ภาพที่ควรเกิดขึ้น — หากประเทศไทยมีระบบบัญชาการน้ำที่เป็นรัฐสมัยใหม่จริง ๆ
จากfacebook ย์ศศิน เฉลิมลาภ
ภาพที่ควรเกิดขึ้น — หากประเทศไทยมีระบบบัญชาการน้ำที่เป็นรัฐสมัยใหม่จริง ๆ
1) นายกรัฐมนตรีต้องอยู่ใน War Room ที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่ลงพื้นที่
ที่ควรเกิดขึ้นคือ…
War Room กลางที่ สทนช. (สำนักงานใหญ่) ต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
หน้าจอข้อมูล Radar, Storm track, Flood forecast, ผังระบายน้ำ
ดูข้อมูลเดียวกับอุตุฯ กรมชลฯ ปภ. แบบ real-time
นายกฯ ต้องนั่งเป็นประธาน เพราะนี่คือความมั่นคงของประเทศ
ไม่ใช่ลงพื้นที่ไปยืนถ่ายรูป ถือเสื้อฝน หรือเดินลุยน้ำ
หน้าที่ของผู้นำคือบัญชาการ ไม่ใช่เดินลุยน้ำโชว์กล้อง
2) รมว.เกษตร (ธรรมนัส) — ต้องบัญชาการกรมชลจาก War Room แต่ส่งทีมที่เชี่ยวชาญลงพื้นที่
ที่ถูกควรเป็นแบบนี้:
รมว.เกษตรไม่ต้องลงไปยืนตากฝน
แต่ต้องมีทีมวิศวกรกรมชล วางแผนสั่งเปิด–ปิดประตูน้ำตามโมเดลคำนวณ
มี “Field Command Unit” ของกรมชลลงพื้นที่แทน
รมว.ติดตามผลบนหน้าจอ + อนุมัติการระบายเร่งด่วนตามข้อมูลจริง
3) รองนายกโสภณ — คือ “รองนายกฝ่ายน้ำ” ต้องคุมภาคสนามเชิงนโยบาย ไม่ใช่ไปลุยน้ำถ่ายรูป
บทบาทควรเป็น:
เป็นผู้ประสาน “จังหวัด–ท้องถิ่น–หน่วยงาน”
เข้าพื้นที่เฉพาะจุดคอขวด เพื่อเคลียร์อุปสรรคเชิงนโยบาย เช่น
ถนนเป็นเขื่อน
ปิดประตูน้ำโดยไร้เหตุผล
ชลประทาน–เทศบาลทะเลาะกัน
ไม่ใช่ไปยืนบริจาคถุงยังชีพ
4) รมต.สำนักนายกฯ (ภารดร) — ต้องเป็นคนสื่อสารหลักของประเทศ
คือคนที่ควร:
ไลฟ์สรุปสถานการณ์วันละ 2 ครั้ง
อธิบายว่า “วันนี้ต้องท่วม เพราะ… / วันนี้กำลังระบาย… / พรุ่งนี้จะดีขึ้นเพราะ…”
ลดความสับสน ข่าวปลอม ข่าวมั่ว
บอกประชาชนว่า รัฐกำลังทำอะไร และต้องการความร่วมมืออะไร
นี่คืองานของ “รัฐสมัยใหม่” ไม่ใช่งานของนักแสดงภาคสนาม
❌ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้คือ…
ผู้นำลงพื้นที่พร้อมกล้อง → เสียเวลาบัญชาการ
ไม่มี War Room → ไม่มีข้อมูลเดียวกันในการตัดสินใจ
ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ถูกใช้ → ระบบน้ำล้มเหลวซ้ำทุกปี
การสื่อสารตกอยู่ในมือของหน่วยงานย่อย → ขาดเอกภาพ
https://www.facebook.com/share/p/1b7oW7zCGJ/
ลงพื้นที่มันก็ลงถ่ายรูปสร้างภาพ
ผมว่าถ้าจะลงพื้นที่ควรจะเป็นช่วงเยียวยาให้กำลังใจประชาชน