ใครฟังแกบ่อยๆช่วยประเมินให้หน่อย ที่ตามอ่านมาเม้นต่างกันเกิน

บางคนบอกร้อยล้าน บางคนบอกพันล้าน หมื่นล้านก็มี

ส่วนใหญ่หลักร้อยหลักพันครับ

มากกว่านั้นมันจะเริ่มติดอันดับ Forbs Thailand แล้ว

เค้ารวยมาจากไหนนะ ก่อนทำฟาสเวิคอะ

เพราะไม่ได้รวยจากฟาสเวิคแน่ๆ เพราะบ.ขาดทุน แล้วยังไม่โตเท่าไหร่ เห็นรายได้หลักสิบล้าน ขาดทุนก็หลักสิบล้าน(เห็นแว๊บๆจากกระทู้ก่อน)

คิดว่า asset~พันล้าน

เก็บเงินอเมริกาตั้งแต่เด็ก 10-100ล้านไม่ได้ยาก

ซื้อหุ้น amazon google ตั้งแต่ 10-20 ปีที่แล้วอีก

ถ้ารูป Rolls คือของแกจริงๆ คงหลักพันแหละครับ ไม่มีใครบ้าซื้อรถราคาเหยียบ 100 หากคิดเป็นมูลค่าเกิน 10% ของ net worth หรอก และคิดว่าน่าจะหลายพันด้วย คงไม่ได้ที่ 1,xxx



ถ้าบ้าซื้อ ก็คงไม่ใช่ทัศนคติของคนที่รวยจริงๆ ซึ่งก็ไม่น่ารวยได้แต่แรกอ่ะ



ส่วนเค้ารวยมาจากไหน อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ แต่คิดว่าไม่น่าใช่ FW อ่ะ คงเป็นตลาดหุ้นอเมริกาแหละ ช่วงก่อน

## ✅ บทบาทใน Fastwork

* ไม่ใช่ **Founder ตัวจริงดั้งเดิม** แต่เป็นผู้ **เข้ามาซื้อกิจการบางส่วน + เข้ามาเป็น CEO** เพื่อ “ยกเครื่องธุรกิจ”
* เปลี่ยนโมเดลจาก “ตลาดฟรีแลนซ์ทั่วไป” → สู่ **แพลตฟอร์มที่โฟกัสคุณภาพงาน + B2B ลูกค้าองค์กร**
* ขยายบริการจากไทย → อินโดนีเซีย → เวียดนาม → ฟิลิปปินส์ (ยุทธศาสตร์ SEA-first)



## ✅ แนวคิดธุรกิจ (Business Mindset) ที่โดดเด่น

### 1️⃣ **“ขาดทุนได้ แต่ต้องเติบโต” (Growth > Profit)**

> “สตาร์ทอัพไม่ใช่ร้านโชห่วย ความสำเร็จวัดที่ Scale ไม่ใช่กำไรปีแรก”

* มอง **จำนวนผู้ใช้ + ปริมาณงานที่ผ่านแพลตฟอร์ม** เป็นตัวชี้วัดสำคัญ (เหมือน Shopee, Grab ช่วงแรก)
* กล้าขาดทุนหลายปีเพื่อสร้างฐานข้อมูล + ความไว้วางใจ + เครือข่ายแรงงาน

### 2️⃣ **“Talent Economy = อนาคตของแรงงาน”**

เขามองว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่คนทำงานแบบ “อิสระ-ตามโปรเจกต์” จะมีสัดส่วนมากขึ้น จึงลงทุนในแพลตฟอร์มที่เป็น “ตัวกลางระหว่างคนเก่งกับบริษัท”

### 3️⃣ **Data-Driven มากกว่า Passion-Driven**

ไม่ได้สร้างธุรกิจเพราะ “อินกับฟรีแลนซ์” แต่เพราะเห็นว่า **ตลาดนี้โต, ยังไม่มีเจ้าที่ dominant, และยัง optimize ได้อีกเยอะด้วยข้อมูล**

### 4️⃣ **เกลียดระบบอุปถัมภ์/เส้นสาย → เลยสร้างแพลตฟอร์มแบบโปร่งใส**

เขาเคยพูดประมาณว่า:

> “ในไทย คนเก่งไม่ได้โตเพราะความสามารถเสมอไป แต่โตเพราะรู้จักใคร — Fastwork ต้องแก้สิ่งนี้ให้ได้”

### 5️⃣ **คิดแบบคนการเงิน → บริหารแบบ Startup**

* ใช้ logic ของนักการเงิน: ROI, CAC, Unit Economics, Payback period
* แต่กล้าลอง-ผิด-ลอง-ถูกแบบ Startup: MVP, pivot, iterate เร็ว

## ✅ ทำไมคนชอบเขา?

| Mindset พูดตรง ไม่ขายฝัน แต่ขาย “วิธีคิดที่เป็นระบบ”
| เส้นทางชีวิต ไม่ใช่ทายาทธุรกิจ / ไม่เริ่มจากบ้านรวย แต่ใช้ทุนตัวเอง + ประสบการณ์จริง
| ภาพลักษณ์ ฉลาด, สุขุม, ไม่โชว์ความรวย แต่โชว์วิธีคิดและผลลัพธ์
| ทัศนคติ เชื่อว่า “โอกาสของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่การทำงานบริษัทใหญ่ แต่สร้างของเองได้”


## ✅ ข้อคิดที่หลายคนชอบจาก CK

> “คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด ขอแค่เป็นคนที่ ‘ปรับตัวเร็วที่สุด’ ก็ชนะแล้ว”

> “อย่าทำบริษัทเพื่อรวย — ทำบริษัทที่แก้ปัญหาให้คนหมื่นคน แก้ได้จะรวยเอง”

> “ธุรกิจไม่มีถูกผิด มีแต่เวอร์ชันที่ตลาดยอมรับ กับเวอร์ชันที่ตลาดไม่ยอมรับ”

แสนล้าน

CK = Satoshi Nakamoto

แก ลงทุนตั้งแต่อายุน้อยครับแล้วลงทุนถูกตัว แกลงทุนหุ้น เฟสบุ๊ค กับ nvdia แล้วทั้งสองหุ้น ตอนนี้มูลค้่าอย่างโหด ยิ่ง nvdia นีิคือมูลค่ามากสุดในโลก ถ้าให้ผมประมาณ อย่างต่ำ แกต้องมี หลัก พันล้าน เฉลียด หมื่นล้านอะ

แล้วแกเอาเงินไหนลงทุนตอนอายุน้อย แล้วเฟสบุค กับเอนวิเดีย นี่ขึ้นมากี่เท่านะ จะได้กะประมาณย้อนกลับไปถูก

edit ผมไปเสิชมาเองละ เอาย้อนหลังแค่10ปี หุ้นmeta(เฟซบุค) ขึ้นมาประมาณ700กว่า% หุ้น nvidia 31000% (310เท่า)

สมมติ เอาแค่หุ้นตัวหลังก็พอ คิดแบบสุดโต่งเลย ถ้าตอนนี้มี1000ล้าน ตอนนั้นต้องซื้อหุ้นด้วยเงิน 3 ล้านบาท

อืมมม เป็นไปได้

แกทำงานเก็บเงินตั้งแต่ เรียนมหาลัย ชนิดที่ทำหนักมาก แบบ วันนึง บางทีรับสองที่เลย ได้เงินมาแกเอาไปลงหุ้นเป้นหลัก แล้ว แกเลือกถูกตัว แกคิดแค่ว่า ตอนนั้นแกใช้อันไหนเยอะแกก็ซื้ออันนั้นแหละ
ยกตัวอย่าง แกชอบเล่น dota2 แกเลยมองว่ าการืดจอสำคัญแกเลยซุ้หุ้น nvdie เก็บไว้ ซื้งถ้าย้อนไป 10ปีที่หุ้นนี้ ราคาไม่ถึง ร้อยบาทด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบัน ล่อไปหุ้นละ 6พันบาท

น่าจะหลักพัน

พูดอะไรแล้วเชื่อได้หมดรึเปล่าก่อน

ผมไปเสิชมาเองละ เอาย้อนหลังแค่10ปี หุ้นmeta(เฟซบุค) ขึ้นมาประมาณ700กว่า% หุ้น nvidia 31000% (310เท่า)

สมมติ เอาแค่หุ้นตัวหลังก็พอ คิดแบบสุดโต่งเลย ถ้าตอนนี้มี1000ล้าน ตอนนั้นต้องซื้อหุ้นด้วยเงิน 3 ล้านบาท

อืมมม เป็นไปได้

ตอบยาก ท๊อป กับดิว ยังพอรู้ว่ารวยมาจากอะไร

CK แกไม่เคยเอาพอร์ตหุ้น มาโชว์