงค์ ทิศใต้ของโรงเรียนวันเทพ
ศิรินทร์ฯ นี่เองครับ....

ผมก็ถามคุณเสียงว่า คุณเสียงมีบุตรธิดากี่คน

คุณเสียง ก็ตอบมาผมจำได้ไม่ชัดเจนว่า 3 หรือ 4 คน แต่ที่แน่ๆ มีธิดาคนเดียวคือ หนูพิมพ์ เธอป่วยด้วยไข้เลือดออก เสียชีวิตที่ตึกเด็กโรงพยาบาลศิริราช ประมาณปี
พ.ศ. 2502 จริง ....

ส่วนเรื่องเด็กอ้วนๆ ที่ตายด้วยโรงอ้วนนั้น ไม่ทราบเรื่อง....

ผมก็ถามคุณเสียง ว่า มีอะไรเกี่ยวกับหนูพิมพ์อีกไหม ผมอยากทราบ....

คุณเสียง ก็พูดว่า เช้าวันหนึ่ง มีพระภิกษุห้ารูปจากวัดเทพศิรินทร์นี้เอง ได้เดินไปที่ร้านเสรียนต์ มีตาลปัตรทุกอง ค์และมีลูกศิษย์ตามไปด้วยสองสามคน พอพระมาถึงก็ก้าวเข้าไปในร้าน ลูกศิษย์ก็ร้องบอกว่า...."พระมาแล้วครับ"
คุณเสียงจึงถามว่า.... "มาเรื่องอะไร?"

พระรูปหนึ่งท่านก็พูดว่า ที่เมื่อวานนี้ ให้เด็กผู้หญิงไปนิมนต์พระมารับสังฆทานห้ารูป นิมนต์ให้มาที่นี้
คุณเสียง ก็พูดว่า ไม่เคยให้เด็กคนไหนไปนิมนต์....

พอดีพระเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของหนูพิมพวดีที่ติดไว้ข้างฝา
ท่านก็ชี้ว่า หนูคนนี้แหละที่ไปนิมนต์ อาตมานั่งอยู่ด้วยกันสามองค์ได้ยินชัดทั้งสามองค์ ส่วนอีกสององค์นั้น อาตมานิมนต์มาให้ครบห้าองค์ ตามที่แม่หนูบอก

คุณเสียง ตกตะลึง และงงเป็นที่สุด จะไม่เชื่อ ก็ไม่ได้ และวันนี้เป็นวันที่ถึงแก่กรรมของหนูพิมพ์ด้วย....

พ่อแม่จะทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้อยู่แล้ว....
ฉะนั้นก็เลยเปลี่ยนเป็นถวายสังฆทาน ตามที่หนูพิมพ์ปรากฏร่าง ....
ไปนิมนต์พระมา ให้เสียเลย....

ก็แปลก....วิญญาณในร่างของหนูพิมพ์ไปนิมนต์พระมาทำสังฆทานให้กับตน....
ในวันตายของตน....
คุณเสียง ถามต่อไปว่า ตอนนี้หนูพิมพ์อยู่ที่ไหน ผมก็บอกว่า หนูพิมพ์ยังอยู่แถวๆ นี้
และมาเยี่ยมผมเกือบทุกคืน โดยมากก็ไม่เว้น แต่บางที่ก็มาตอนกลางวัน

หนูพิมพ์บ่นว่าคนถือขาหยั่งที่วางพวงหรีด เอาขาหยั่งไปเกี่ยวกับระย้าโคมไฟกลางศาลาพิมพวดี ตกลงมาแตกหลายอัน พ่อเธอไม่รู้เลยไม่มีใครไปทำให้ดีเหมือนเก่า เธอเสียตายมาก


ผมก็นอนอยู่ที่เตียงนี้มากว่าสิบวันแล้วไม่เคยไปนั่งในศาลาที่ว่านี้ หากจะไปงานศพที่วัดใด ผมก็มักจะนั่งข้างนอกศาลา เพราะข้างนอกเย็นดี แล้วผมจะรู้ว่าที่กลางศาลาพิมพวดี มีโคมไฟระย้าห้อยอยู่ ได้อย่างไร แล้วเดี๋ยวนี้ตกลงมาแตกหลายอัน....

คุณเสียง จึงไห้คนขับรถบึ่งไปดูโคมไฟ ว่า เป็นจริงตามที่ผมพูด หรือไม่
คนขับรถกลับมา ตอนหลังก็มาเรียนว่า ระย้าที่ห้อยโคมไฟขาดไปหลายอัน สงสัยว่าจะตกลงมาแตก
ท่านจึงสั่งว่า พรุ่งนี้ให้ช่างไฟไปดู แล้วไปจัดการเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย

คุณเสียง และภรรยา นั่งอยู่อีกสักพักก็กลับ
ก่อนกลับได้ถามผมว่า หนูพิมพ์พูดหรือเปล่าว่า วิญญาณของเธอจะไปไหนต่อ....

ผมก็ตอบว่า อีกไม่ช้าหนูพิมพ์จะไปเกิด และทีนี้จะไปเกิดเป็นผู้ชาย....
เธอคุยกับผมว่าอย่างนั้น

พอได้ยินคำนี้ ภรรยาคุณเสียงก็ยกมือไหว้พึมพำว่า เกิดชาติใดฉันใดขอให้มาเป็นแม่ลูกกันอีก

ก่อนจากกัน ทั้งสองท่านได้ออกปากเชิญผมว่า ถ้าผมหายป่วยเมื่อไหร่จะเชิญผมและภรรยาไปรับประทานอาหารที่บ้านสักครั้ง บ้านท่านอยู่ถนนสุขุมวิท จะเป็นซอยนานาใต้ หรือไร ผมก็จำไม่ได้เสียแล้ว และเมื่อผมหายป่วยในคราวนั้นกลับบ้านแล้ว ผมก็ได้ไปตามคำเชิญ โดยมีญาติมิตรท่านมาฟัง และดูหน้าตาผม....

เมื่อตอนที่จะจากกันที่ศิริราชในคืนนั้น ผมออกปากขอรูปถ่ายของหนูพิมพ์ไว้....
เพื่อจะได้ดู และอุทิศกุศลให้เธอ เวลาสวดมนต์และทำบุญกุศล....
ซึ่งผมได้ปฏิบัติดังนี้มากว่า 27 ปีแล้ว....

ซึ่งท่านก็กรุณามอบในใหญ่ขนาดโปสการ์ดให้ผมมาหนึ่งใบ....
เห็นจะเป็นเพราะว่าวันนั้นไม่ได้พักผ่อน และสนทนาพาทีกันมาก....

พอค่ำอาการปวดก็มาเยือน คราวนี้ปวดบริเวณเหนือคิ้วข้างขวามากที่สุด แล้วเลยลามไปปวดตั้งแต่ขมับไปกึ่งกลางกระหม่อม มันทั้งแสบทั้งปวดเหมือนเอาไฟมาอัง ปวดอยู่นาน ผมนึกไปถึงหนูพิมพ์พยายามเข้าสมาธิไปมันก็ไม่ทุเลา หนูพิมพ์มาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ พอรู้ว่าเธอมาผมก็พูดว่า มาแล้วหรือลูก

สองคนนั่งเฝ้าฟังอย่างเคย แต่คราวนี้พยาบาลที่ตึกมาฟังด้วย
ผมถามว่า เมื่อไหร่จะหาย หรือหมดเวรกรรมเสียทีมันทรมานจริงๆ
หนูพิมพ์ก็ตอบว่า อีกสี่ปีถึงจะพบหมอที่จะรักษาให้หายขาดได้ เมื่อนั้นก็หมดเวร แล้วก็จะมีความสุขตลอดไป
ผมก็ถามต่อไปว่า แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ไนตอนนี้ เพราะตอนนี้ปวดมาก
เธอตอบว่า พรุ่งนี้ พ่อจะต้องถูกผ่าตัดอีก คราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับงวดนี้ และจะเป็นการผ่าตัดที่ทารุณที่สุดในสำหรับงวดนี้ และจะเป็นการผ่าตัดที่ทารุณที่สุดในชีวิตพ่อ!"
แก้ไขล่าสุดโดย สายเลือดผี เมื่อ Thu Oct 17, 2013 03:53, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Nov 2008
ตอบ: 11494
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:55
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ผมก็ทวนคำพูดของเธออีกว่า พรุ่งนี้พ่อจะต้องถูกผ่าตัดอีกหรือ แล้วจะทารุณที่สุดด้วยหรือ

ทุกคนในห้องเงียบ มีแต่ความเวทนาและสงสาร ภรรยาผมเชื่อสนิท จนถึงกับน้ำตาไหล ด้วยความรันทด ผมนั่งเอาศีรษะกดไว้ที่ขอบเตียง บางทีก็อยากจะเอากระแทกลงในที่เหล็กหัวเตียง เพราะความเจ็บปวด จิตใจตอนนี้แทบจะอดทนไม่ได้....

พยาบาลฉีดยาให้หลับตามที่หมอเวรสั่งก็หลับไป พอตื่นขึ้นก็ปวดอีกแทบตลอดคืน
ผมนึกเบื่อตัวเอง แทนอาจารย์ที่ท่านตั้งใจรักษา อยากจะตายๆ เสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ทรมาน แต่มันยังไม่หมดกรรมก็ต้องทนอยู่ต่อไป....


รุ่งเข้า 7 นาฬิกา อาจารย์ท่านก็มาเยี่ยมตามเคย พอได้รับรายงานจากพยาบาล ท่านก็ยืนนิ่งครู่หนึ่ง แล้วก็หันมาพูดกับผมว่า....

เดี๋ยวแปดโมงเช้าเอาไปผ่าอีกที ทีนี้จะเลาะประสาทฝอยออกหมดทั้งแถบ มันคงจะไม่มีอะไรมาปวดอีกแล้ว

ทุกคนนิ่ง นิ่งด้วยความเวทนา นิ่งด้วยความประหลาดใจ....
และเชื่อว่าทุกครั้งที่หนูพิมพวดีมาบอกเป็นต้องไม่ผิด จะไม่เชื่อก็ไม่ได้....

ข่าวก็ออกจากปากนี้ไปปากโน้น ไปปากนั้น ว่าวิญญาณของหนูพิมพ์มาบอกล่วงหน้า ทุกที ที่จะมีการผ่าตัด ....แล้วก็จริงทุกทีไป....


พอราว ๆ 8 นาฬิกา รถเข็นคันนั้นก็มาอีก คราวนี้พยาบาลไม่ฉีดยาให้ก่อนผ่าตัด....
ผมจึงถามพยาบาลว่าทำไมไม่ฉีดยาสลบ....

ก็ได้รับคำตอบว่า คราวนี้อาจารย์จะผ่าสด ๆ

ไม่ใช้ยาฉีด ไม่ใช้ยาชาใดๆ ทั้งสิ้น ผมก็ขึ้นนอนเปลไปกับเขา ....

พอถึงห้องผ่าตัด อาจารย์ท่านก็บอกว่า ไม่รู้ประสาทฝอยเส้นไหนมันเสีย มันถึงปวด ถ้าให้ยาสลบยาชาแล้วมันก็เหมือนถอนฟันเลยไม่รู้ว่าซี่ไหนปวด....

....เพราะฉะนั้นคราวนาจึงจะผ่าตัดโดยไม่ต้องใช้ยาชาเลย ขอให้ทนเอาหน่อย
ผมก็นึกว่ากรรม กรรมแน่แท้ เพราะแม้แต่สัตวแพทย์เขาจะทำการผ่าตัด เขายังใช้ยาระงับความรู้สึก ระงับความปวด นี่ผมเป็นคนแท้ๆ ยังโดนแบบนี้ ว่าแล้วท่านก็เอามีดกรีดลงบนคิ้วขวาเรื่อยไป ผมสะดุ้งสุดตัวด้วยความเจ็บปวด ร้อนครวญครางออกมา....


ท่านอาจารย์ก็บอกว่า เจ็บก็ร้องไป ตำรวจไม่จับหรอก แล้วท่านก็ผ่าไป....
เอาคีมจับเส้นประสาททีละเส้น พอเส้นประสาทถูกคีมคีบมันก็ปวดถึงหัวใจ ผมร้องออกมาดังกว่าวัว กว่าควาย ที่กำลังถูกเชือด....

เพราะการผ่าตัดแบบนี้ เวลาดึงเส้นประสาททีไรก็สะดุ้งจนตัวลอย พยาบาลห้องผ่าตัดก็กดหัวไว้ ทั้ง ๆ ที่พันธนาการไว้อย่างเหนียวแน่น ....


ผมถูกผ่าไป ดึงประสาทไป ร้องจนสุดเสียง เพราะความเจ็บ และความปวด ทนทุกข์ทรมาน อยู่อย่างนั้น กว่าชั่วโมง อาจารย์ท่านพยายามดึงประสาทออกให้มากที่สุด

แต่ทำได้ยากเพราะมันติดกันนุงนัง เหมือนกับวุ้นเส้นที่เราเอามายำกิน ผมร้องโอดโอย ดังที่สุดในชีวิต เจ็บที่สุดในชีวิตปวดที่สุดในชีวิต และทารุณที่สุดในชีวิต เหมือนกับที่หนูพิมพ์บอกไว้ไม่มีผิด และสุดท้ายผกก็สลบไปเอง เพราะความเจ็บปวด มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องนอนที่สายน้ำเกลือรุงรัง มีสายยางอยู่ที่จมูกที่ปาก ความปวดนั้น ยังไม่หายแม้จะหยุดผ่าตัดแล้ว แต่ความเจ็บปวดก็ยังมีอยู่ มันสุดที่จะทนทานจนต้องร้องและครางออกมาดัง ๆ.


ค่ำนั้น ก็ยิ่งปวดแผล ปวดระบบประสาท ปวดระบบสมอง เมื่อยไปทั้งตัวอย่างที่ไม่เคยได้เป็นมาก่อน ผมถูกฉีดยาระงับปวด ยานอนหลับ และหลับไปทั้งสายยางต่างๆ จนมาตื่นอีกทีก็ดึกโข เห็นจะราว ๆ สองยาม หรือกว่า จำได้ว่า วันที่ถูกผ่าตัดชดใช้วิบากกรรมนั้นเป็นวันพุธ ที่จำได้เพราะท่านอาจารย์ได้บอกว่า วันพฤหัสพรุ่งนี้ ไม่ว่าง ท่านติดประชุมเช้า ผ่าเสียวันพุธนี้แหละ.


พอตื่นขึ้นมาดังกล่าว ก็พบภรรยา และพยาบาลที่นั่งเฝ้าอยู่
ผมถามทั้งสองคนว่า ผมยังไม่ตายอีกหรือ มันทารุณที่สุดแล้ว.
สองคนนั้น น้ำตาไหลเพราะความสงสาร แล้วผมก็หลับตาภาวนา พุทโธ ๆ ระงับเวทนา

พอหลับตาสักครู่ หนูพิมพ์ก็เอามือมากุมตรงที่แผลผ่าตัด และที่ปวดอยู่
ผมก็ถามเธอว่า พ่อหมดเวร หรือยัง
เธอตอบว่า พ่อชดใช้กรรมตามที่เขาอาฆาตไว้มากแล้ว ต่อไปนี้จะดีขึ้น ๆ
ผมถามต่ออีกว่า พ่อจะถูกผ่าตัดอีกไหม
เธอตอบว่า ไม่มีอีกแล้ว
แล้วจะปวดโรคประสาทนี้อีกไหม
เธอตอบว่า ยังมี แต่ไม่ทารุณมากนัก จะมีอีกสี่ปี
แล้วจะให้พ่อทำอย่างไรต่อไป
ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาไปเรื่อย ๆ ขออโหสิเขาเสียภาวนา แล้วส่งในไปแผ่ส่วนกุศลให้เขาเสมอๆ นะพ่อนะ หนูพิมพ์ตอบ
พ่อจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่
วันอาทิตย์นี้แหละจ้ะพ่อ
ผมก็ถามอีกว่า ถ้ามันยังไม่หาย จะกลับไปได้อย่างไร
เธอตอบว่า ก็ยังมีกรรมเบา ๆ หลงเหลืออยู่อีก ถึงจะเป็นก็ไม่รุนแรงเท่าคราวนี้จ้ะ
เวลาพ่อกลับบ้านแล้ว พ่อจะเรียกให้ลูกไปหาจะได้ไหม

หนูจำต้องลาไปเกิดแล้ว และเป็นผู้ชายจ้ะ..แล้วลูกเข้าบ้านพ่อไม่ได้ เจ้าที่ เจ้าทาง เขาห้ามจ้ะ

เธอตอบ ภรรยาผม และนางพยาบาลนั่งฟัง และจด ตามอย่างเคย
หนูลาพ่อเลยนะ และทีนี้จะไม่มาอีกแล้วจ้ะพ่อ พ่ออย่าลืมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย นะพ่อนะ เสียงหนูพิมพ์แว่วๆ แต่ชัดเจนติดมาจนบัดนี้.

ก่อนที่หนูพิมพ์จะจากไปนั้น ผมได้ถามแกว่ามีอะไรขาดเหลือบ้างไหม ผมจะทำบุญอุทิศไปให้....

หนูพิมพ์บอกว่า แกไม่มีอะไรขาดเหลือ พร้อมบริบูรณ์หมด....

แต่เสียดายอยู่อย่างหนึ่งคือ แกยังทำการฝีมือไม่เสร็จ ขอให้ผมนำผ้าขาว กว้างศอกเศษ ยาวศอกเศษ ด้ายมันสีน้ำเงิน กับเข็มโครเชต์ไปวางไว้หน้ารูปแกที่ศาลาพิมพวดี ด้วย เพราะคุณพ่อของแกเอาไปทิ้งเสียแล้ว ทั้งๆ ที่แกยังปักรูปดอกไม้ไม่เสร็จ ก็มาตายเสียก่อน.


ผมก็ให้ภรรยาผมจัดการนำผ้าขาว ด้ายมันสีน้ำเงินกับ เข็มโครเชต์ไปวางไว้ที่หน้ารูปแก.


ต่อมาไม่กี่วัน คุณเสียง โหสกุล คุณพ่อของหนูพิมพ์ ก็มาเล่าให้ผมฟังว่า มีใครก็ไม่ทราบ เอาผ้าข้าว ด้ายมัน กับเข็มโครเชต์ไปว่าไว้ที่หน้ารูปหนูพิมพ์ ผมก็บอกความจริงให้ฟัง.

คุณพ่อของหนูพิมพ์ ก็ยอมรับว่า ได้เอาผ้าขาวที่หนูพิมพ์ทำการฝีมือค้างอยู่ไปทิ้งจริงๆ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว


แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ว่า หนูพิมพ์ไม่ปรากฏกายให้เห็นอีกเลยอาการปวดผมก็บรรเทาเบาบางลงๆ

แม้จะไม่หายขาด ก็ยังดีกว่าเก่า ผมนอนอยู่อีกสามวัน
พอถึงวันเสาร์ตอนเช้า อาจารย์อุดมมาเยี่ยม ท่านไม่เคยหยุดงานเลย แม้วันหยุดราชการ
ผมรายงานว่า อาการปวดเบาไปแยะ แต่ก็ยังมีอยู่อีกไม่หายขาด

ท่านก็บอกว่า พรุ่งนี้วันอาทิตย์ จะกลับบ้านก่อนก็ได้พักฟื้นต่อไป เผื่อมีอะไรค่อยว่ากันใหม่
ผมลุกขึ้นนั่งกราบในความกรุณา แล้วท่านก็ไป
ผมดีในที่จะได้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้เช้า ทั้งๆ ที่แผลผ่าตัดต่างๆ ยังไม่หาย

ท่านบอกว่า ทำแผลเอง เอาไหมออกเองก็แล้วกัน เป็นหมอนี่

คืนนั้น ผมนอนหลับได้ดีมาก อาการปวดประสาทมีรบกวนนิดหน่อย ตอนที่หลับก็หลับสนิท ไม่มีอะไรมาแผ้วพานในใจ ผมก็เข้าสมาธิต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้สึกตัว.

เช้าวันอาทิตย์ ผมถวายบังคมลาสมเด็จพระราชบิดา ลาพยาบาล ลาแพทย์ที่ช่วยเหลือ
.
ก่อนกลับบ้านผมถือรูปหนูพิมพวดีไว้ในมือ แล้วสั่งให้รถแวะไปที่วัดมกุฏกษัตริยารามก่อน เพื่อไปดูศาลาพิมพวดี ไปดูรูปหนูพิมพ์ผู้มีพระคุณ.


ผมยกมือขึ้นอุทิศส่วนกุศลให้เธอ และบอกเธอว่า จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เมื่อสวดมนต์ก็จะอุทิศส่วนกุศลให้เธอทุกวัน จนกว่าผมจะตายไป และขอให้ได้พบกันเป็นพ่อลูกทุก ๆ ชาติ.

ผมขอจบเรื่องนี้ ด้วยความเชื่อว่า ....

จิต และวิญญาณ นั้น มีจริง เพราะผมได้ประสบกับตัวเองมาแล้ว ดังที่เล่าให้ท่านฟังนี้
.

ทุกคน ในรถทัวร์นั้น ต่างเงียบกริบ เมื่อผมเล่าเรื่องจบลง....

คุณเสนาะ นิลกำแหง สมาชิกผู้หนึ่งในคณะที่เราไปเที่ยวเล่นกอล์ฟกัน ได้ยินขึ้นพูดว่า .
ผม..เสนาะ นิลกำแหง....คุณหมออาจินต์ อาจจะยังไม่รู้จักผมละเอียดนัก เพราะเพิ่งเดินทางมาเที่ยวกันเป็นครั้งแรก ผมขอเรียนว่า เด็กหญิงที่เป็นโรคอ้วนแล้วเสียชีวิต ที่ตึกวิบูลลักษณ์นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวของผม เธอเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยโรคอ้วน เนื่องจากฮอร์โมนผิดปกติ ไม่มีทางรักษาให้หายได้ เมื่อ พ.ศ. 2502 และจำนวนพี่น้องที่เธอบอกกับหมอเป็นความจริงทุกประการครับ

ผมขอยืนยัน และไม่ต้องไปถามที่ไหนอีกแล้ว

ผมก็ยกมือไหว้ท่าน เพราะท่านแก่กว่าผม แล้วเรียนท่านว่า....
ผมเพิ่งรู้ว่า คุณเสนาะเป็นบิดาของหนูที่เป็นโรคอ้วนตายวันนี้และเดี๋ยวนี้เอง
[img]เรื่องนี้ อาจจะมีคติอยู่บ้างพอสมควร....

ขอท่านผู้อ่านทุกคน จงได้รับกุศลผลบุญนี้ทุกท่าน และหากข้อเขียนนี้เกิดประโยชน์ในทางการบุญการกุศลแก่ท่านแม้แต่น้อยนิดก็ตาม ขอให้ได้รับกุศลนี้โดยทั่วกัน

และหวังว่าท่านผู้อ่านทุกคน คงมีใจเมตตา อุทิศส่วนกุศลของท่านที่บำเพ็ญกุศลแล้ว แก่หนูพิมพวดี โหสกุล

เพื่อที่เธอจะได้ประสบสุขต่อไปทุกชาติทุกภพ....ในฐานะที่เธอเป็นผู้ให้ความสว่าง ว่า ....บาปบุญมีจริง กรรมและผลแห่งกรรมมีจริง แก่ผม และทุกท่าน

พอผมเล่าเรื่องจบลง ทุกคนในรถทัวร์คันนั้น เงียบสนิททุกคน หันหน้ามามองหน้าผม

และคุณเสนาะ นิลกำแหง ซึ่งท่านเดินมาที่ผมตรงที่ผมยืนพูดแล้วพูดว่า
แม้ผมจะเชื่ออะไรยาก แต่เรื่องนี้ทำให้ได้คิด และได้อะไรอีกแยะ
คุณหมอน่าจะพิมพ์เรื่องนี้ไว้ไห้ได้อ่านกันหลายๆ คน เพราะประจักษ์พยานหลายๆ คนยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งคุณหมอด้วย ที่จากไปก็มีเพียงสองท่าน คือคุณทวี บุณยเกตุ และคุณชิตสุวรรณปัทม์ แต่ผู้อื่นยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่คุณเสียง โหสกุล กับภรรยา ท่านศาสตราจารย์หมออุดม และตัวผมเอง (คุณเสนาะ นิลกำแหง)

ถ้าทิ้งไว้ไม่เผยแพร่ให้ทราบทั่วๆ กันไว้ อีกหน่อยเรื่องก็จะเงียบหายไป แล้วจะเกิดเรื่องใหม่ที่คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงมาแทน แบบเรื่องนางนาค พระโขนง ก็เป็นได้
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2010
ตอบ: 9955
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 03:58
ถูกแบนแล้ว
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
สายเลือดผี พิมพ์ว่า:
B[Last] พิมพ์ว่า:
ง่า ยังไม่จบนิ พิมต่อให้จบสิครับ
อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต่อ  

เพิ่งสังเกตุ สงสัยเผลอไปลบ  



เปลี่ยน ทำไม ผม ชอบ รูป เดิม PM มาให้ด้วยเลยยยยย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Nov 2008
ตอบ: 11494
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 04:06
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
GNiM- พิมพ์ว่า:
สายเลือดผี พิมพ์ว่า:
B[Last] พิมพ์ว่า:
ง่า ยังไม่จบนิ พิมต่อให้จบสิครับ
อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต่อ  

เพิ่งสังเกตุ สงสัยเผลอไปลบ  



เปลี่ยน ทำไม ผม ชอบ รูป เดิม PM มาให้ด้วยเลยยยยย  

มันแรนด้อม ครับ ประมาณ 10 นาที ก็กลับรูปเดิม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 22491
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 04:10
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ขอบคุณครับอ่านจบแล้ว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ฝากเพจเล่นเกมหมาด้วยครับ https://www.facebook.com/playdoggame
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 645
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 04:11
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
เรื่องนี้ดูเป็นความจริงที่สุดแล้ว
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2010
ตอบ: 9955
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 04:13
ถูกแบนแล้ว
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
สายเลือดผี พิมพ์ว่า:
GNiM- พิมพ์ว่า:
สายเลือดผี พิมพ์ว่า:
B[Last] พิมพ์ว่า:
ง่า ยังไม่จบนิ พิมต่อให้จบสิครับ
อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต่อ  

เพิ่งสังเกตุ สงสัยเผลอไปลบ  



เปลี่ยน ทำไม ผม ชอบ รูป เดิม PM มาให้ด้วยเลยยยยย  

มันแรนด้อม ครับ ประมาณ 10 นาที ก็กลับรูปเดิม  



ใจหายหมดดดดดดด
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: ขายวิญญาณให้ยูไนเต็ด
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 11801
ที่อยู่: soccersuck.com
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 04:16
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ผมชอบกระทู้นี้ที่สุดเเล้ว
ตั้งเเต่ มีบอร์ดใหม่...
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Sep 2008
ตอบ: 3778
ที่อยู่: ใต้ฟ้าบนดิน
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 08:11
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ลงชื่อไ้ว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่าน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: เบื่อ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jul 2007
ตอบ: 17819
ที่อยู่: โกโรโฮ ประเทศจีน
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 08:51
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
แวะมาอ่านไป
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status: ผมโสดตามหาคนจริงใจ T_T
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Jul 2010
ตอบ: 10869
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 17, 2013 09:03
[RE: เด็กหญิงพิมพวดี ผีระลึกชาติ(เรื่องจริง)]
ยาวแท้แต่ตรูอ่านจบได้ไงฟร๊ะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel