สังเกตุจากการปรับลด GDP และ Moody ปรับลดเรตติ้งประเทศไทย รวมไปจนถึง กูรู นักวิเคราะห์ เจ้าของธุรกิจ นักลงทุนหลายๆคนออกมาพูดช่วงนี้ไปในทางเดียวกันว่าไทยเข้าสู่ survival mode (เอาตัวให้รอดเองนะ) หมดแล้ว ห้างร้านคนน้อยลงแบบเห็นได้ชัด ธุรกิจปิดตัวกันเยอะ เราควรเตรียมรับมือกันอย่างไรบ้าง ยังใช้จ่ายกันปกคิไหม หรือปรับแผนกันอย่างไรบ้างครับ

ผมเองว่าจะไปออก Nissan Serena C28 ตอนนี้เลยพับโครงการไปก่อน ไม่กล้า โทรศัพท์ใหม่ก็ยังไม่ซื้อ กินข้าวนอกบ้านน้อยลง เที่ยว ตจว ตปท ลดๆลง ดูแล้วน่าจะไม่ได้กลับมาง่ายๆ ใครยังไม่ระมัดระวังลองคิดดูดีๆนะครับช่วงนี้


ปล อย่าไปหวังพึ่งรัฐบาลเลย เอาเงินมาแจกเป็นแสนล้าน ไม่ได้ช่วยห่านอะไรเลย คอรับชั่น ฉ่ำๆ ทั้งหลาย ไม่เคยจับคนผิดได้ ตลาดหุ้นแม่มโกงกันกระหน่ำไม่เคยมีใครติดคุก คดีการเมืองศาลก็ตัดสินเอียงตลอดดด จริงๆมีคนบอกว่ามันเป็น fail state ไปแล้วด้วยซ้ำ ช่วยเหลือตัวเองกันแล้วกันนะ

อะไรที่ใช้เงินก้อนใหญ่ต้องเบรคไว้ก่อนจริงๆ อะไรก็ไม่แน่นอน

ยังดีมีบ้านปิดหมดแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าซื้อสด ติดโซล่าเซลล์จ่ายไฟน้อยลง แค่นี้ก็พอละ

ตอนนี้คาใจอย่างเดียว บาทดันแข็ง

business owner *** ธุรกิจผม ลดMan Power ให้สอดคล้องกับรายรับในอีก 2-3 ปี

Employee *** ขยัน รับผิดชอบ จน องค์กร ขาดผมไม่ได้ *กลัวเขาให้ออกเหมือนกัน

INVESTOR *** ตอนนี้ทอง บิทคอย ตราสานหนี้ระยะสั้น USA
หุ้น TU WHA GULF

Self – Employed *** ปกติบรรยายพิเศษ อาจารย์พิเศษ ตอนนี้ได้เดือนละ 2 ชม
พอค่าเหล้า

ก็ยังได้เงิน ทุกวันนะ

แผนผมที่ทำอยู่คือ ฟาร์มเงิน ประหยัด และรอจังหวะลงทุน เตรียมตัวรับแรงกระแทกทุกรูปแบบ

ปีนี้บริษัทผมยังดี มีโปรเจคที่ยิงยาวจากปีที่เเล้ว มาจนถึงปลายปีนี้
งานสร้างบ้าน ของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านนึง เงินชัวร์
ที่ผมกลัวคือปีหน้า เพราะนอกจากงานนี้ งานอื่นๆ ค่อนข้างน้อยลงอย่างชัดเจนเลย

เอาไว้คนใน ss ตกงานสัก 5% ค่อยมาคุยกันเรื่องวิกฤติ

ลดการก่อหนี้ระยะยาว เงินก้อนใหญ่ๆ ไว้

วนลูป รอแจกตัง เลือกเข้ามาใหม่เหมือนเดิม

รอจนกว่าพวกคนจนจะตายห่านไปหมดนั่นแหละ

ของผมยังโชคดี ได้ปรับตำแหน่งช่วงนี้พอดี บริษัทก็ดูแล้วยังไม่กระทบ งบยังดีมากอยู่ จริงๆมีแพลนใช้เงินในหัวเต็มไปหมดเลย แต่พอเห็นสภาพเศรษฐกิจไทยและโลกแบบนี้ คิดว่าวันนึงก็คงกระทบแน่ๆ เลยเก็บเงินก้อนไว้ก่อน ส่วนการใช้ชีวิตก็จะใช้แบบปกติ ไม่อยากให้ความกังวลมาทำให้ชีวิตไม่มีความสุขจนเกินไป

ผมเชื่อว่าทุกคนมีบทเรียนตั้งแต่โควิดแล้วนะว่าจะรับมือกับเงินในกระเป๋าของครอบครัวตัวเองยังไง ใครจะบอกว่าวิกฤติก็เถอะแต่สำหรับผมยังห่างไกล ไว้อาหารตามสั่งข้างทางจานละ100-200ก่อนค่อยมาพูดถึงวิกฤติ

ปรับโครงสร้างประเทศก่อนเลย ภาคเศรษฐกิจควรมองถึงภายในประเทศบ้าง มุ่งแต่ส่งออกหรือ GDP เหมือนเน้นดึงการลงทุนหรือปั่นหุ้น บางทีนักลงทุนต่างชาติเดี๋ยวนี้ก็ไม่อยากมาทำธุรกิจในไทย เพราะจะทำอะไรก็ต้องขอแบ่งเค้ก หรือนักลงทุนในประเทศจะทำอะไรก็ติดเงื่อนไขไปค้ำคอรายใหญ่

แบบนี้เศรษฐกิจไม่ต้องมอง GDP หรอก แค่จะทำอะไรก็ติดนั้น ขอนี่อยู่แบบนี้ โครงสร้างมันเละเทะ แต่ระบบภาคเอกชน มันก็ขับเคลื่อนไปด้วยตัวของมันอยู่ โดยหลายบริษัทและองค์กรเอกชนทำอะไรก็ไม่ได้มองเรื่องนโยบายรัฐแล้วจะส่งเสริมอะไร ทำเองหาเองเลย แค่ทำตามกฎตามเงื่อนไขให้ผ่านพอ แล้วก็เทาๆไปเพื่อให้พวกนี้มันไปให้ไกลพ้นๆ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายในต่อทำธุรกิจกัน

ว่าจะขายรถคันหนึ่งแล้วเปลี่ยน พับแผนไปก่อน
จะซื้อกล้องตัวใหม่ปีนี้ เอาไว้ก่อน
จะลงทุนเพิ่ม...คิดอีกที
สรุป นอนกอดเงินสดอยู่เฉยๆ ให้ผ่านปีนี้ไป รอดูปีหน้า

กำลังจะกู้เงินซื้อบ้านครับ 555555