ออกตัวก่อนว่าผมเปลี่ยนมาใช้ EV ได้ 3 ปีแล้ว รถที่ใช้ประจำเป็น Atto3 และที่ผ่านๆของที่บ้านมาก็มี Model 3 LR Legacy ซึ่งก็ไม่ได้ใช้ประจำ

หนึ่งปีที่ผ่านมามีกลับไปใช้รถน้ำมันเป็นหลักเนื่องจากเบิกค่าน้ำมันได้แล้ว และเบื่อกับการรอชาร์จตามปั้ม

แต่ก็ตั้งงบเอาไม่เกิน 2.0 ล้านมาได้ 1 ปี ซึ่งยังไม่รู้จะซื้ออะไร แต่ก็มีเล็งๆ SL7 Performance กับ Hyptech ตัวล่างเอาไว้ ซึ่งปีที่แล้วนั้นตั้งเป้าว่าไม่เอาไฟฟ้าแล้วแหละ เบื่อที่ต้องมานั่งลุ้นรอคิวชาร์จ

แต่การมาของ IM6 Performance ทำให้ใจหวั่นไหวมาก ตรงสเปกทุกอย่าง ลดแสนนึงด้วย หลังจากคุยกับแฟนและลูกๆ ก็ตกลงว่า EV อีกครั้งก็ได้ เพราะ 700 ม้า มันยั่วยวนมาก

พอจะซื้อเดือนที่แล้ว ปรากฎว่า Tesla Thailand เท Model Y Performance Legacy ลงมาที่ 1.8 ล้าน ดูไปดูมา เลยตกลงปลงใจว่า Model Y แทน เพราะคาดหวังกับ Supercharger ไว้ว่าน่าจะสะดวกกว่ารถ EV ทั่วไป

หลังจากรับรถมาแล้วใช้มาได้ซักพัก ก็พอจะเทียบข้อดีข้อเสียกับ EV จีนได้ เลยอยากเอามาแชร์ให้เพื่อนๆได้พิจารณากันครับ

ของแถมที่ผมได้มาคือ

1. ประกันชั้น 1 วิริยะ
2. Tesla Wall Charger 22KW
3. ม่านหลังคา

ข้อดี

1. อัตราเร่งเหลือเฟือ 540 ม้า ปลายที่ 250 คือเหลือมากๆ แซงได้ทุกช่องที่อยากได้แบบเหลือๆ

2. แอพรถเชื่อมต่อเสถียรดีมาก ยิ่งมีการเชื่อมต่อบลูทูธมาด้วยทำให้การไปในที่อับสัญญาณนั้นไม่มีปัญหาต่อกับรถไม่ได้ เหมาะกับการที่สนันสนุนให้ใช้มือถือเป็นกุญแจรถเลยครับ (แต่ควรจะต้องพกคีย์การ์ดติดตัวไว้เผื่อทุกครั้ง)

3. กระจก 2 ชั้น เงียบจริง ผมเทสที่ความเร็ว 160-180 ยังถือว่าน่าพอใจมาก ยิ่งช่วงความเร็วเดินทางไกล 120-140 คือ เงียบเลย

4. เบาะนั่งสบายมีดันหลัง และมี User Profile เสียดายเบาะคนนั่งหน้าไม่มีเมมโมรี่กับดันหลัง

5. การขับขี่ช่วงล่างและพวงมาลัย

ส่วนตัวผมถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค ช่วงล่างมีความแข็งและเฟิร์มประมาณหนึ่ง พอที่จะรองรับรถที่มีกำลังสูงๆแบบนี้ได้ ไม่นิ่มย้วยเกินไปเหมือนรถจีนทั่วไป แต่ถ้าถามถึงเรื่องความสบายคือไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แข็งเด้งไม่ค่อยถูกใจคนนั่งเท่ากับรถจีน แต่คนขับคือโอเคเลย

พวงมาลัยกับล้อ 21 ถือว่าหนักแน่น คมพอประมาณนึง

แต่ทั้งหมดนี้จะมาออกอาการที่ความเร็วสูง 160++ ขึ้นไป แม้จะเซ็ตมาเฟริมและแข็ง แต่ความเร็วสูงกลับออกอาการกระเด้ง กระดอน ไม่เกาะถนนซะงั้น ถ้าถนนไม่เรียบแล้วมาเร็วๆนี่คือหายนะเลยครับ

6. วงเลี้ยงกว้างไปไหน

ถามว่ารู้ก่อนมั้ยว่า Tesla วงเลี้ยงกว้างกว่าปกติ ก็รู้และอ่านมาก่อน แต่ใช้งานจริง คือเกือบเป็นประเด็นช่วงแรกๆ คิดว่าตีวงมาพอแล้ว โค้งเดิม ทางออกซอยเดิม ยูเทรินเดิม กว้างกว่ารถทั่วไปชัดเจน มีต้องถอยรอบสองรอบบ้าง แต่จุดที่ไม่เคยไป ไม่คุ้นชิน ต้องระมัดระวังเรื่องวงเลี้ยวไว้ล่วงหน้าเลยครับ

7. ฟิมล์กันร้อนและแอร์

หลังจากหาข้อมูลมาซักพัก ก่อนจะซื้อมีแต่คนบอกว่ารุ่นนี้แอร์ไม่เย็นเลย และที่เจอกับ Model 3 3M Crystalline ที่บ้านคือไม่เย็นเท่าไหร่จริงๆและสู้อากาศร้อนไม่ไหว และแต่ล่ะคนแนะนำให้ติดม่าน ไม่ต้องติดฟิมล์

แต่สรุปจากที่ผมลองมา ผมติดฟิมล์ Vkool VK30 รอบคันและหลังคา ปรากฎคือเทสวันที่แดดร้อนมากหลายๆวันก็ยังเอาอยู่สบายๆ ม่านของศูนย์ที่แถมมาผมก็ไม่ติดแล้ว ข้อสังเกตุคือ หลังคาและกระจก 3 บานหลังของ Model Y รุ่นนี้คือมาเดิมๆก็มืดมากแล้ว มาเจอ VK30 เข้าไปอีกคือกลางคืนมองยากมากๆ บวกกับกระจกมองหลังเล็กมาก ทำทัศนะวิสัยกลางคืนแย่ลงมากๆ

ตัวรับสัญญาณ GPS ของ Tesla อยู่ที่กระจกมองข้างนะครับ ไม่ผลกับฟิลม์โลหะเลยครับ สบายใจได้ แต่ต้องใช้แมพที่รถเท่านั้นนะครับ ถ้าใช้มือถือนำทางจะเพี้ยนเลย ส่วน Easypass มีจุดติดแบบไม่ต้องตัดฟิมล์ได้เลยครับ

แอร์ผมเปิดสลับไปมา 21c กับ 22c ในวันที่อากาศร้อนมากๆ 38-39c ก็หนาวเลยไม่มีประเด็นเรื่องแอร์ไม่เย็นเท่าไหร่ครับ

8. การจัดการพลังงาน

มีการเก็บ Log ข้อมูลที่ค่อนข้างดีมาก แต่เอาจริงๆคนที่ใช้มานานจนชินแล้ว ผมดูแค่แรกๆ หลังๆผมก็ไม่สนใจแล้ว แต่จุดที่สังเกตุคือ ตัว Performance ส่วนตัวผมคิดว่าการจัดการพลังงานค่อนข้าง "แย่"

ขับทางไกล 100-120 กินไฟ 15-17kwh/100km ซึ่งถ้ามองว่ารถ 2 มอเตอร์ 500 ม้า กินเท่ากับมอเตอร์เดี่ยว ก็พอเข้าใจได้ (IM6 Performance วิ่งความเร็วประมาณนี้กินไฟประมาณ 20-21kwh/100km ซึ่งผมมองว่าไม่ต่างกันขนาดนั้น เพราะ IM6 แรงม้าเยอะกว่า คันใหญ่กว่าด้วย)

ขับในเมือง คลานๆ กินไฟ 16-20kwh/100km

ขับในเมืองรถติดๆ กินไฟ 26-30kwh/100km

ตั้งแต่ขับมาฝนตกอากาศเย็น ขับ 80 ผมยังไม่เคยเจอ 11-12kwh/100km เลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนมากจะแถวๆ 15-16kwh/100km ตลอด

9. การชาร์จ Supercharger

ข้อดีของ Tesla คือมีจุดชาร์จของตัวเอง อันนี้เป็นข้อแรกที่ผมตัดสินใจซื้อเลย เนื่องจากใช้มา 3 ปี จุดที่น่าเบื่อมากคือ คิวตามปั้มที่คาดเดาไม่ได้ และการเสียเวลาชาร์จ ซึ่งหลังจากใช้มา 10 ครั้ง SC ตอบโจทย์นี้ได้แค่ข้อเดียวคือแทบไม่มีคิวเลย และไม่ต้องหาร 2 กับใคร เวลาเข้าชาร์จคู่

แต่จุดที่ตอนแรกผมว่าดีแล้ว แต่พอไปดูรีวิวรถจีนรุ่นใหม่ๆ ในราคาเดียวกัน กลายเป็นว่า 400V ของ Tesla นั้น ถือว่าชาร์จ "ช้า" จากที่ใช้มาน้อยมากที่เจอ 200KW ต้องใช้จนเหลือต่ำจริงๆแบบ 1x% แล้ววิ่ง 190-200KW แค่แปปเดียวเท่านั้น ส่วนมากจะวิ่งที่ 170-100KW เท่านั้น และหากเกิน 60% ขึ้นไปแล้วจะลดลงเหลือแค่ 80-90KW เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้ามากเมื่อเทียบกับรถจีน ณ เวลานี้

และหากต้องการเข้าตู้อื่นที่อยากจะได้ไฟแรงกว่า 100KW+ ต้องหาตู้ที่ A สูงๆ ส่วนมากตู้ 180KW ถึงจะได้ไฟแรง ซึ่งตอนนี้มีปริมาณไม่เเยอะ และยังต้องไปลุ้นอีกว่าจะมีคิวมั้ย

10. แอพเทสล่าดี แต่ Tessie ดีกว่า

ผมใช้ Android และใช้ Galaxy Watch หากจะต้องการใช้นาฬิกาเป็นกุญแจ ผมต้องจ่ายเงินซื้อแอพ Tessie เพิ่ม (ตัว Standard เพียงพอแล้ว) และการเก็บ Log การขับ และการชาร์จก็ละเอียดกว่าแอพเทสล่าเอง

ตัวแอพ Tesla สามารถกำหนด Limit Charge และกระแสไฟสำหรับการชาร์จ AC ได้แบบ Real Time ซึ่งก็เหมาะสมกับแบต NMC ดีครับ

11. การใช้งานแบบรถไฟฟ้า

ผมรู้สึกว่าการใช้งานไม่สะดวกเท่ารถจีนที่มีพื้นฐานการใช้งานแบบรถน้ำมัน Tesla ใช้วิธีการเปิด/ปิดประตู คือรถตื่นและหลับ ซึ่งถ้าต้องการให้รถติดแอร์ไว้ ต้องกด Camp Mode ทุกครั้ง และหากต้องการเปิดแอร์หลังต้องกดเปิดทุกครั้ง ถ้าไม่มีคนนั่งหลัง

ผิดกับรถจีนที่จะใช้การ On/Off ไปเลย แรกๆที่ผมต้องขึ้นๆลงๆรถและขยับเคลื่อนรถไปมา นั้นค่อนข้างน่ารำคานมาก ต้องกด Camp Mode ทุกครั้ง

และระบบ Auto Lock ช้ามาก ไว้ใจไม่ได้ ควรกด Lock เอง เวลาไปข้างนอกนะครับ

12. ใบปัดน้ำฝน

หายนะรถ Tesla ปัดมั่วไปหมด ฝนตกนิดเดียวก็ปัดเอาเป็นเอาตาย ใบปัดเดิมผมทนใช้แค่ 2 วันเท่านั้น รีบสั่ง Trapo มาเปลี่ยน ดีกว่าใบติดรถเยอะมาก

13. Tesla Map

ใช้งานง่าย เหมือนจะดี แต่ยังไม่ครบเครื่องเท่าไหร่
ความสะดวกในการแชร์เส้นทางจากมือถือ ถือว่าใช้งานได้ดีมาก แต่บางจุดที่ไป ถ้า Local มากๆ คือหาไม่เจอครับ ต้องหาที่ใกล้ๆตั้งหมุดแทน

หลายคนเข้าใจว่า Tesla Map คือ Google Map แต่จากที่ใช้มาหลายๆที่ ตอบเลยว่า ห่างไกลจาก Google Map มากเลยครับ Location ไม่ครบเครื่องเท่า เส้นก็อัพเดทไม่เท่า และที่แย่กว่าคือการจราจรไม่แม่นเท่าไหร่ เจอมาหลายครั้งเส้นจราจรฟ้าเลย แต่ขับไปรถติดแดงเถือกเลย ผิดกับ Google Map ที่ตอนนี้บอกได้เลย ทางคู่ขนาน ในหรือนอกคู่ขนาดที่รถติด ซึ่งดีกว่าเยอะมากๆ

เลยเข้าใจว่าทำไมหลายคนยังต้องใช้ที่จับมือถืออยู่ แต่ส่วนตัวผมทนใช้ไปก่อน ยังพอไหวอยู่ เพราะถ้าใช้จากมือถือคือจะเจอปัญหาฟิมล์กวนสัญญาณทันที

ที่โอเคและแม่นยำคือ % ที่เหลืออยู่หลังจากถึงจุดหมาย และหากเลือกไปที่ SC รถจะทำการอุ่นแบตไว้รอเมื่อใกล้ถึง ก็ถือว่าดีพอใช้ได้

14. กล้องรอบคัน

มีบันทึกไว้ตลอด แต่ถ้าอยากดูต้องดึงมาเสียบคอมเท่านั้น ถ้าจะดูในรถจะดูได้เฉพาะบางคลิปที่มาจาก Sentry โหมดเท่านั้น ก็ยังงงๆว่าทำไมดูหมดเลยไม่ได้

15. ระบบช่วยขับ Autopilot

ทดลองและพยายามใช้อย่างมากแล้ว สุดท้ายจบที่ Autopilot เท่านั้นครับ ไม่สามารถเปิดใช้งาน Auto Steer ได้จริงๆ

ปัญหาของคนขับรถบ้านเราคือขับกันชิดขวา ซึ่ง Autosteer ถูก set มาให้ขับอยู่กลางเลน ซึ่งถ้าเลนซ้ายเป็นรถใหญ่จะเสียวไส้มากครับ และเจอ Phantom Break ไปแบบงงๆ เพราะคันซ้ายเข้ามาขนาบข้างมากเกินไป และที่หนักสุดคือลองเปิดใช้งานทางโล่งบนทางด่วนตอนกลางคืน รถ Phantom Break เกือบตลอดเวลา ไม่รู้เพราะเงาไฟถนนหรือยังไง

สรุปไม่ผ่านอย่างแรงผมยอมแพ้แล้วกับ Autosteer กลัวเกิดอุบัติเหตุมาก

กลับมาที่ Autopilot สิ่งน่าหงุดหงิดมากคือไม่ปุ่ม Resume ต้องทำความเร็วขึ้นไปทุกครั้งแล้วค่อยกด หรือไม่งั้นต้องเลื่อนๆๆๆขึ้นไแจนกว่าจะได้ความเร็วที่อยากได้

16. Batt NMC 75KW

จากที่เคยใช้ LFP 60KW ใน Atto3 ชาร์จเต็ม 100% ทิ้งไว้ได้ มาเจอ ต้องเก็บแค่ 80% x 75 = 60KW คือแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรจากแบตที่ใหญ่ขึ้นเลย เคยพยายามจะชาร์จเต็ม 100% ตอนไปทริป แต่ไม่ไหวจริงๆ 85% ขึ้นไปคือชาร์จช้ามาก เลยใช้ได้แค่ 10-85% พอ แล้วมาเจออัตรากินไฟเยอะๆด้วย กลายเป็นว่าวิ่งได้พอๆกับ Atto3 ซะงั้น

17. ศูนย์บริการ

หลายคนคงงงๆ เพิ่งออกมา เปิด Service ไปทำไม คือผมทำทิชชู่ที่ยัดขอบหน้ากระจกประตูตกร่องลงไปครับ เลยได้ทดลองระบบเปิด Service ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีมาก รายละเอียดครบ นัดเป็นนัด ไม่ต้องอธิบายเยอะ พนักงานเป็นมืออาชีพมาก แต่เสียอย่างเดียวบ้านผมไกลจากรามคำแหงมาก ยังดีที่ไม่ต้องเช็คระยะบ่อยๆ โดยรวมศูนย์บริการดีมากเลยครับ

โดยรวมความประทับใจ จากคนที่ใช้ Atto3 มา 3 ปี แล้วมาใช้ Tesla (รุ่นเก่า) ผมให้คะแนน 6/10 เนื่องจากมีหลายจุดที่ไม่ประทับใจ มีหลายอย่างที่ต้องแลกไป (Tesla ทำไม่ได้ แต่รถจีนทำได้) และหลายๆอย่างที่ดูในยูทูปมาแล้วคาดหวังว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เมื่อเทียบกับราคา 1.8 ล้าน ณ วันนี้

ถามว่าทำไม่ไม่เพิ่มเงินไปเอา Juniper LR ก็ต้องบอกตรงๆว่า ดีไซน์ไม่สวยเลยครับ ไม่โดนใจทั้งผมและภรรยาเลย บวกกับแบต 400V เหมือนเดิม แทบไม่มีความน่าสนใจจะเพิ่มเงินเลยสำหรับผม ที่เหลือแค่ที่ปรับเปลี่ยนไปผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่

ณ เวลานี้ถามว่าอะไรบ้างที่น่าสนใจกว่า เท่าที่ผมดูรีวิวการกินไฟและกราฟการชาร์จ คงต้องบอกว่า Hyptech น่าสนใจกว่า และ IM6 Performance ก็น่าสนใจกว่า

จบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ ยาวไปนิด สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก หากมีข้อไหนที่มียูสที่ใช้อยู่แล้วอยากแนะนำ ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ

- Autopilot รับมือไหว กับมอไซด์บ้านเราที่ชอบมุดกันไหม

- อายุการใช้งาน คาดว่าจะใช้ไปกี่ปี ถึงเปลี่ยนรถใหม่


ปล.ขอไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ซัก 1-2 รอบ ได้ไหมฮะ

ขอถามข้อ 4 เพิ่มเติมทีครับ
เสียงที่เข้านี่ เสียงลม หรือ เสียงล้อ หรืออื่นๆหรอครับ

ที่รับไม่ได้กับ tesla คือ ดีไซน์ทั้งภายนอกภายใน ประกันแพง ดอกเบี้ยแพง แต่ซอฟแวร์ดีสุดละ แต่ถ้าอยากได้ครบๆก็ต้องซื้อเพิ่มอีก

ผมเลยยังตัดสินใจไม่จอง juniper ไป ขอรอดู 7X ก่อน

ถ้า 7x ไม่ไหวคงรอ Xiaomi เลย

Autopilot เท่าที่ผมใช้ของรถที่บ้านมา Tesla BYD Toyota Ford ไม่รอดเลยครับ เบรกหัวทิ่มหมดเลยครับ ถ้าเจอมอไซด์มาปาดเข้าข้างหน้า ในเมืองเปิดไม่ได้เลยครับ

คาดว่าใช้งานซัก 8-10 ปี ก็โละแล้วครับ ตอนนั้นได้ราคาเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละครับ อย่าง Atto ก็คงใช้จนเป็นซากแหละครับ

โคตร Real

ขอบคุณที่สละเวลามารีวิวครับ

เสียงลมครับ ยางยังใหม่เงียบดีครับ PZero แต่อีกซัก 2หมื่นโลผมว่าเสียงยางบดถนนมาเต็มแน่เลยครับ หน้ากว้างขอบ 21 น่าจะดังมาก แต่เสียงลม ผมว่าประทับใจเลยครับ 160-180 ถึงจะเริ่มเข้าครับ

แนะนำรอครับ 7X หรือ YU7 ครับ จากใจ 400V อย่าใช้เลยครับ ผมลองแล้วช้ามากครับ

ซื้อเองใช้เองเลยครับ 555 ตอนนี้คาใจมาก อยากจะกด Hyptech มาอีกซักคัน แต่ไม่มีที่จอดแล้ว

ผมขับEVจีนอยู่ อ่านมู้นี้อย่างละเอียดแล้ว คันต่อไปก็คงเป็นEVจีนเหมือนเดิม

ตอนแรกก็วาดฝัน รอ juniper ว่าออกมายังไงก็น่าจะ 800V ละ ที่ไหนได้พี่ชายมาแบตขนาดเดิม 400V เหมือนเดิมด้วยอีก พับโครงการเลย

ใจก็ยังไม่กล้าไปเล่นเจ้าอื่นนอกจาก เทสล่า ไม่อยากไปเป็นนักสู้หน้าตู้ชาร์จ เวลาออกตจว เดะทริป กร่อย

Juniper ดูในรูปผมว้าวมากนะ แต่พอเจอตัวจริงอย่างจืด เจนเก่าเหลี่ยมมุมดูดีกว่าเยอะ

รีวิวละเอียดจัด เป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจมากเลยครับ

ขอบคุณครับ หวังว่าจะได้ประโยชน์จากกระทู้ผมนะครับ รวมๆ Tesla ควรจะกังวลรถจีนน่ะ ผมว่าถูกแล้วครับ ที่เค้าตั้งกำแพงภาษี ไม่งั้นเละแน่ๆ