พอดีเมื่อวานเห็นเพื่อนๆ สมาชิกตั้งกระทู้เกี่ยวกับแฟน Toxic
ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งคนที่ยอมรับว่าตนเองเป็น Toxic จนไปทำลายความสัมพันธ์กับคนรัก

ส่วนตัวไม่เคยรู้เรื่อง Toxic มาก่อนเลยว่าคืออะไร เพิ่งมารู้ตอนภรรยาขอหย่า ตามที่เขาบอก
ก็เลยได้ไปหาข้อมูลต่างๆ ก็จะพบแต่ข้อมูลว่า "นิสัย A การกระทำแบบ A นะ คือ Toxic"
แต่มักไม่มีที่ไหนหรือข้อมูลใดได้เสนอแนวทางแก้ไข ให้คน Toxic หายเป็นคนปกติเลย

ก็ยังตอบตัวเองแบบ 100% ไม่ได้ว่าทำไมหรือสาเหตุอะไร
ที่ทำให้ตัวเองถึงกลายเป็นคน Toxic กับภรรยาจนทำลายชีวิตครอบครัวขนาดนี้
ส่วนตัวมองถึงปมหลังต่างๆ ในใจของตนเองที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก

แต่ก็อยากหายจากเป็นคน Toxic กับคนที่รักจริงๆ ครับ
ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วการที่เรากลายเป็นคน Toxic มันจะรักษาให้หายหรือแก้ให้หายได้จริงๆ ไหมครับ

ตอนภรรยาขอหย่าใหม่ๆ มีไปบจิตแพทย์ ก็ได้แค่ฟังนักจิตบำบัดบอกให้
"ยอมรับและแก้ไข" กับจ่ายยาคลายเครียด ก็ยังรู้สึกว่าไม่ดีขึ้นเท่าไร
ปัจจุบันเหมือนกลายเป็นคนนอนหลับยากมาก หลับๆ ตื่นๆ
มีแต่เรื่อง Toxic ต่างๆ ที่เราเคยทำมันวนเวียนในความคิดตลอด

แค่คิดว่าคนอื่นเขา toxic เราก็ toxic เหมือนกันครับ

ผมว่าการที่ท่านรู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองเคยทำมัน toxic ก็ช่วยได้เยอะแล้วนะครับ

ขนาดตัวท่านเองยังรู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเอง ก็น่าจะทำให้ยั้งคิดได้เวลาจะไปทำกับคนอื่นรึเปล่าครับ

ต้องใจเขาใจเราแบบถึงๆเลย รับรู้อย่างเดียวไม่พอต้องพยายามทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันด้วย เวลาเจอเหตุการณ์อะไรที่กระตุ้นอารมณ์โกรธของเราก็ให้นับ1ถึง10แล้วใช้เวลาวิเคราะห์ถึงสาเหตุจริงๆว่ามันเกิดจากอะไร อากาศร้อน งานเร่ง จังหวะซวย ลองหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้เราโกรธ การวิเคราะห์ตรงนี้มันเป็นแค่มินิเกมหลอกล่อให้เราไม่ทำอะไรที่ขาดความยั้งคิด สมองส่วนหลังเป้นของสัตว์เลื้อยคลานจะตอบสนองสิ่งเร้าได้ไว สมองส่วนกลางเป็นของพวกลิงทำให้รู้จักแบ่งแยกชนชั้น สมองส่วนหน้าเป็นของมนุษย์ทำให้รู้จักผิดชอบชั่วดีและช่วยวางแผนการใช้ชีวิตด้วยความสามารถในการคาดเดาอนาคต คราวนี้เราก็จะไม่เอาสไตลืการคิดแบบสัตว์พวกนั้นแล้ว ดังนั้นจึงต้องหยุดตัวเองให้ได้ก่อนที่จะทำอะไรวู่วาม คิดถึงผลลัพธ์หากทำแบบนั้นลงไป ที่คิดทั้งหมดก็เพื่อจะดึงเราออกจากอารมณ์ชั่ววูบนั้นๆที่จะหลอกล่อให้เรากลายเป็นบ้าไปชั่วขณะ ความบ้าบางครั้งไม่เดือดร้อนใครก็ดีไป บางครั้งเดือดร้อนตนเองคนเดียวก็แย่อยู่ แต่ถ้าคลั่งแล้วคนอื่นซวยไปด้วยอันนี้ต้องหาทางเลี่ยงให้ได้

พยายามตีโจทย์ข้อ1ให้แตกแล้วมาต่อที่สเตป2 ตอนนี้เราใจเย็นแล้วก็มาลองนึกถึงสิ่งที่ละเอียดกว่านั้น นั่นคือจิตใจของคน ลองคิดดูว่าถ้าเขาทำแบบเดียวกับที่เรากำลังจะทำ หากเราโดนมั่งเราจะเป็นยังไง อันนี้คือการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ให้ตัวเอง ขยายการรับรู้นอกจากแค่ตัวเองพอใจให้กระจายไปสู่คนรอบข้าง ลองคิดดูว่าเรารักและให้อภัยตัวเองได้มากแค่ไหน ทำผิดอะไรมาก้ยังคงอยากได้โอกาส แล้วคนอื่นล่ะ ไม่มีใครรักตัวเองน้อยกว่าเราเลย ดังนั้นการไปอารมณ์เสียใส่คนอื่นนั้นก้ถือเป็นอาชญากรรมทางอารมณ์ได้เลย คุณฆ่าเขาไม่ได้แต่คุณสามารถทำให้จิตใจเขาบอบช้ำได้ แน่นอนว่าไม่มีใครในโลกอยากถูกทำร้าย พวกตัวโกงในหนังมันฆ่าคนและหัวเราพสนุกสนาน แต่พอมันจะตายมั่งก็ร้องโหยหวนสุดชีวิต มันก็สะท้อนได้ดีว่าใครๆต่างก็รักชีวิต แม้แต่คนเลวที่สุดก็ยังคงต้องการจะมีความสุข แต่วิธีการของคนพวกนั้นมันเป็นพิษต่อคนรอบข้าง เป็นพิษต่อตัวเอง ก็จัดเป็นวิธีของพวกสัตว์ชั้นต่ำ หากเราอยากเป็นคนเต็มคน เป็นมนุษย์ที่เกิดมาสมกับมีความสามารถในการคิดที่เหนือกว่านั้น ลองพยายามดูครับ ใจสะเทือนครั้งใดก็ให้หาเหตุของมันก่อน ใช้สมองนิ่งๆอยู่กับตัวเองไปสักพัก คิดวิเคราะห์ตามลำดับที่ว่ามา หรือจะเรียบเรียงใหม่ตามชอบใจก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องหยุดคิดซะก่อน ตีโจทย์ให้แตก แล้วท่านจะเห้นคำตอบเองว่าควรจะปฏิบัติกับมันอย่างไร บอลนอกก็แค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด สวัสดี

แค่ท่านอยากแก้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีละฮะผมว่า วิธีแก้ผมว่าลองถามตัวเองก็ได้ฮะว่าสิ่งที่เราทำ ถ้าคนอื่นมาทำกับเราเราไม่สบายใจไหม ผมว่าเป็นวิธีเช็คที่ง่ายและดีฮะ แล้วก็ลองลดๆมันดู

หาคนที่รับได้กับนิสัยเราคับ

นิสัยที่ว่ามา กับบางคนเขาอาจจะไม่รู้สึกว่า toxic ก้ได้

แต่กับบางคนเขาอาจจะอ่อนไหวกับเรื่องนั้นๆ

ฉะนั้นเปลี่ยนตัวเองมันยาก เอาตัวเองไปอยู่กับสังคมที่เหมาะกับเราง่ายกว่า

เอาจริงก็ง่ายๆ ถ้าเราคิด หรือรู้ว่านิสัย A การกระทำ A มัน Toxic (ท่านอ่านมาแล้วคิดว่าตรง) วิธีแก้ก็คือเราไม่ทำแบบนั้นครับ หาวิธีอื่นมาให้ได้ผลลัพธ์เดียวกัน

เราทำอะไรเราหวังผลลัพธ์อยู่แล้วใช่มั้ยครับ เราอยากได้อย่างนั้นให้ไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้หรอก ดังนั้นเราเลยต้องปรับวิธีการให้ได้ผลลัพธ์อย่างเดิม

หาวิธีแก้มันไม่มีหรอกทำอะไรแก้ได้ แก้ที่เราเองนี่แหละ

เปลี่ยนนิสัย ปรับสิ

บางทีสิ่งที่เรากระทำเป็นปกติ มันไม่พอใจ ไม่ถูกใจอีกฝ่าย ก็กลายเป็น toxic ของอีกฝ่ายได้เหมือนกัน
บางทีมองเป็นศัพท์ที่เปลี่ยนมาตามยุคสมัยมากกว่า

เอาแค่คนเราอาศัยอยู่ด้วยกัน มีอะไรถูกใจ ไม่ถูกใจ มันแค่เรื่องได้ปรับความเข้าใจของทั้ง 2 ฝ่าย
มันแค่เรื่องพูดคุยกันเอง หลังกลับจากทำงาน มีเวลานั่งทานข้าว พูดคุยกัน

ปัญหามันจะมีแบบ ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ toxic (หรือทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบ) ทั้งที่มีคนเตือนแล้วซะมากกว่า

คนที่บอกว่าให้หาคนยอมรับนิสัย toxic นี่คือจะพาชีวิตเขาวนเวียนไปกับความวุ่นวายครับ ไม่มีใครจะทนความ toxic ได้ตลอดครับ เพราะมันไม่ได้กระทบแค่คนใกล้ชิดนะครับ บางที่มันถึงคนในสังคมอื่นๆของคน toxic ด้วย นึกถึงเคสอากงฮ่องกงกระทู้เมื่อวานเลย

toxic ไม่ใช่โรคซึมเศร้ามันคนละกลุ่มโรคกัน แยกไปก่อนเลย

คน toxic ส่วนใหญ่ที่ผมเจอ คือ คนที่เอาความคิดความรู้สึกควาทเข้าใจของตัวเองเป็นแกนกลางแล้วให้คนอื่นหมุนตามตัวเองครับ ไม่ว่าด้วยการกระทำในรูปแบบทางร่างกาย คำพูด หรือ จิตใจ โดยมักลืมคิดว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง

สิ่งแรกที่ควรทำให้ได้คือยอมรับว่า “ทุกคนไม่ได้คิดเหมือนตัวเองทุกเรื่อง แม้แต่คนใกล้ชด สนิทแค่ไหนก็ตาม” ยอมรับความจริงเรื่องนี้ให้ได้ นึกถึงคนอื่นมากขึ้น ทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเราให้เป็น

ส่วนหาสาเหตุ ง่ายๆครับ ถามแฟนคุณนั้นแหละ ว่าทนไม่ได้เพราะอะไรถึงหย่า แล้วก็ค่อยปรับสาเหตุให้มันทุเลาลงมา หรือ คุยกับแฟนไม่ได้แล้วถามเพื่อนคนสนิทแทนครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ ยินดีที่ท่านรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นครับ

ผมว่าง่ายสุดเลยคือปฏิบัติกับคนอื่นให้เหมือนที่เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับตัวเราเอง​ ให้เกียรติคน​ และปล่อยผ่านเรื่องเบ็กๆน้อยที่เราไม่ชอบ

เลิกเสพข่าวดราม่า เลิกบ่น คิดบวก พูดดีๆกับเพื่อนมนุษย์

อันดับแรกท่านลองฝึกก่อนครับ ฝึกอะไร ฝึกเลิกติคนอื่น เอาง่ายๆฝึกในบอร์ดที่เราอ่านนี่แหละ แต่ละกระทู้ที่ตั้งชึ้นล้วนเป็นกระทู้ที่ติคนอื่นทั้งสิ้นไม่ว่ามากหรือน้อย และอ่านในคอมเม้นแต่ละเม้น ส่วนใหญ่จะติหรือด่าคนอื่นเกือบทั้งนั้น ท่านอ่านข่าวอ่านเม้น และเราอยากจะติอย่าด่าอยากว่า และหัดลองระงับดูนะครับ ผมก็เริ่มจากตรงนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่สำเร็จนะครับ ค่อยๆฝึกไป มันไม่ได้แก้กันง่ายๆ ต้องค่อยเป็นค่อยไป

เขามีแต่ถ้าเขา toxic แล้วเรา toxic ตาม เราก็ toxic เหมือนกัน

บางทีผมก็เป็น ปากไวและหนักไปหน่อย

ใจเขาใจเราอะช่วยได้เยอะมาก นึกถึงถ้าเราโดนพูดแบบนี้ โดนทำแบบนี้จะรู้สึกยังไง นึกถึงคนอื่นเยอะๆ