ผมลองวิเคราะห์หลายๆแง่มุม จากหลายๆทัศนะที่ท่านแสดงออกมาจากหลายๆคอมเม้นท์ ลักษณะการตั้งคำถาม
จุดประสงค์ของการตั้งคำถาม จนได้ข้อสรุปมาว่า ผมค่อนข้างเห็นด้วย ว่าท่านเป็นENTJจริงๆ หลักๆมาจากคอมเม้นท์ ที่เราคุยกันค่อนข้างเยอะ และ กระทู้ที่ท่านตั้ง 555
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2308801

ก่อนอื่นอธิบายก่อน ว่าทำไมผมถึงเห็นด้วย และวิธีวิเคราะห์ของผมกระบวนการเป็นอย่างไร

ข้อมูล/องค์ความรู้ที่จำเป็นในบริบทตรงนี้ก่อน อย่างที่บอกท่านวันก่อน ว่าตัวผมเองเป็น INTJ
ถ้าจะมีไทป์ไหน ที่กระบวนการคิดและให้เหตุผลใกล้เคียงกับINTJที่สุด ก็ต้องบอกว่าเป็นENTJครับ
INTJ - Ni+Te+Fi+Se และ ENTJ - Te+Ni+Se+Fi จะเห็นได้ว่า เรามีฟังก์ชั่นที่เหมือนกันหมดเลย แต่ที่ต่างกันคือ ลักษณะการเรียงจะสลับกัน แต่สลับกันไม่มาก กล่าวคือ เราใช้Teมากก่อนFiทั้งคู่ คือใช้ตรรกะภายนอก นำค่านิยมส่วนตัว ในการให้เหตุผล แต่จุดต่างที่เห็นชัดๆในพาร์ทการรับรู้และการให้เหตุผลคือ

INTJ = Ni+Te --> คำนึงถึงบริบทโดยรอบ ค่อยเก็บข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง มาวิเคราะห์
ENTJ = Te+Ni --> เก็บข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และคำนึงถึงบริบทโดยรอบ มาวิเคราะห์

จุดที่เรามีเหมือนกัน
- เรามองหาการพัฒนาเสมอ (ที่ปฏิบัติได้จริงด้วยนะ) กับทุกๆเรื่อง ดังนั้นเวลาเราวิเคราะห์ เราวิเคราะห์เพื่อมองหาทางออกแล้วต้องเป็นทางออกที่ดีที่สุดด้วยนะ ไม่ค่อยจะวิเคราะห์เพียงเพื่อเข้าใจบริบท เหมือนที่ ENTPและINTPมักจะเป็น อีกทั้งเราชอบวางแผนด้วยทั้งคู่ ไอที่ว่าหาทางออกที่ดีที่สุด ก็ไม่วายต้องคิดอ่านวางแผนว่ากว่าจะไปสู่ทางออกนั้น ต้องทำอย่างไรอย่างเป็นระบบ
- เราใช้เหตุผลเป็นหลัก และในส่วนอารมณ์จะพยายามกดเอาไว้ โดยเฉพาะเวลาวิเคราะห์ ดังนั้นเวลาเราวิเคราะห์เรื่องที่สังคมมองว่าละเอียดอ่อนเนี่ย เราวางพาร์ทความรู้สึก แล้วมาว่ากันที่ตรรกะกันได้ทันที

จุดที่เราต่างกัน
- โดยรวมภาพใหญ่ เรานำพาเข้าสู่บทสรุปในวิธีการคล้ายกันก็จริง แต่ลำดับการวิเคราะห์ต่างกัน กล่าวคือ ENTJเน้นจับต้องได้ก่อน ค่อยว่ากันที่บริบทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสลับกันกับINTJ เพราะENTJขอผลลัพธ์ไวๆก่อน ค่อยควบคุมความเสี่ยง แต่INTJขอบริหารความเสี่ยงให้ครบก่อนแล้วจึงตามมาด้วยผลลัพธ์ จึงส่งผลให้ENTJมักได้ข้อสรุปเร็วกว่าเวลาทำอะไร(ทำให้ประสบความสำเร็จหลากหลายกว่า) ขณะที่INTJจะได้ข้อสรุปเชิงลึกกว่าแต่ก็จะเป็นข้อสรุปที่มาช้ากว่าเช่นกัน
- ENTJชอบพูดกว่า ขณะที่INTJชอบเขียนกว่า(ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์แบบใช้ตัวอักษรจึงเป็นสนามรบของผม มากกว่าจะเป็นของท่าน ฮ่าๆ)

ทีนี้ผมจะลองBreakdownกระทู้ของท่าน {ผมเองก็วิพากษ์วิจารณ์เรื่องเดียวกับท่านในFacebookอวตารผมเช่นกัน ดังนั้นจะอธิบายมุมของผมต่อความเหมือนและต่างกันของกระทู้เราในปีกกา}

จุดประสงค์ของกระทู้: หาหนทางที่ดีที่สุดสำหรับน้องหยก & หาหนทางที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนที่อยากจะสนับสนุน {ผมก็หาหนทางที่ดีที่สุดแค่เพียงฝั่งของน้องหยก ตรงนี้สอดคล้องมากๆ ENTJจะมุ่งไปที่หลายเป้าหมายในเวลาเดียวกันได้ แต่INTJขอเชิงลึกแค่เป้าหมายเดียวก่อน ค่อยกระโดดไปที่อื่น}

วิธีการลำดับข้อเท็จจริง: ตัดนามธรรมออกไป ขอเพียงแต่Pure Facts ไม่เอาความคิด อุดมการณืมาว่ากัน พอลำดับหลักฐานที่จับต้องได้ อาทิ เช่น แถลงการณ์ 2ฝ่าย / สิทธิพื้นฐาน จนเป็นที่พอใจแล้ว ท่านก็วกมาที่บริบทที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาลที่ยังไม่แน่นอน ความเป็นศัตรูที่มีอยู่ระหว่างโรงเรียนและน้อง {เหมือนกันเป๊ะ แต่ผมเอาบริบทก่อน ว่าน้องเจออะไรมา มีความเป็นศัตรูกัน หรือบริบทอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมั้ย โดยพูดถึงทั้งบริบทนามธรรมด้วย ค่อยวกมาที่การแสดงถึงหลักฐานข้อเท็จจริง ตรงนี้ก็เน้นย้ำไปอีก ว่าเราคิดเหมือนกัน แต่ลำดับก่อน-หลังต่างกัน}

ประเด็นที่เห็นด้วยกับหยก: ท่านเคลมว่าหยกมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะได้เรียนหนังสือ แม้ว่าหยกจะดูก้าวร้าวสำหรับผู้ใหญ่หลายๆคน แต่ท่านมองข้ามตรงจุดนั้นได้ และใช้ตรรกะร่วมกับการวิเคราะห์บริบทโดยรอบ {ตรงนี้เราก็เหมือนเช่นกัน แต่ของผมเสริมอีกด้วยว่า จะสู้แบบนี้ก็มองว่าถูกได้ เพราะหยกนั้นรอไม่ได้ เนื่องจากถูกตัดสิทธิ์เรียนไปแล้ว Insightตรงนี้เพราะผมคำนึงถึงบริบทรวมก่อนค่อยใช้ตรรกะ จึงไม่พลาดที่จะคำนึงถึงข้อนี้ แต่สำหรับท่านใช้Pure Factก่อน บริบทที่น้องถูกตัดสิทธิ์เรียนไปแล้วจึงเผลอถูกท่านตัดออกจากการวิเคราะห์ไป หรือ ไม่ข้อสรุปที่ท่านมีในหัว คือ น้องสู้ด้วยวิธีอื่นก็คงได้เรียนไปแล้ว เลยทำให้ท่านตัดข้อนี้ออกจากการวิเคราะห์บริบทไป}

ประเด็นที่เห็นต่างกับหยก: ท่านเห็นว่าหยกควรจะสู้วิธีอื่น ตามด้วยเหตุผลว่าสุดท้ายต้องไปจบที่รัฐบาลอยู่ดี{ของผมก็ว่าไว้แบบนี้เหมือนกัน แต่เสริมตรงที่แสดงความเข้าใจมากกว่าว่าเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลเป็นหลักในการมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจสู้โดยอารยะขัดขืน เพราะมันไม่ได้รุกล้ำสิทธิ์ใคร Pointนี้ทำให้INTJมีความเป็นLiberalมากโดยธรรมชาติ}

วิธีการวางกรอบการพูดคุย: ท่านทราบดีว่าประเด็นนี้มันละเอียดอ่อน แม้วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา แต่ในบรรทัดท้ายๆ ท่านแสดงถึงความOpen-minded ถึงขั้นสบถว่าตัวเองเป็นConservativeที่โง่และแก่ ตามมาด้วยการเสริมว่าท่านอาจจะหลงลืมมองบางอย่างไป เพื่อให้ความคิดเห็นที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างสันติ และ นำพาสู่ทางออกที่อาจจะดีกว่าที่ท่านวิเคราะห์เอาไว้ {เป็นมุกที่ผมเองก็ใช้บ่อย ถ่อมตัวย่อหน้าสุดท้าย เพื่อลดอารมณ์คุกกรุ่นและเพิ่มตรรกะของคำตอบของผู้อ่าน ผมเราต่างมองหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้จะมาจากเราหรือไม่ก็ตามที อีกทั้งเรามีความพยายามจะควบคุมอะไรบางอย่างอยู่เสมอ การที่เราไม่ลงท้ายแบบนี้ บทสนทนาจะหลุดจากประเด็นที่เราต้องการ ซึ่งเราชอบให้ทุกอย่างมันUnder Control}

สรุป จากที่นั่งถอด กระบวนการคิดของท่าน โดยส่วนตัวค่อนข้างสอดคล้องกับความเหมือนและต่างของเราทั้งคู่ในประเด็นใหญ่ๆของคน2ไทป์นี้ โดยส่วนตัวถึงขั้นไปไล่อ่านความเหมือนและต่างกันของ2ไทป์ใหม่เลยเพื่อนำมาวิเคราะห์ 555 ซึ่งถ้าสมมติฐานนี้ถูก การคาดเดาของผมก็น่าจะถูก ว่าการที่ENTJของท่านได้แค่84คะแนน มันแปลว่าท่านใช้ฟังก์ชั่นTeของท่าน ที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อมาตอบนั้น หลักฐานที่ว่าในความทรงจำหรือการวิเคราะห์ของท่านมันต้องจับต้องได้ในระดับนึง ดังนั้นอะไรที่สุดท้ายท่านไม่ชัวร์ ก็เลยเลือกตอบตรงกลางทั้งหมด ส่งผลให้คะแนนสุดท้ายแม้จะออกมาไม่สูง แต่ก็ยังโดดเด่น เนื่องจากห่างกับอันดับ2พอสมควรเลยทีเดียว

ถ้าผมวิเคราะห์พลาดตรงไหนขออภัย ถถถ