หลายๆคนคงได้ยินมนุษย์อาหารเสริมเถียงกันเรื่องนี้บ่อยๆน่ะครับ ถึงส่วนตัวจะเชียร์อาหารหลักแต่ลองมาดูกันดีกว่ามันมีดีต่างกันยังไง

อาหารหลัก

ข้อดี

สารอาหารครบถ้วนกว่า ได้สารอาหารหลากหลายกว่า รสชาติและชนิดของอาหารหลากหลายกว่า แน่นอนว่าร่างกายเราไม่ได้ต้องการแค่โปรตีน อย่างอื่นก็จำเป็นเหมือนกัน

อร่อยมีความสุขในการกินมากกว่า(จริงหรอออ)อย่างน้อยๆก็ด้านความรู้สึกว่าได้กินข้าวอิ่ม มันมีมื้อที่เราโกงได้อยู่ปล่อยไปตามใจอยาก

ข้อเสีย

ถ้าไม่ได้ทำเองจะคุมอาหารได้ลำบาก กรณีทำเองต้องมาเก็บล้างวุ่นวายอีกไหนจะต้องไปจ่ายตลาด เวลาสิ้นคิดอาหารที่ทำรสชาติจะห่วยแตกมากเพราะไม่ค่อยปรุงมักจะต้มกินธรรมดาๆ

เวย์

ข้อดี

โปรตีนสูง กินง่าย ดูดซึมได้เร็ว(แล้วแต่ชนิด)

ข้อเสีย

อย่างที่เคยเห็นในบทความเก่า เวย์ที่เรากินยี่ห้อปกติทั่วไปทำมาจากนม คนแพ้นมกินอาจจะท้องเสียได้

สารอาหารอื่นๆน้อยยิ่งพวกไอโซเลทกับไฮโดรไลทนี่น้อยจนแทบไม่มีเลย ความหลากหลายของสารอาหารก็น้อยมาก

อย่างที่อ่านไปถ้าเราเอาทั้ง2อย่างมาประยุคใช้ให้ดีให้เหมาะกับตัวเอง ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะเลย

อันนี้เป็นบทความที่เนื้อหาแนวเดียวกันของ กระทิง เมืองช้าง (กดตามเฟสพี่เค้าได้ได้สาระเน้นๆ)

ทำไมต้องเน้นทานโปรตีนจากไข่ และ เนื้อสัตว์ ในการสร้างกล้ามเนื้อ

คนที่ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง และ ต้องการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ จะต้องทานอาหารที่มากกว่าคนทั่วไป

โดยจะเพิ่มในส่วนของโปรตีนซึ่งต้องทาน 2-3 กรัม ต่อนน.ตัว 1 กก. LBM ต่อวัน

เช่นคนหนัก 60 กก. ต้องทานโปรตีนวันละ 120 - 180 กรัม หรือ คำนวณกลับเป็นเนื้อสัตว์ดิบแล้วเท่ากับ 600 - 900 กรัม

สำหรับมือใหม่หัดทาน เมื่อเห็นปริมาณของเนื้อสัตว์ขนาดนี้ ต้องคิดในใจว่า
"โอ้ว แม่เจ้า เนื้อเยอะขนาดนี้ กูจะแดกเข้าไปยังไงหมดวะเนี่ย"

หรือ แม้แต่นักเพาะกายเอง บางครั้งก็ไม่สามารถพกอาหารไปทานได้สะดวก

ทางเลือกที่นิยมมากก็คือ ทานโปรตีนผงทดแทน เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนเที่เพียงพอ ซึ่งตัวเลือกที่ได้ความนิยมมากทีุ่สุด ก็หนีไม่พ้น "เวย์โปรตีน" แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

เนื่องจากเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนที่ย่อยได้ช้า ต้องใช้เวลาย่อยประมาณ 2 ชั่วโมงจึงจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ส่วนเวย์เป็นโปรตีนที่ย่อยได้ไวมากเพียง 30 นาทีก็ย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว

หลายๆคนอาจจะงงว่ามันเป็นยังไง ไอ้การย่อยช้า ย่อยไว ซึ่งย่อยไวก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรอ จึงขอยกตัวอย่างของมื้ออาหาร

เช้าหลังตื่นนอน 6:00
เป็นช่วงที่เราท้องว่าง ร่างกายขาดสารอาหารจากตอนกลางคืนช่วงนอนหลับ การทานโปรตีนที่ย่้อยได้ง่ายอย่างเวย์โปรตีน ก็ช่วยให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโน ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ แต่กรดอะมิโนจากเวย์นี้ ก็อยู่ในร่างกายแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

มื้อเช้า 7:00
ก็มักจะทานไข่ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย หรือ บางคนก็ทานอกไก่ ซึ่งจะใช้เวลาย่อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง มื้อนี้จึงควรทานหลังจากทานเวย์ไปแล้วประมาณ 45-60 นาที เพื่อให้โปรตีนย่อยและดูดซึม ทันในช่วงก่อนที่กรดอะมิโนจากเวย์จะลดต่ำลง

มื้อที่สาม 10:00
ซึ่งจะทานห่างประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าหากทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ก็ย่อยทันช่วงรอยต่อเวลาพอดี ร่างกายก็ได้รับกรดอะมิโนสม่ำเสมอ
แต่ถ้าหากทานเป็นพวกเวย์โปรตีน ก็จะมีช่วงที่ร่างกายขาดกรดอะมิโน เนื่องจากเวย์จะย่อยและดูดซึมได้ไวมาก และกรดอะมิโนจะอยู่ในร่างกายแค่ 2 ชั่วโมง ซึ่งตอนเที่ยงก็จะถูกขับทิ้งออกจากร่างกาย

มื้อที่ 4 13:00
หลังจากมื้อที่แล้วคุณทานเวย์ ซึ่งร่างกายก็ขับกรดอะมิโนออกจากร่างกายไปแล้ว เป็นช่วงที่ร่างกายขาดกรดอะมิโน ถ้าคุณทานเนื้อสัตว์ก็ต้องรอ 2-3 ชั่วโมง ร่างกายจึงจะไ้ด้รับกรดอะมิโนเข้าไปสร้างกล้ามเนื้อ

นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่นักเพาะกาย นิยมทานโปรตีนจากเนื้อและไข่เป็นหลัก

ส่วนเวย์โปรตีนนั้น นิยมทานแค่หลังตื่นนอน กับ หลังออกกำลังกาย เพื่อเติมกรดอะมิโนให้แก่ร่างกาย อย่างรวดเร็ว

คุณลองดูตารางอาหารของ Phil Heath , Jay Cutler ซึ่งเป็นมิสเตอร์โอลิมเปีย หรือ Lazar Angelov ซึ่งเป็นฟิตเนสโมเดล ก็ได้ครับ หรือแม้กระทั่งนักเพาะกายระดับทอปของบ้านเรา คุณจะเห็นเลยว่าทุกคน จะเน้นทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ เป็นหลัก และทานเวย์เสริมกันทั้งนั้น

นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณจึงควรทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ และทานเวย์โปรตีนทดแทนในส่วนของที่ไม่สามารถทานเนื้อสัตว์ได้เพียงพอ

ลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ โดยเฉพาะมือใหม่ ที่ยังคิดว่า เวย์โปรตีนคือโปรตีนแห่งเทพเจ้า ทานแค่วันละ 2 ช้อน กล้ามกูก็ใหญ่แล้ว ไม่ต้องไปทานเนื้อสัตว์ ไปนั่งเคี้ยวให้เมื่อยปาก

ฝันไปเถอะครับ ว่ากล้ามจะใหญ่ได้สมใจนึก