รายงานจาก The Times เปิดเผยถึง หนึ่งในสาเหตุที่เป็นแรงกระตุ้นช่วยให้ "สิงห์บลูส์" เชลซี ไล่ตบปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกมาครอง


ลูกทีมของเอ็นโซ่ มาเรสก้า เล่นอย่างดุดันตั้งแต่เริ่มเกมในนิวเจอร์ซีย์ รัวยิง 3 ประตูได้ก่อนจบครึ่งแรกและปิดเกมได้อย่างหมดจด เหนือกว่าทีมแชมป์ยุโรปอย่างชัดเจน

ล่าสุด มีการเปิดเผยว่าอะไรกันแน่ที่จุดไฟให้เชลซีมีแรงฮึดเป็นพิเศษในนัดนี้

ในค่ำคืนก่อนเกมนัดชิง มีงานเลี้ยงที่จัดโดยฟีฟ่า ซึ่งมีตัวแทนของทั้ง 2 สโมสรเข้าร่วม ตัวแทนของเชลซีสังเกตว่าฝั่งเปแอสเชมัวแต่สนใจเรื่องการเตรียมฉลองแชมป์

ตามรายงานจาก The Times เปแอสเชใช้เวลาพูดคุยกันเรื่อง "จะรับถ้วยตรงไหน อย่างไร" ราวกับมั่นใจว่าจะชนะ

มาเรสก้า ทราบเรื่องนี้และได้นำไปบอกกับลูกทีม เพื่อใช้เป็นแรงกระตุ้นเพิ่มเติม


ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่าง 2 สโมสรก็ไม่ได้จบลงแค่เสียงนกหวีดสุดท้าย เพราะหลังจบเกมเกิดเหตุชุลมุนขึ้น

หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือเปแอสเช ถูกกล่าวหาว่าผลักหน้า เจา เปโดร กองหน้าเชลซี ระหว่างการปะทะกันหลังเกม ทำเหตุการณ์บานปลายเมื่อมีผู้เล่นเชลซีอีกประมาณ 5 คนเข้าไปร่วมวง

จบเกมนี้มีใบเหลืองถึง 6 ใบ และหนึ่งใบแดงของ เจา เนเวส มิดฟิลด์ของเปแอสเช ซึ่งถูกไล่ออกนาทีที่ 85 จากการเล่นรุนแรง

อันนี้ก็เกินไป

เรื่องจริงรึเนี้ย เห็นผ่านๆในเฟสนึกว่าเรื่องแต่ง
ถ้าเรื่องจริงก็นะ..

ถ้าจริงนี่คือน่าโบกพวกตัวแทนมาก
นักเตะ,โค้ช เตรียมตัวกันอย่างดี
อาจจะไม่มีใครประมาทเลยก็ได้
แต่กลายเป็นคนไม่กี่คนดันไปพูด
กระตุ้นสุมไฟให้อีกทีมแทน

ผมมองว่าเรื่องพวกนี้ สุดท้ายมันเป็นเหตุการณ์ราโชมอนอ่ะ ลองไปสัมภาษณ์คนของ เปแอสเช ก็คงไม่มีใครออกมายอมรับหรอก เออ ใช่ พวกกูคุยกันแบบนั้นจริง ๆ แล้วมึงจะทำไมอ่ะ ก็เชลซีมันเป็นรองกว่าจริง ๆ นี่หว่า อะไรเงี้ยเหรอ มันก็ไม่ใช่หรอก สุดท้ายก็มีแค่วงในของฝั่งปารีสจริง ๆ นั่นแหละ ที่รู้อยู่แก่ใจ ข่าวมาออกตอนนี้ ยิ่งเหมือนฝังกลบให้แชมป์ UCL ดูแย่เข้าไปอีก ส่วนตัวมองว่าขุดกันไป ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา และผมก็เชื่อว่านักเตะเชลซีเอง ก็มีสิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นของตัวเองอยู่แล้ว ความมั่นใจมันกำลังมา ก่อนจบซีซั่นก็เพิ่งคว้าแชมป์ UECL เพิ่งได้ตั๋วกลับไปเล่น UCL มันไม่ได้เพิ่งจะมาฮึดสู้เอากับเรื่องแค่นี้หรอก

ตอนผมฟังข่าวนี้ครั้งแรก ขอโทษนะ ผมนึกถึงเมื่อปี 2005 ที่มีคนปล่อยข่าวว่า แข้งมิลาน แอบฉลองกันในห้องแต่งตัวตั้งแต่พักครึ่งแรก เกมกับลิเวอร์พูลที่อิสตันบูลอ่ะ มันทำนองนั้นเลยครับ

ไม่ใช่มือดีจับมาเจอกันใน ucl อีกนะเบื่อไม่อยากโดนเอาคืน

Chelsea กับ Underdog มันของคู่กัน

โดเรม่อน

ส่วนตัวมองว่ามีผลน้อยมาก

สาเหตุที่แท้จริงคือ ปารีสไม่รู้ว่าเชลซีเล่นยังไง

ในขณะที่เชลซีรู้หมดว่าปารีสเล่นยังไง

ปารีสวางแผนมาแค่ว่าเราจะเข้าทำยังไง

แต่ไม่มีแผนแบบที่ว่า ถ้าเชลซีเล่นแบบนี้แล้วจะแก้ยังไง

เห็นได้ชัดว่าโดนนำไปแล้วยังทำอะไรไม่ได้

จนพักครึ่งไปแล้ว ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเอาไง

เพราะเชลซีมาทัวร์นี้ เล่นไม่เหมือนกันซักเกม

ไม่เป็นไรเพื่อนอย่าคิดมากนะ เดี๋ยวเอาไปฉลองให้

นึกภาพตอนบาเยิร์นกับแมนยูนัดชิงชนะเลิศ UCL
ที่บาเยิร์นนำอยู่ 1-0 จนถึง 10 นาทีท้าย หรือ 5 นาทีท้ายก่อนต่อเวลานี่แหละ
แล้วเอฟเฟ่นแบร์กหรือเปล่า ผมจำไม่ได้ชัด เดินไปเตะมุม แล้วโบกมือฉลองให้แฟนบาเยิร์นบนอัฒจรรย์
เหมือนเตรียมตัวได้แชมป์ชัวร์
แล้วพอไม่กี่นาทีถัดมา เจอโซลา กับเชอริงแฮมยิงสองลูกรวด นาที 91, 93 แซงคว้าแชมป์ไปแทน
นัดนั้นดูสด ยังคิดเลยว่าเฮ้ย รีบดีใจไปไหม ยังไม่จบเกมเลย
ขนาดเป็นแฟนหงส์ ยังดีใจกับแมนยูนัดนั้นเลย ที่สร้างปาฎิหารย์ได้ท้ายเกม

ผมว่าpsgไม่ได้ประมาทหรอกไม่มีใครกล้าประมาทหรอก แต่ที่แพ้เพราะไม่มีภาพในหัวเลยว่าเชลซีจะเล่นยังไง คนตามดูเชลซีทุกนัดยังไม่รู้ ต้องบอกว่านัดที่แพ้โบกาโฟโต้ กับ เกมบาเยินนั้นละเป็นต้นเหตุเป็นเกมเปิดแผลปารีส การโดนแก้ทางมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับยอดทีมทุกทีมละแค่มันดันมาเกิดขึ้นในนัดชิงแค่นั้นเอง

ี นัดนี้รูปเกมไม่ได้ห่างกันมาก ต่างกันที ความเทพของโคล พาลเมอร์ล้วนๆเลย สองลูกมุมเดิม แบบเดิม เหนือชั้นจาดด

ไม่อยากจะเชื่ออไรเรื่องพวกนี้มากนะ
เพราะเห็นชัดว่าวันแข่ง ชนะเพราะแท็คติกมาเรซก้า ล้วนๆ
ไม่ได้อวยนะ แต่วิธีการเล่นของโล้นมันเปลี่ยนไปแบบไม่เคยเห็นมาก่อน

พลังบวกเชิงลบ

โดนไปดิ PSG