คิดว่าพระเจ้าเอกทัศน์อ่อนแอตามที่เราเรียนมาแต่เด็กๆจริงไหมครับ จริงๆต้านทัพพม่าได้ตั้ง 14 เดือนก่อนเสียกรุง

สรุปไม่ได้ครับ
แต่ข้อเท็จจริงคือ เสียกรุง

การยันพม่าได้หลายเดือน จะบอกว่าไม่อ่อนแอก็ได้
แต่การเสียกรุง ก็บอกว่าอ่อนแอได้เช่นเดียวกัน

เกิดไม่ทันซะด้วย ยืนยันให้ไม่ได้จริงๆ

ฟังอีกด้าน จริงไม่จริง ไม่มีใครยืนยันได้

สรุปไม่ได้ครับ
แต่ข้อเท็จจริงคือ เสียกรุง

การยันพม่าได้หลายเดือน จะบอกว่าไม่อ่อนแอก็ได้
แต่การเสียกรุง ก็บอกว่าอ่อนแอได้เช่นเดียวกัน

ยากที่จะออกความคิดเห็นเรื่องนี้ เพราะเกิดไม่ทัน และไม่มีใครรู้จริงซักคน ไทย กับ พม่า ก็เขียนไม่เหมือนกัน

​พม่าตอนนั้นรบชนะจีนยุคเฉียนหลงได้​ ผมว่ายันได้นานขนาดนี้ก็ไม่ธรรมดา​นะ

ผมว่าองค์ความรู้ในยุคนี้ค่อนข้างชี้ไปในทางว่าไม่จริงนะครับ ทั้งหลักฐานจากฝั่งพม่า หากเราตัดเรื่องที่ว่า ห้ามยิงปืนใหญ่เพราะเสียงรบกวนสนมนางใน ก็ค่อนข้างจะชัดเจนนะครับ ว่าพม่าเอาจริงต้านได้นานขนาดนั้นถ้าอ่อนจริงผมว่าไม่น่าจะได้ขนาดนั้นหรอก

ประวัติศาสตร์กระแสหลักที่สอนๆกันในโรงเรียน พยายามยัดเยียดว่า พม่ามาเล่นๆ แค่แฉล้บๆ ผ่านมา แต่คนไทยอ่อนแอเลยแพ้ ซึ่งมันไม่จริงสักนิด จากบันทึกทัพพม่า เขาเตรียมตัวเป็นปีๆ สมัยพระนเรศวรพม่ามาล้อมก็ไม่เคยเกินฤดูฝน รอบเสียกรุงครั้งที่สอง พม่าเล่นต่อแพสู้ ได้แค่นี้ก็ถือว่าเก่งละครับ

เรื่องพระเจ้าเอกทัศอ่อนแอมันมีไว้เคลมความชอบธรรมของสมัยต่อมา ซึ่งก็เป็นปกติของโลกยุคโบราณ กับไว้ใช้สอนประวัติศาสตร์ชาตินิยม โดยมักพ่วงกับคำว่า "สามัคคี" มีคนเปิดประตูเมือง ซึ่งมันเป็นของครั้งที่หนึ่ง เอามาปนกันมั่วไปหมด

ยกเครดิตให้กษัตริย์พม่าในเวลานั้นจะดีกว่าครับ เพราะการตีกรุงศรีไม่ใช่เรื่องง่าย
พระเจ้ามังระเคยมีโอกาสมารบกับกรุงศรีในตอนที่ตัวเองเป็นเจ้าชาย ตอนนั้นพระบิดาสิ้นพระชนม์ไปด้วย พระเจ้ามังระก็คงเก็บเอาปณิธานครั้งนี้ไว้หนึ่งในเป้าหมายหลักในชีวิตเลย และในเมื่อเคยมารบที่นี่ ย่อมรู้ที่รู้ทาง เข้าใจสภาพแวดล้อมและปัญหาเป็นอย่างดี กลับไปก็ใช้เวลาเตรียมทัพ ไล่ตีหัวเมืองรอบด้านทุกทาง สะสมกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญคือเตรียมนวัตกรรมมาไว้รองรับสภาพน้ำหลากได้เป็นอย่างดี ซึ่งปกติกรุงศรีจะใช้น้ำหลากเป็นอาวุธเด็ดไว้ให้ข้าศึกถอยหนีไปเองอยู่เป็นประจำ เรียกว่ารอบนี้ทางทัพพม่าเตรียมการมาเพื่อล้างกรุงศรีให้ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แต่กรุงศรีเองก็ยื้อไว้ได้อยู่เป็นแรมปี ผมว่าก็ไม่ธรรมดาแล้วนะ

ยันไว้ได้ตั้งปีกว่า ไม่อ่อนแอละมั้งครับ…

คงเป็น เก่งเท่าๆผู้นำทัพ หลายๆรัฐ ทั่วไป

ให้คิดๆ เป็นข้ออ้างหนึ่ง ของการแพ้ อะไรประมาณนั้น โทษคนนี้แล้วกัน ง่ายดี

และพม่ามันไม่กลับ หนีน้ำไป เหมือนหลายๆรอบ กับจำนวนทหาร จำนวนอาวุธ กำลัง คงมาเยอะจริง ชี้ขาดไป

ส่วนตัวผมมองอ่อนแอครับ แต่ไม่ใช่เชิงใส่สีตีไข่นะ ที่ห้ามยิงปืนใหญ่นี่เกินไป แต่ในแง่ที่มีเวลาเตรียมตัวตั้งแต่อลองพญามาครั้งแรกห่างนานนับสิบปี ยุทธวิธีก็ไม่ถูกแล้ว แต่งทัพไปรับมือนอกกำแพง ก็ไปแบบทื่อๆ ถ้าอย่างสมัยพระนเรศวร พระเจ้าตาก ร.1 คือต้องมีค่าย ตีตัดเสบียงยัน ให้รบรันพันตูไม่ให้เข้ามาล้อมกำแพงเมืองได้ พอไปทื่อๆเน้นชน คนก็ได้เปรียบจำนวนกว่ายังแพ้กลับมาทุกทาง เรื่องล้อมตีอยุธยาตีไม่ง่ายอยู่แล้วนะ เอาจริงๆพม่าไม่ได้คิดจะหักเอาเมืองเลยด้วยซ้ำ กะล้อมให้ขาดแคลนอาหารมากกว่า ตั้งค่ายอยู่หลายเดือนแต่ตั้งห่างๆไม่ได้ขยับประชิดกำแพงเมืองเลยหลายเดือน จนจีนมาทางเหนือแล้วนั่นแหละ พระเจ้ามังระเลยให้รีบ เค้าถึงเริ่มขยับทำหอรบประชิดกำแพงหมายจะหักเอาเมืองจริงๆ

ไม่ได้อ่อนแอแต่ไม่ได้เก่งอะไร อยุทธยาสมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง ลดอำนาจหัวเมืองไปเยอะด้วยละ ทำให้ หัวเมืองตั้งรับเจอพม่าแตกกระเจิง อีกทั้งชัยภูมิอยุทธยา เป็นเกาะเลยล้อมตีต้องใช้เวลานาน

ต้องถามก่อนว่าคำว่าอ่อนแอคือด้านไหน เพราะถ้ามั่วซั่วอย่างที่เล่าๆกันมาคงอยู่ไม่ได้นานขนาดนั้น แถมทัพพม่าช่วงเวลานั้นก้อโหดด้วย แต่จะบอกว่าเก่งก้อคงไม่ใช่เพราะถ้าบ้านเมืองดีพม่ามันคงไม่บุกมา โดยรวมคงกลางๆไม่ดีไม่แย่ ตำราประวัติศาสตร์บ้านเรามันเชื่อไม่ได้ บางทีเขียนตามความจิงอาจจะโดนคดีเอาดื้อๆ

เจ้าเอกทัศน์ไม่อ่อนแอหรอกถ้าอ่อนแอแกจะได้อำนาจเหรอ แกขึ้นมาเป็นผู้นำทางการเมืองยุคนั้นได้ก็แสดงว่าแกต้องมีขุนนางมีกลุ่มที่คุมกำลังได้อยู่ในความควบคุมของแกเยอะ

กษัตริย์อยุธยาสมัยหลังๆถ้าไม่แน่จริงขึ้นมาไม่ได้นะ พวกที่ขึ้นมาแต่ละคนการเมืองระดับเขี้ยวลากดินทั้งนั้น

ส่วนเรื่องสงครามอยุธยาอ่อนแอมาเรื่อยๆตั้งแต่สมัยปลายราชวงศ์สุโขทัยแล้ว การเมืองภายในไม่นิ่ง ยิ่งช่วงราชวงศ์บ้านพลูพลวง อยุธยาคุมเขมรยังไม่ได้เลย อยุธยาช่วงปลายคุมหัวเมืองได้แค่ไม่กี่เมือง

ไม่ได้ตามจริงจัง แวะเขามาอ่านขำๆ


ตอนนี้เอกทัศน์นี่ underrated ใช่ไหมครับ