เกริ่นก่อนว่าจะเขียนนานแล้วแต่เน็ตแถวบ้านล่มเหลือแต่เน็ตมือถือพึ่งได้เน็ตบ้านมาเมื่อวาน แถมต้องล้างนู่นนี่นั้นเหนื่อยมาก สิ่งสำคัญอยากจะฝึกทักษะงานเขียนด้วยส่วนหนึง และแถมได้ความรู้มั้ง
เปิดมาเลยในวันที่ 21/11/68 เวลาบ่ายๆ มันมีข่าวเรื่องของฝนจะตกหนักเสี่ยงน้ำท่วมผมก็โอเค บ้านที่อยู่นี่พึ่งย้ายมาได้มาประมาณเดือนเศษๆผมทำการบ้านมาก่อนแล้วว่าที่นี้น้ำไม่ท่วมโดยถามเจ้าของ เค้าอาจจะโม้ผมก็ได้เลยเอาชัวร์ถามข้างบ้านซะ ข้างบ้านบอกพี่อยู่มา 10 กว่าปีไม่เคยท่วม มันท่วมแค่ทางเข้าหมู่บ้านเท่านั้น ผมก็ใจชื้น
พอตกค่ำมาเพื่อนผมโทรมาว่าเมิงย้ายไปไหนน้ำจะท่วม ผมบอกไม่ไปไหนแถวนี้ไม่ท่วม บ้านเพื่อนผมปีที่แล้วในบ้านท่วม 90 cm. ย้ำนะในบ้านเพื่อนผมเลยขอมาอยู่ด้วยขนของมา ย้ายรถมาจอดผมก็ไม่มีปัญหามาได้เลยเพื่อน ตกดึกคืนนั้นนั่งเล่นเกมใหม่จอมยุทธ์อย่าง Where Winds Meet อย่างเมามันส์ ก่อนจะนอนค่อนข้างดึก
เช้าวันที่ 22/11/68 ผมตื่นมาราวๆ 10 โมงฝนตกผมก็ออกมาดูถนนหน้าบ้าน ทรศ.แจ้งเตือนอพยพข้อความดูงงๆ ผมออกมาเดินดูถนนหน้าบ้าน คิดในใจ "อ้อไม่เท่าไหร่" ผมค่อนข้างมองโลกในแง่ดีน้ำมันเตี้ยกว่าตาตุ่มซักอีก แต่เพื่อนผมบอกให้เราย้ายรถดีกว่าเดี๋ยวไม่มีรถใช้จะลำบากผมก็ตกลง พากันย้ายรถแต่ติดตรงทางเข้าหมู่บ้านน้ำสูงซะแล้วประมาณครึ่งหน้าแข้งไปไม่ได้ซะละ ผมเลยกลับไปจอดเหมือนเดิมหลังจากนั้นน้ำก็ขึ้นเรื่อยๆ
ในภาพคือเวลาบ่ายสามยังชิลๆอยู่ แต่น้ำยังขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยย้ายของขึ้นบางชึ้นขึ้นชั้นสองบางชึ้นวางไว้ชั้นพักบันได ที่น่าเจ็บใจผมเอาไมโครเวฟเครื่องสองสามพันขึ้นชั้นสอง แต่เครื่องทำน้ำแข็งราคา 6 พันผมไม่ได้เอาขึ้นโกรธตัวเองมากๆ
ในภาพตอนนั้นคือ 5 โมงขึ้นไวมาก ผมก็เวรละไงแต่ยังมองโลกในแง่ดีอยู่ แต่ติดปัญหาเลยไม่มีข้าวกินให้ตายเถอะปกติสั่งแต่แกร๊ป เลยขึ้นชั้นสองไปนอนเล่นชิลๆ แต่เกิดเหตุแปลกๆต่อมาเรื่อยๆ ไฟฟ้ามันยังติดแต่สัญญาณมือถือไม่มีซะแล้วค่อนข้างงงมันควรจะดับไฟก่อนรึเปล่า ลากยาวมาจนราวๆตี 5 ไฟถึงตัดผมนอนไม่หลับเลยเพราะหิวข้าวมากๆไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ 10 โมง ข้อความอพยพยังคงดังมาเรื่อยๆ งงเหมือนเดิม
เช้าวันที่ 23/11/68 น้ำลดแล้วน้ำหายไปแล้วว !! เหลือเชื่อลดไวมาก นายกแป้นเอาอยู่จริง ! ตอนนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ต
จากภาพนี่คือตอนเช้าน้ำลดแล้ว และน้ำท่วมไม่สูงมากยังไม่พ้นโซฟาเลย แต่ติดปัญหาเลยไม่มีข้าวกินหิวมาก เลยพากันอพยพละก็แถวนั้นมีแต่พวกอาหารเเห้งขายผมไม่มีเตาแก๊สเเละที่สำคัญไม่มีเงินสด โอนไม่ได้ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ส่วนเพื่อนผมยังพอมีสัญญาณมันใช้ AIS (ผม Dtac) พอโทรได้ถามเพื่อนที่อยู่ บขส. แถวๆเซนทรัล แถวนั้นยังมีของขายกันเป็นปกติน้ำมีไฟมีสัญญาณมือถือมี เลยตัดสินใจอพยพไปทันที หิวมาก !! อยากเล่นเน็ตและรอดูแมนยู แต่ก็ไกลมากเช่นกันต้องเดินเท้าราวๆ 4 กม.เกือบ 5 ได้ ผมก็ให้อาหารแมวเตรียมไว้สองสามวัน เพราะผมคาดไว้ว่ายังไงก็แค่รอน้ำลดละวะ 1-2 วันทุกอย่างคงเป็นปกติไม่เสียหายอะไรมากหรอก เมื่อเดิน น้ำหน้าปักซอยประมาณครึ่งแข้งค่อยๆเดินไป ในที่สุดก็ถึงบ้านเพื่อนเหนื่อยสุดๆเพราะต้องเดินฝ่าน้ำเชี่ยวๆหลายจุดบวกหิวข้าว
พอวันรุ่งขึ้นแหละนรกแตกของแท้ ฝนเทกระหน่ำยาวๆ เลยเริ่มเครียดเป็นห่วงแมวทรัพสินหลายอย่างผมวางไว้ที่ชั้นพักบันไดกลัวน้ำขึ้นชั้นสอง แต่คิดว่ายากอยู่ดีเพราะมองโลกในแง่ดีพอตัว แต่ก็เครียดนอนไป 1 คืน และวันถัดมายังคงเครียดเล็กน้อย แต่เครียดสุดคือแมนยูกับเอฟเวอร์ตัน
เช้าวันที่ 25/11/68 ผมตัดสินใจเดินฝ่ากลับบ้านเป็นห่วงแมวกลัวแมวหิว แต่เดินกลับไปไม่ได้ไกลติดน้ำมันเป็นจุดที่น้ำสูงเท่าหลังคาปั๊ม !! เลยไปอยู่จุดที่เค้าจอดเรือจอดเจ็ทสกี พยายามขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครไปให้ผมขอติดไปก็ได้เดี๋ยวลงเดินไปต่อเองแต่ไม่มีใครเลยจะไปทางเดียวกับผมเลยนั่งรอแถวนั้น ผมก็เห็นหลายคนมากๆที่มารอ หลายเหตุผลสุดๆบ้างก็อยากให้ไปช่วยเมียท้องใกล้คลอด บ้างก็ช่วยพ่อหรือแม่ ไม่ก็ขอให้ส่งอาหารตรงนั้นตรงนี้แต่ทุกคนโดนปฏิเสธหมดโดยอ้างว่าพวกผมมีเคสต้องไปตามเคส ผมใจดีแบ่งบุหรี่ให้วัยรุ่นแถวนั้นถามข้อมูลบ้างก็แบ่งบุหรี่ให้กู้ภัยหลอกถามข้อมูลอีกเหมือนกัน ช่วงนั้นหายากสุดๆแทบไม่มีขายเลย แต่ผมมีเป็นหมอน
ผมจึงได้ข้อมูลว่าแถวนั้นไม่มีทีมไหนไปจากจุดนี้เพราะมันไกลไป ทีมที่ไปแถวๆจุดนั้นจะจอดเรือหรือเจ็ทสกีจุดอื่นแทนกู้ภัยเดาว่าเป็นทีมพี่เปิ้ล นาครที่ช่วยแถวๆบ้านผม แต่จุดที่เค้าอยู่คืออีกฝั่งเมืองเค้าอยู่แถวสนามบิน ผมเลยต้องตัดใจกลับบ้านหลังจากรอมาทั้งวัน
เช้าวันที่ 26/11/ 68 ผมทำแบบเดิมลุยฝ่าน้ำ สุดท้ายติดเหมือนเดิมแต่ไปได้ไกลขึ้น ตัวผมเริ่มมีผื่นขึ้น เนื่องจากแพ้น้ำทรมานสุดๆมันเริ่มคันเป็นรอยแดงทั่วตัว แต่ไม่เป็นไรผมเป็นห่วงแมวพยายามไปต่อจนกระทั่วเจอทีม 3 คน ชาย2 หญิง1 มีเซิร์ฟบอร์ดดอยู่ 2 อันวางอาหารอยู่บนนั้นหลายกล่องโดยใส่ตระกร้า ค่อยๆลอยไปเข้าตามซอกตามซอย ผมมองว่าฉลาดมากเพราะว่าหาดใหญ่ซอยมันเยอะ เรือเข้าไม่ได้ เจ็ทสกีไม่ต้องพูดแต่ทีมนี้เลือกเดินเข้าซอยกับเซิร์ฟบอร์ดค่อยๆไหลไปแจกอาหารเสียดายทีมแบบนี้น้อย

ผมเลยอาศัยไปกับพวกเขาลัดเลาะไปเรื่อยๆ แต่โชคไม่ดีติดอยู่ดี เลยลอยกลับทีมที่ผมไปด้วยก็แจกอาหารหมดไปนานแล้วสุดท้ายเลยกลับมานั่งแอ็คเหมือนเดิมมองดูคนขับเรือคนขับเจ็ทสกีและแน่นอนยังเหมือนเดิมคนกลุ่มนึงก็พยายามถามพยายามให้ไปช่วยด้วยเหตุผลต่างๆแต่โดนปฏิเสธเหมือนเดิม
ช่วงสองวันนี้เห็นอะไรที่น่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง เรื่องคนขับเจ็ทสกีเล่นผมก็เห็น 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นผู้ชายคนนึงไม่ใช่กู้ภัยเพราะไม่ใส่เสื้อไม่มีชูชีพน่าจะเป็นใครซักคนมามั่วบ้านงานพร้อมถ่ายรูปแอ็คๆ เริ่มต้นขี่เจ็ทสกีด้วยความไวพร้อมเทโค้งอย่างสวยงามน้ำสาดกระเซ็น ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะสำรวจเส้นทาง และไม่ใช่ส่งข้าวแน่ๆ เพราะไม่มีข้าวเลย ผ่านไปราวๆไม่ถึง 3 นาทีกลับมาละก็ดูไวไปหน่อยสำหรับสำรวจเส้นทางแต่ผมไม่ตัดสินใคร
เคสที่สองที่ผมเห็น ครั้งนี้ชัวร์แน่ๆ เพราะว่าเป็น ผญขับ และมี ผชซ้อนท้ายแต่อยู่ลักษณะยืนคอยชี้ที่หน้าปัดอยู่ แล้วผญค่อยๆขับไปช้าๆ พร้อมใบหน้าตื่นเต้น ผมก็อ้อหัดขับ ครั้งนี้ยอมรับเลยผมตัดสินจริง
เช้าวันที่ 27/11/ 68 ในที่สุดผมก็ฝ่าไปบ้านผมสำเร็จ ดีใจมากๆแล้วเเมวผมกินข้าวหมดไปแล้วเสียใจมากๆที่ประมาทมองโลกแง่ดีทำให้น้องอดข้าว แต่น้องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว สรุปน้ำเกือบถึงชั้นสองขาดบันไดสองขั้น ช่วงนั้นหลอนสุดๆ เพราะว่าเห็นคลิปที่เป็นคนปีนสายไฟ 2-3 คนนั้นหน้าปักซอยบ้านผมเครียดสุดๆ และยังมีคนที่ไม่รู้บ้านหลังไหนลงเพจจ่าว่าเป็นลมหิวข้าวไปแล้วในหมู่บ้านผมเอง ทำเอาเครียดมากแต่สุดท้ายมาเจอแมวและเเมวยังปลอดภัยดีไม่นับรอยตีนเปลื้อนโคลนที่มันไปเดินเล่นหลังจากน้ำลด

สรุปจบท่วมทั้งชั้น ของมีค่าหลายอย่างชั้นพักบันไดไม่รอด โมโหมากๆ ฝ้าถล่มเละโต๊ะคอมโต๊ะกินข้าวไปหมดเลย รถจมคันยังมีอีกหลายรูปเละเทะสุดๆแต่ก็หลายรูปติดหน้าคนเลยไม่เอาลง