ลิโอเนล เมสซี่ ย้ำว่าเขาและ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นคู่แข่งในสนามมาเป็นเวลาหลายต่อหลายปี

ทั้งสองคนเป็นนักฟุตบอลที่กวาดความสำเร็จให้กับทีมของพวกเขาไปอย่างมากมายตลอดเส้นทางอาชีพ เช่นเดียวกับรางวัลส่วนตัวอีกเพียบ

ตอนนี้พวกเขาอยู่ในช่วงบั้นปลายของการค้าแข้งแล้ว โดยที่ โรนัลโด้ เล่นกับ อัล นาสเซอร์ ในซาอุดิ อาระเบีย ส่วน เมสซี่ กำลังค้าแข้งกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ในอเมริกา

พวกเขาเกือบมีโอกาสประชันฝีเท้ากันอีกครั้งในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก แต่ โรนัลโด้ เลือกปฏิเสธที่จะย้ายไปเล่นกับสโมสรที่มีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมสซี่ ยืนยันว่าพวกเขาต่างให้ความเคารพกันและกัน ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อนกันเพราะไม่เคยใช้เวลาร่วมกัน

"ผมเคารพและชื่นชม โรนัลโด้ เป็นอย่างมากสำหรับเส้นทางอาชีพที่เขามีซึ่งยังคงดำเนินอยู่นะ เพราะเขายังแข่งขันในระดับท็อป" เมสซี่ ให้สัมภาษณ์กับ DSports

"การแข่งขันกับเขามันเป็นเรื่องในสนาม เราทั้งคู่ต่างอยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทีมของเรา แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะอยู่เพียงแค่ในสนามเหมือนที่เคย"

"นอกสนามเราก็เป็นคนปกติ เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะเราไม่ได้ใช่เวลาอยู่ร่วมกัน แต่เราก็ให้ความเคารพต่อกันเป็นอย่างยิ่งอยู่เสมอนะ"

คอมเมนต์ของ เมสซี่ ก็เหมือนกับที่เขาเคยพูดเอาไว้หลายปีก่อนและ โรนัลโด้ ก็เคยบอกว่าตัวเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับแข้งชาวอาร์เจนไตน์

มีแต่แฟนบอยนี่หล่ะ

ไม่ต้องเปรียบเทียบกันแล้วมั้ง

พวกรู้มากชอบบอกว่านอกสนามเป็นเพื่อนกัน

เอ้า เมสซี่พูดแบบนี้รอไรละครับ ตีกันต่อเลย

แต่ผมอยู่ฝ่ายฮากตอนมีเรื่องกับโด้ไปแล้ว

เห็นด้วยครับ พรี่โด้ก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน

สองคนนี้เวลามีคนสัมภาษณ์ หรือพูดถึงกันมันก็ประมาณนี้ตลอดอยู่แล้ว ให้เกียรติกันเหมือนเดิมทุกครั้งที่ตอบ
ซึ่งจะพูดถึงกันดียังไงก็ไม่เคยสำคัญสำหรับติ่งทั้งสองฝ่าย 5555

ติ่งตีกันเกือบตายสุดท้ายเขาเคารพกัน ตำนาน คู่แข่งตลอดไป

Factos

ตำนานเค้าเคารพกัน แต่แฟนบอลตีกันไร้สาระ

ผมเป็นติ่งโด้แต่ก็ชอบแมสซี่ด้วย อยากเห็นสองคนนี้เล่นไปให้นานที่สุด ทำไมต้องชอบฝ่ายหนึ่งแล้วต้องเกลียดอีกฝ่ายไม่เข้าใจ

ปล.ฟรีคิกเมื่อคืนนี้งามจัด

จริง ๆ ผมอยากใช้โอกาสนี้เป็นสื่อให้กับโรนัลโด้ ในแง่มุมที่อาจจะไม่ถูกใจแฟนเมสซี่ทั้งหลายสักเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่เพื่อโจมตีใคร — แค่อยากให้เข้าใจความจริงอีกด้าน ที่คนจำนวนมากมักละเลย

โรนัลโด้ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาเริ่มต้นเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดนดูถูก กดดัน และถูกทับถมมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกับเมสซี่

การแข่งขันเริ่มชัดเจนช่วงปี 2006–2007 ซึ่งโรนัลโด้ก้าวขึ้นมาอย่างโดดเด่นในปี 2007–2008 แต่หลังจากนั้น เขาโดนบาร์ซ่าและเมสซี่แซงหน้าไป 4 ปีเต็ม (2008–2012) ที่ทั้งสโมสรและทีมชาติสเปนครองโลก นั่นคือช่วงที่โรนัลโด้ต้องแบกรับคำพูดจา และการตัดสินแย่ๆจากทั้งโลก

แม้โรนัลโด้จะกลับมาคว้าบัลลงดอร์ในปี 2013 และสิ่งที่ตามมาก็คือคำดูแคลนที่ไม่เคยหายไปจากผู้คนมากมาย หลายคนตัดสินพฤติกรรมของเขาว่าหยิ่ง ยโส หรือไม่ถ่อมตน ทั้งที่หลายครั้งเขาเพียงแค่ ‘ตอบโต้’ ต่อโลกที่ตัดสินเขาอย่างไม่เป็นธรรมมาตลอด

และใช่... เขาเปลี่ยนสไตล์การเล่นในช่วงหลัง เพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรังตั้งแต่ปี 2014 เขาไม่เคยได้เล่นให้เรอัล มาดริดในช่วงที่ตัวเอง "พีคที่สุดทางร่างกาย" เลยด้วยซ้ำ

ขณะที่เมสซี่ มีช่วงเวลาที่ระบบของทีมเข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง ทั้งที่บาร์ซ่าในยุคเป๊ป, อาร์เจนติน่าในช่วงคว้าแชมป์โลก, หรือแม้กระทั่ง Inter Miami ที่กลับมาเป็นศูนย์กลางอีกครั้ง

ความอัจฉริยะของเมสซี่ไม่เคยหายไป — แต่เมื่อระบบไม่ซัพพอร์ต เช่นช่วงแรกกับอาร์เจนติน่าหรือ PSG เวทมนตร์ของเขาก็แทบไม่มีพื้นที่ให้แสดงออก

เมสซี่ต้องการระบบที่วิ่งเข้าหาเขา ถูกจังหวะกับเขา ซึ่งไม่ผิด เพราะฟุตบอลคือกีฬาของระบบ แต่ในขณะเดียวกัน โรนัลโด้คือคนที่สร้างผลลัพธ์ขึ้นมาใน ‘ทุกระบบ’ ที่เขาไป

เขาอาจไม่เคยได้เล่นในระบบที่ออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะแบบเมสซี่ และในขณะที่เขารอทีมชาติและสโมสรเข้าสู่ยุคพีค เขากลับต้องเผชิญร่างกายที่โรยรา สวนทางกันอย่างน่าเสียดาย

นิสัยก็แตกต่างกันสุดขั้ว — เมสซี่ดูเงียบ ถ่อมตัว เป็นธรรมชาติ ส่วนโด้ดูแข็ง พูดเยอะ กล้าชน กล้าตอบโต้

สไตล์การเล่นก็เช่นกัน — เมสซี่คือศิลปะบริสุทธิ์ ส่วนโด้คือพลังที่แฝงด้วยวินัย

และในโลกนี้ ผู้คนมักจะชื่นชอบสิ่งที่ดูง่าย เข้าใจง่าย ดูมหัศจรรย์ด้วยตาเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าเมสซี่ได้เปรียบ

ภาพจำของโรนัลโด้ในปัจจุบัน มักถูกจำกัดอยู่แค่ “tap-ins” หรือการยิงง่าย ๆ แปะ ๆ โดยลืมไปว่าเขาเคยเป็นปีกที่โหดที่สุดคนหนึ่งในโลก วิ่งทะลุทะลวง เลี้ยงกินตัว ยิงไกล สร้างโอกาส และทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว

เขาไม่ได้มีพรสวรรค์ในแบบที่ทุกอย่างดู ‘เป็นธรรมชาติ’ แบบเมสซี่ — แต่เขาคือคนที่สร้างความเหนือมนุษย์จากความพยายามล้วน ๆ


แต่สิ่งที่โรนัลโด้ทำ — การเคลื่อนที่ยามไม่มีบอล, การยืนตำแหน่งแบบไร้คนเห็น, การดึงตัวประกับ 1-2 คนตลอดเวลา การคอยกดแนวรับและหาช่องยิงทุกเสี้ยววินาที — ล้วนเป็นสิ่งที่ "คนดูบอลไม่เป็น" มักมองไม่เห็น แม้แต่บางคนที่เล่นบอลเป็น ก็ยังไม่เข้าใจ

เพราะโลกนี้ไม่ให้ค่ากับ Off-the-ball movement, Positioning, หรือการสกรีนพื้นที่ให้เพื่อน... สิ่งเหล่านี้ไม่ถูกบันทึกใน MOTM, ไม่โผล่ใน Rating หลังเกม แต่มีผลกับชัยชนะเสมอ

และนี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คนเข้าใจ ว่าทั้งเมสซี่และโรนัลโด้ยิ่งใหญ่ในแบบของตนเอง

หากจะบอกว่าเมสซี่เหนือกว่าแบบคนละชั้น หรือโด้อ่อนกว่าอย่างสิ้นเชิง — นั่นไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรม แต่มันคือการปฏิเสธสิ่งที่โรนัลโด้แบกมาด้วยตัวคนเดียวตลอดเส้นทางชีวิต

และหากวันนี้โด้จะพูดอะไรแรง ๆ หรือแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่ขัดใจใครบางคน… ผมอยากให้คุณย้อนมองว่าทั้งชีวิต เขาโดนอะไรมา

บางทีคนที่ควรถูกตั้งคำถาม อาจไม่ใช่เขา — แต่คือ ‘โลกที่ไม่เคยเมตตาเขาเลยต่างหาก’

"ท้ายที่สุด ไม่ว่าใครจะเชียร์ใคร ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นความยิ่งใหญ่ในมุมที่ต่างกัน
เพราะเมสซี่คือพรสวรรค์ที่แท้จริง ส่วนโรนัลโด้คือแรงศรัทธาที่ไม่เคยยอมตาย
และผมขอเลือกยืนอยู่ข้างคนที่ล้มแล้วลุก จนยืนได้ด้วยตัวเอง…"

โชคดีจริงๆ ที่เห็นสองคนนี้เล่นมายาวนาน

แฟนบอลบอกกูตีกันเอง พี่ๆเตะไป5555

จ้า พี่โด้คนเก่ง

จะชมโด้ ก็ไม่ต้องด้อยค่าเมสซี่เด้อ