ผมใช้รถ civic fd ปี 2009 อยู่ครับ

เพิ่งจะซ่อมใหญ่ไป ประมาณ 2 เดือนก่อน (เปลี่ยนหม้อน้ำ+ของเหลวต่างๆ)

ทุกวันนี้ ขับรถไปทำงาน ไป-กลับ ประมาณ 30 กม. (แบบรถติดๆ) ค่าน้ำมัน/เดือน ประมาณ 4000 บาท

คิดว่าปีหน้าอยากจะเปลี่ยนเป็นรถ EV หรือ Hybrid งบประมาณ 700-800k (รถเก่าคงขายได้ไม่เกิน 150k)

ต้องเพิ่มเงินประมาณ 550-650k (กะว่าจะดาวน์ประมาณ 50%)

ซึ่งปีหน้าผมคิดว่าจะมีเงินเก็บสำรองฉุกเฉินไว้ ประมาณ 12 เดือน (ไม่รวมค่าดาวน์รถ)

อยากปรึกษาเพื่อนๆในบอร์ด ว่า ควรจะเปลี่ยนมั้ยครับ หรือ ว่าขับรถเดิมๆไปอีก 3-4 ปี ค่อยคิดอีกที

กำเงินสดไว้ก่อนดีกว่าครับ ถ้าจะไปเล่น EV รออีกหน่อยก็ได้ น่าจะมีอะไรใหม่ๆ
ถ้าคันเก่ามันยังไม่มีปัญหาอ่ะนะ

ส่วนตัวถ้าใช้FD เติมน้ำมันเดือนละ 4000
ยังไม่น่าไปEVครับ ผมว่าแค่HYBRID ก็ประหยัดลงพอสมควรละ
มองแบบง่ายๆ ปกติ4000 ใช้HYB 2000 EV 1500 ผมว่ามันไม่ได้ต่างอย่งมีนัยยะอะไรมาก
ได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เชื้อเพลิงหมด เข้าปั๊มเติม3นาทีเสร็จ ไม่ต้องหาที่ชาร์จรอนานๆ

ถ้าใช้EV อาจจะต้องดูเรื่องที่ชาร์จ เรื่องประกันต่อปีที่สูงกว่าพอสมควร
รวมถึงเผื่อโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุ อาจจะรออะไล่หรือรอซ่อมนาน

ส่วนเรื่องจะเปลี่ยนเลยมั้ย ท่านน่าจะตอบคำถามตัวเองได้ดีที่สุด
แต่เป็นผมถ้ามีความคิดจะเปลี่ยนแล้วมันจะนอนไม่ค่อยหลับ กิเลสระงับด้วยการซื้อ555

ค่าน้ำมันไม่ได้เยอะเท่าไร เป็นผมจะขับต่อจนกว่าจะต้องซ่อมใหญ่อะ ถึงจะขาย

ใช้คันเก่าก่อนดีกว่าครับ รออีกสัก 2-3 ปี แนวโน้มของรถไฟฟ้า

หรือถ้ามีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มาเพื่อส่งรถโดยเฉพาะค่อยเปลี่ยนครับ

เก็บเงินไว้อุ่นใจกว่า

ซ่อมใหญ่แล้วยังใช้ได้ดี ใช้ต่อครับ
ยกเว้นกิเลส หรืออยากได้รถใหม่ เทคใหม่ ประหยัดค่าน้ำมันกว่าเดิม
ลองคำนวณดูครับ ค่างวดรถใหม่ + ค่าน้ำมัน/ ค่าชาร์จไฟ มันเพิ่มจาก 4,000 เยอะไหม ถ้าเป็น ev ก็มีค่าประกันที่แพงกว่ารถน้ำมันอีก

ผมเคยใช้ FD ครับ เวลาเจอบนถนนก็ยังรู้สึกว่ามันสวยไม่ตกรุ่นเลย ที่ชอบคือที่วางเท้าคนนั่งหลังมันเรียบ 55
แต่ที่เปลี่ยนเพราะมันพังหลายอย่าง น้ำซึมตามขอบ /เอาไปติด LPG ครับ วิ่งวันละ 50-70โล แบบรถติด ก็ถือว่าใช้จนคุ้มครับ

มาตอบหรือมาเล่าเนี่ย^^

ถ้าคิดว่างานการมั่นคงก็ออกได้ ไม่ควรผ่อนเกิน 30% ของเงินเดือน(อันนี้สำคัญมาก) แต่ออกมาอย่าหวังว่าจะประหยัดกว่าเก่า เพราะต้องจ่ายค่าผ่อนซึ่งมันมากกว่าค่าน้ำมันที่เคยจ่ายแน่นอน จะ ev หรือ hybrid ก็ต้องดูไลฟ์สไตล์ ถ้าขับไกลทางไกล ไปบ่อยๆ ขี้เกียจว่างแผน hybrid ดีกว่า

เปลี่ยนเป็นไฮบริดประหยัดค่าน้ำมันไปครึ่งนึง 2000 บาท ต่อเดือน แต่ต้องเพิ่มเงินอีกหลายแสน

ถึงจะดาวน์สูง ผ่อนต่อเดือนไม่เยอะ มีเงินเย็นไม่กระทบ ก็ยังไม่แนะนำให้เปลี่ยนครับ

นอกจากว่า รถจะเริ่มจุกจิก ต้องซ่อมหลายจุด และมีแนวโน้มว่า ซ่อมไม่หาย ซ่อมไม่จบ ซ่อมแล้วมีจุดอื่นมาต่อคิว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ควรเปลี่ยน

ทั้งนี้ ช่วง 700-800k ไฮบริด อาจจะไม่ได้มีตัวเลือกเยอะ ยังไงไปลองขับดูก่อน ถ้าเจอคันที่ว่าขับดีกว่าคันเดิม ก็ค่อยขยับ

ผทใว่าใช้ fd ไปก่อน เพิ่งซ่อมใหญ่ไปน่าจะอยู่ได้อีกสักพัก

อีกอย่างท่านขับไม่เยอะด้วย ค่าน้ำมัน 4000 ต่อเดือน ก้ไม่ได้สูงมากถึงขนาดจะเปลี่ยนไป EV เเล้วเห็นส่วนต่างชัด

ถ้า hybrid ผมว่าน่าจะเหมาะกับท่านมากกว่า เเต่ก้นั่นเเหละผมว่า fd ท่านยังไปได้ก้ใช้ไปก่อนดีกว่าในสภาวะเเบบนี้

ก็อาจจะใช้ไปก่อน ถ้ามีคันชอบก็อาจจะเปลี่ยนครับ เพราะขับทุกวัน ยังไงรถรุ่นใหม่ประหยัดขึ้น ระบบความปลอดภัยดีขึ้น

สะดวกรถแบบไหนก็ขึ้นอยู้กับใช้งานครับ เพราะขับวันละประมาณ 30 กม.ชาร์จแค่ที่บ้านก็ใช้งานได้สบายแล้ว

ปล.บางทีขับรถเก่ามาก โอกาสเสียๆกลางทางสูง ผมจะค่อยข้างกังวลเพราะถ้ามันไปเสียระหว่างทาง ไม่รู้จะติดต่อช่างยังไงเลย แถมยังทำชาวบ้านเดือดร้อน(รถติด) กว่าจะหาช่างซ่อมอีก เจอช่างไม่เก่ง ไม่ดีก็จ่ายแพงอีกแล้วก็อาจจะไม่จบ เสียเวลาเสียงานอีก

คหสต.นะครับ

รถ 10 ปี + ไม่ว่าจะรุ่นไหนยี่ห้อไหน ยังไงมันต้องมีซ่อมใหญ่เปลี่ยนหม้อน้ำ เปลี่ยนท่อน้ำ เปลี่ยนพูลเล่ย์ สายพาน ของเหลวยกชุด เพราะงั้นมันเป็นเรื่องที่จำเป็นครับ

สำหรับการเดินทางวันละ 30km ค่าน้ำมันเดือนละ 4,000 บาท
การเปลี่ยนรถเป็น EV หรือ HEV ผมมองว่าไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร โดยมีปัจจัยพิจารณาดังนี้

1.เดินทางวันละ 30km เดือนประมาณละ 900km ค่าน้ำมันเดือนละ 4,000 บาท หากเป็น EV อาจจะอยู่ประมาณ 1-1.5k
2.ค่าประกันชั้น 1 ที่เพิ่มขึ้นมา 18-30k ต่อปี (เทียบกับรถเดิม ประกัน 2+ ทุน 200k ค่าประกันปีละประมาณ 7k)
3.ภาระผ่อนที่เพิ่มขึ้น สมมุติจากยอดจัด 350k ดอกเบี้ย 3% ผ่อน 4 ปี จะผ่อนเดือนละ ประมาณ 8.2k

เปรียบเทียบ

รถเดิม
ค่าน้ำมันปีละ 48k
ประกัน 7k
Maintenances fee 3k
รวม 58k ต่อปี

รถใหม่
ค่าผ่อน 98.4k
ค่าประกันประมาณ 25k
ค่าไฟรถ 12k (สมมุติเดือนละ 1k)
รวม 135.4k ต่อปี

เรื่องตัวเงินผมยังมองว่าใช้ FD ต่อน่าจะคุ้มกว่า
แต่ถ้ารถคุณซ่อมไม่จบ มีปัญหาเรื่องเครื่องฮีตหรือต้องยกเครื่องยกเกียร์ การเปลี่ยนรถน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน

แล้วแต่ความสะดวกเลยครับ ถ้าเป็นผมมีรถรุ่นที่ผมชอบผมก็จะเปลี่ยน แต่ถ้าหากไม่ซีเรียสก็ใช้คันเดิมไปยาว ๆ แต่ผมดูรถคันนี้นี้น่าจะ 15 ปีแล้วผมแนะนำให้เปลี่ยนดีกว่า เพราะประกันน่าจะเป็นแค่ชั้น 2 + ซ่อมอู่แล้ว ผมกังวลในอนาคตค่าซ่อมน่าจะจุกจิกเพิ่มขึ้นมาอีก

ผมก็ใช้รถ civic fd ปี 2008 อยู่ครับ
ซื้อต่อพี่ที่ทำงานมา 150K เลขไมค์ 50K รถบ้านสุดๆ
ทำพวกช่วงล่าง เครื่องยนต์ไปเล็กน้อย ถือว่าคุ้มมาก
ลองขับไม่เกิน 110 ต่อ 13โล/ลิตร ถ้าเกิน 120 ก็ 10กว่าโล/ลิตร
ถือว่าเปลี่ยนมุมมองการใช้รถใหม่มือ1 ไปเลย เพราะมือ2 จริงๆก็ใช้ได้

ที่จะสื่อคือผมว่าความคุ้มค่ามันอยู่ที่การใช้งาน การความพอใจของเรา
ผมว่าค่าน้ำมัน 4000 ไม่ถือว่าแพงครับ ก็ต้องมีภาระเพิ่มอีก 4-5 แสน
ผมว่าใช้ของเดิมดีกว่าที่จะต้องไปติภาระผ่อนอีก 4-5 ปี โคตรจะเหนื่อย

ผมว่ารออีกสัก 3-4 ปีดีกว่า ให้เทคโนโลยีรถไฟฟ้ามันนิ่งก่อนค่อยคิดเปลี่ยนไม่สาย

รถปีเดียวกับผม ตอนนี้ก็ซ่อมตามการใช้งานไปจนกว่าจะผ่อนบ้านหมดถึงจะซื้อใหม่ ขับไม่ไกลและเสียใหญ่ๆ ยังไม่มี เพราะคิดแล้วการไม่ได้ผ่อนรถน่าจะเป็นทางที่ประหยัดมากที่สุดตอนนี้

ค่าน้ำมันไม่เท่าไหร่ครับ

ค่าซ่อมแพงไหมครับ ถ้าคิดว่าอาจเจอซ่อมใหญ่เป็นเงินราว 10-20% ของราคาป้ายแดงก็ซื้อรถใหม่เลยครับ
เพราะรถใหม่มันจะคุ้มกว่าแล้ว

หรือคิดว่าอยากเปลี่ยนรถ แล้วขายออกในราคาที่เรายังพอรับได้ แล้วไปออกคันใหม่ก็โอเคครับ

ปล. เปลี่ยนหม้อน้ำ+ของเหลว ผมไม่รับซ่อมใหญ่นะ
ซ่อมใหญ่มุมของผมคือ โอเวอร์ฮอลหรือเปลี่ยนเครื่อง+เกียร์ ช่วงล่างยกชุด