ช่วงนี้จากกระแสการเรียกร้องถึงความไม่เป็นธรรมในการฉายหนังเรื่องขุนพันธ์ 3 ว่า จำนวนรอบฉายน้อยเกินไป อาจจะไปกีดกันการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็น

ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นเรื่องนี้ ทั้งๆที่การลดรอบฉายหนังที่อาจไม่ทำเงิน มีมานานมากแล้ว และโดนทั้งหนังไทยและเทศ อย่างเดือนมกราคมก็วัยอลวน 5(หนังไทย)

คือเรื่องขุนพันธ์ 3 มันมีอะไรพิเศษหรือครับ?

มาจากเรื่องนี้ก่อนอะผมว่า

ก็เห็นเค้าว่าลดรอบขุนพันต์แล้วไปเพิ่มรอบให้หนังเรื่องทิดน้อยอ่ะครับมันเลยเป็นประเด็น จริงไม่จริงก็ไปคุยกับเค้าเอาละกัน

มันมีประเด็นกับเรื่องทิดน้อยที่เข้าฉายมาเกินเดือนแล้ว แล้วเมเจอร์คนออกทุนสร้างหนัง จัดโปรเพิ่มรอย ลดเงิน ให้ทิดน้อย ส่วนขุนพันธ์เข้าสามวันลดรอบ ก็ไม่รู้ใครจะทำรายได้มากกว่ากัน ทิดน้อยลดราคาเหลือ 39 บาท จริงขุนพันธ์มันก้ทำเงินแหละ ไม่ใช่ไม่ทำ รายได้ทั่วประเทศก็ 40 ล้านแล้ว สุดท้ายเมเจอร์ได้ตังส์เหมือนเดิม ในเมื่อขุนพันธ์มีกระแส 55

ขุนพันธุ์ 6วัน ได้41 ล้าน แต่โดนลดรอบ ไปเพิ่มให้หนังที่ฉายไปเป็นเดือนพึ่งได้60-70 คุณว่าแฟร์ไหม

เพราะขุนพันธ์กำลังทำเงินแต่โดนลดรอบ โดนตัดราคาที่หน้าเกลียดสุดก็เอาโปสเตอร์ตัวเองไปแปะหน้าโปสเตอร์หนังเขาอีก มันน่าเกลียดไปเอาทุกทางแบบนี้ ถ้าขุนพันธ์ไม่ทำเงินก็ว่าไปอย่างนี่เหมือนเตะตัดขาทุกทาง

มีโตโย่นำแสดงครับ

ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะได้รอบฉายน้อย หนังยาวเกือบ 155 นาที ยาวกว่าหนังใหญ่ๆทุกเรื่องในโรงช่วงนี้

เทียบกับ Ant man(125), Creed 3(115), ทิดน้อย(105), หมีคลั่ง(95), เธอกับฉันกับฉัน(120), missing(110)


กินเวลาเยอะกว่าชาวบ้านเยอะ ส่วนประเด็นไม่สนับสนุนหนังแนวอื่นนี่อย่างที่เคยตอบไปว่า ขุนพันธ์ก็ซ้ำซากเหมือนกันแหละ

ทำเหมือนเป็นหนังอินดี้ทุนต่ำไปได้

ประเด็นคือ ลดราคาเรื่องทิดน้อย แล้วมีคนเข้าไปดุหรอ

ถ้าผมดูแล้ว ผมก็ไม่ดูซ้ำนะ

ก็ขุนพันธ์ 3 เพิ่งเข้า รายได้ก็ดี แล้วอยู่ดีๆ รอบลดแบบงงๆ แต่ทิดน้อย ฉายมาเป็นเดือนๆละ รอบงอกเฉย
มันก็ตลกดี

ผมว่าน่าจะคนละกรณีกันนะครับ เรื่องนี้เหมือนแกขอให้ช่วยกันไปดูถ้าไม่ไปดูแกจะล้มละลายบลาๆ

แต่ขุนพันธ์โดนลดรอบฉายตั้งแต่ช่วงเข้าใหม่ๆ และโดนลดราคาหนังเก่าปาดหน้าตอนเข้าฉายอีก

รอบน้อยกว่าทิดน้อยไง​ทั้งที่หนังพึ่งฉายวีคเดียว​ ทำเงินได้เยอะพอสมควรด้วย​ ไม่ได้แป้ก(พวกด่าหนังกากส่วนมากไม่ได้ดูจริง+อ่านข่าวไม่ครบแปดบรรทัดด้วย​ ชาวเน็ตอะ)​

ที่มันเป็นประเด็นเพราะ

1. หนังมันกระแสดี เปิดตัวได้ตังเยอะสุดของบรรดาหนังไทยในรอบปีนี้ แต่ฉายได้แค่ 3 วัน (วันธรรมดา) พอมา weekend แรกที่เป็นช่วงสำหรับทำเงินปุ๊ป โดนโรงลดรอบฉายเลย ทั้งๆที่ปกติตอนวันเสาร์อาทิตย์ของวีคแรกเค้าจะยังไม่ลดรอบฉายก่อน ยิ่งกระแสดีแบบนี้อย่างน้อยสัปดาห์แรกก็ควรให้ยืนโรงฉายต่อ

2. มันไม่ได้มีหนัง blockbuster ใหญ่ๆเข้าเท่าไหร่ช่วงนี้ ถ้ามันโดนหนังฟอร์มใหญ่เบียดก็พอเข้าใจได้ แต่นี่กลับโดนเบียดด้วยหนังไทยอีกเรื่องที่ยืนโปรแกรมฉายมาเป็นเดือนแล้ว

3. ซึ่งไอเรื่องนี้แหละ เป็นประเด็นสุด คือค่าย M เขาลดรอบขุนพันธ์ เพื่อไปเพิ่มรอบให้กับหนังไทยอีกเรื่องนึง (ทิดน้อย) ซึ่งเป็นหนังในเครือของค่าย M ที่ลงทุนทำหนังเอง ทิดน้อยยืนโปรแกรมมาเกือบเดือนแล้ว (ทำรายได้ไป 20 กว่าล้านเอง) ทั้งๆที่ก่อนหน้าขุนพันธ์เข้า เรื่องนี้ก็โดนลดรอบไปแล้ว แต่อยู่ดีๆพอขุนพันธ์เข้าดันเพิ่มรอบ+อัดโปร 39 บาทมาตัดขา


ที่เล่ามาทั้งหมด มันคือการใช้อำนาจผูกขาดของโรงหนัง เพื่อตั้งเงื่อนไขการค้าที่ไม่เป็นธรรม เตะตัดขาหนังของค่ายอื่นเพื่อดันหนังของตัวเอง ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็น

อ่านแล้วก้แปลกๆ ถ้าแบบนี้ก้ตามกฏเค้าจะทำไรโรงเค้าก้ได้หนิ หนังไม่ใช่ปัจจัย4ที่ต้องควบคุม

เหมือนเราเปิดร้านเอง เราเอาของที่เราผลิตมาขาย มาลดราคา มาตั้งโชวหน้าร้านเป็นชิ้นแรก มันก้เรื่องของเราหนิ ดราม่าอะไรกัน

https://www.soccersuck.com/boards/topic/2265337/
ยกเอากระทู้เรื่อง หุ่นพยนต์ ของสมาชิกอีกท่านมาละกัน

มันไม่ใช่แค่เรื่องโดน "กีดกันการค้า" ซึ่งๆ หน้าแบบนี้ครับ เพราะที่สุด ฟากโรงหนังคู่กรณี ก็อ้างเรื่องกลไกตลาด เรื่องกำไรขาดทุน ยืนยันการตัดสินใจตนเองอยู่ดี

เรื่องการลดรอบแบบดื้อๆ ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยและนานแล้ว ผิดแต่หนังเรื่อง ขุนพันธ์3 ค่ายหนังเจ้าใหญ่ "เจอดี" เข้าจังๆ เสียงค้านเลยดังหน่อย
เพราะถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เตรียมเจอปรากฏการณ์ "เทโรง" จนที่สุดก็จะเหลือแต่หนังไทยจากค่ายไม่กี่เจ้าที่โรงหนังเป็นเจ้าของ หรือค่ายที่ว่าง่ายกับโรงหนังนั้นๆ

แล้วจากที่อ่านทัศนะและกระแส สุดท้ายโรงหนังก็จะถือไพ่แต้มต่อแบบนี้ต่อไป จนกว่ารัฐบาลจะลงมาแก้ไข (ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลนี้แน่นอน) เพราะพวกไม่ดู ยังไงก็ไม่ดูอยู่ดี แต่อาจไม่ทำซึ่งหน้าง่ายๆ แบบคราวนี้แล้ว