จากช่วงหลายเกมส์ที่ผ่านมา มาร์คัส แรชฟอร์ดถือว่าเรียกฟอร์มกับความมั่นใจดีขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งดูจากการสัมภาษณ์ทั้งตัวแรชฟอร์ดเองและเอริค เทน ฮากดูจะพอใจกับทิศทางการพัฒนาของเจ้าตัว และเจ้าตัวก็รู้ดีว่าปีก่อนหน้านี้ผลงานไม่ได้เรื่องเลย โดยที่ปัญหาจริงๆของช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของมาร์คัส แรชฟอร์ดคืออาการบาดเจ็บและ position ในการเล่น

ปีก่อนนี่มันฟอร์มเละเทะกันทั้งทีม และถ้าดูกันจริงๆ แรชฟอร์ดมันลงเล่นรวมเวลาทั้งหมดแค่ 13 เกมส์เท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปีที่เดบิวต์มาเลย

มาปีนี้ร่างกายดูฟิตขึ้น ปราดเปรียวขึ้นจากปีก่อนชัดเจน และมีอีกสิ่งที่แตกต่างเป็นอย่างมากที่ผมอยากให้ทุกคนดู คือตำแหน่งการเล่นของ Rashford

รูปนี้คือ Heat map ตลอดทั้งฤดูกาลช่วงที่โซลชาร์คุมทีมปี 2019-20 และ 2020-2021 โดยที่แรชฟอร์ดยิง 22 และ 21 ประตูตามลำดับ


ส่วนรูปซ้ายมือคือปีที่แล้วช่วงที่รังนิคคุมทีม และด้านขวคือ Heat map ของฤดูกาลนี้ ยิงได้ 4 ประตูเท่ากัน



จะเห็นได้ชัดเลยว่าในช่วงปีที่แรชฟอร์ดยิงประตูได้เยอะ แรชฟอร์ดพาตัวเองไปยืนในกรอบเขตโทษบ่อยกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา เอาแค่ช่วงฤดูกาลนี้ก็เข้าไปในเขตโทษมากกว่าปีก่อนทั้งปีแล้ว

ส่วนนึงมันมาจากแผนการยืนตำแหน่งในเกมรุกของราล์ฟ รังนิคที่พยายามเล่น 4-2-4 เวลาครองบอล ทำให้ปีกทั้งสองข้างต้องขยับออกไปยืนชิดเส้นขอบสนาม ซึ่งมันทำให้จำกัดโอกาสที่จะขยับเข้าใกล้ปากประตู ให้มาจากการ cut inside เท่านั้น

ตัวแรชฟอร์ดนั้นไม่ใช่ปีกธรรมชาติ ที่สามารถเล่น wing play ได้ดีเหมือนปีกแท้ๆอย่างไรอัน กิ๊กส์ แต่เป็นหน้ากึ่งปีกในสมัยใหม่เช่นเดียวกับพวกโรนัลโด้ ซาล่าห์ มาเน่ ฯลฯ

เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ผลงานของมาร์คัส แรชฟอร์ดเหมือนหยุดพัฒนาไปดื้อในปีที่แล้ว จนถึงขั้นมีข่าวจะย้ายทีม

พอมาในปีนี้เหมือนเจ้าตัวจะกลับมามี Attitude การเล่นที่ดีมากขึ้นอีกครั้ง สำหรับผมคิดว่ายังไม่สายไปสำหรับแรชฟอร์ดที่เพิ่งอายุ 25 ปีเท่านั้น ในช่วงอายุเท่านี้อาจจะมีแค่รูนี่ย์และโรนัลโด้ที่ยิงให้ทีมได้เยอะกว่า


อีกสกิลนึงที่โผล่ขึ้นมาคือการเทคตัวโหม่ง ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้เห็นลูกลักษณะนี้จากมาร์คัส แรชฟอร์ดน้อยมาก ตอนนี้เจ้าตัวดูจะมั่นใจมากขึ้นในการกระโดดโหม่งเอาชนะกองหลัง



จังหวะนี้หลายคนน่าจะจำได้คือโอกาสปิดเกมนัดเสมอนิวคาสเซิ่ลในช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายที่พลาดไป


มาแก้ตัวทำประตูจากลูกโหม่งเสาแรกในเกมกับเชอริฟฟ์



อีกโอกาสทำประตูในเกมล่าสุดกับเวสแฮม


และประตูชัยเกมล่าสุด



ผมไม่ได้คิดว่ามันจะถึงขั้นเป็นเทพเจ้ากลางอากาศได้แบบโรนัลโด้หรอก แต่ส่วนนึงที่แรชฟอร์ดต้องเข้าใจคือเหมือนที่อองรีพูดว่าให้ยิงเล่นทางบ้างและหาตำแหน่งที่เข้าไปยิงลูกง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องทำประตูสวยๆตลอดเวลา

คนอื่นคิดว่ายังไงกับมาร์คัส แรชฟอร์ดครับ เรายังสามารถคาดหวังได้มากแค่ไหน สำหรับผมถ้าได้ซักแบบมาเน่หรือซอน เฮือง มินถือว่าเสมอตัวแล้วกับ Potential ตัวเอง

ผมว่า แรชฟอร์ด จะไปไกลกว่านี้ถ้าได้ทีมเราได้ มาซิยัล กลับมายืนหน้าเป้าแทนโรนัลโด้ ผมคิดว่าแรชกับโด้เล่นไม่เข้ากันเลยสักนิด แต่มาซิยัลแทบทุกนัดที่ได้เล่นกับแรชฟอร์ดจะคลิ๊กกันมากๆ ถ้ามาซิยัลยืนระยะนานๆได้ ผมคิดว่าสองคนนี้โหดมากแน่ๆ และตรงนั้นจะ unlock potential ของทั้ง 2 คนได้

อีกอย่างคือระบบทีมด้วย ตอนนี้ทีมเซทระบบที่ต่างออกไปมาก และแรชแสดงให้เห็นว่าเริ่มจะเป็นคีย์แมนของระบบเทนฮากได้ ถ้าระบบคงที่แล้ว แรชได้ตำแหน่งชัดเจน หน้าเป้าตรงสเปคเทนฮากแล้ว ผมว่าเขาก็ไปได้ไกลขึ้นอีก คือเรื่องสกิลส่วนตัวผมว่าแรชไปสุดตั้งแต่ปีที่เจ็บไหล่แบกทีมจบที่ 3 แล้วหละ ไม่น่าเก่งกว่านี้แล้ว แต่เรื่องเซนส์ เรื่องความเข้าใจระบบ การเล่นร่วมกับเพื่อน มันเป็นปัจจัยที่พัฒนากันต่อได้อีกยาวๆครับ

evo ได้ก็ดี เพราะเป็นนักเตะอังกฤษลูกหม้อสโมสร อยากให้เก่งๆ
แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะ

จังหวะนี้เพลงขึ้นแล้ว

ขอให้ยิงได้สม่ำเสมอก็พอใจละ ไม่ต้องหวือหวาสกิลแพรวพราวอะไรหรอก ไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง แต่ก็นะ..ชีวิตคนเราดำเนินต่อไปได้ด้วยความหวัง 5555555555555

ถ้า evo ได้จริงๆก็เสียดาย กว่าจะเจอโค้ชที่ช่วยให้ฝีเท้าพัฒนาได้ เสียเวลาไปเปล่าๆ3-4ปี

ตาดหวังที่ 15 ประตู 7 แอสซิส ในลีคเป็นอย่างน้อย ถ้าเทียบกับ ค่าเหนื่อยและเบอ10 ของทีม

ผมว่า แรชฟอร์ด จะไปไกลกว่านี้ถ้าได้ทีมเราได้ มาซิยัล กลับมายืนหน้าเป้าแทนโรนัลโด้ ผมคิดว่าแรชกับโด้เล่นไม่เข้ากันเลยสักนิด แต่มาซิยัลแทบทุกนัดที่ได้เล่นกับแรชฟอร์ดจะคลิ๊กกันมากๆ ถ้ามาซิยัลยืนระยะนานๆได้ ผมคิดว่าสองคนนี้โหดมากแน่ๆ และตรงนั้นจะ unlock potential ของทั้ง 2 คนได้

อีกอย่างคือระบบทีมด้วย ตอนนี้ทีมเซทระบบที่ต่างออกไปมาก และแรชแสดงให้เห็นว่าเริ่มจะเป็นคีย์แมนของระบบเทนฮากได้ ถ้าระบบคงที่แล้ว แรชได้ตำแหน่งชัดเจน หน้าเป้าตรงสเปคเทนฮากแล้ว ผมว่าเขาก็ไปได้ไกลขึ้นอีก คือเรื่องสกิลส่วนตัวผมว่าแรชไปสุดตั้งแต่ปีที่เจ็บไหล่แบกทีมจบที่ 3 แล้วหละ ไม่น่าเก่งกว่านี้แล้ว แต่เรื่องเซนส์ เรื่องความเข้าใจระบบ การเล่นร่วมกับเพื่อน มันเป็นปัจจัยที่พัฒนากันต่อได้อีกยาวๆครับ

ขอ 3 อย่าง ถ้าทำได้ ผมว่าครบเครื่อง

1.ไม่บ้าเลี้ยง ไม่บ้ายิง ส่งได้ส่ง
2.ยิงเล่นทาง
3.โหม่ง

คือตอนนี้มันมีทุกอย่างพร้อมมากๆอะ ทั้งความเร็ว ทักษะ การหาพื้นที่ ฤดูกาลนี้ไม่มีเกมไหนเลยที่แรชหาจังหวะยิงหรือหลุดเข้าไปในกรอบไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่พอหลุดไปได้ ชอบทำหมูหกเอง ถ้าปรับ 3 อย่าง ผมบอกเลย โคตรโหด

เห็นด้วยเลยครับ สำหรับผมแรชฟอร์ดช่วงก่อนเบรคโควิดเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ ถ้ารักษาฟอร์มแบบนั้นได้เรื่อย ผมว่ามันก็ใกล้เคียงกับมาเน่หรือซอนเลย

เสียดายอาการบาดเจ็บเรื้อรังตอนนั้น ลามส่งผลระยะยาวแบบที่หลายคนกังวลกันจริงๆ

ได้ประมาณนี้แหละ ไม่ไปกว่านี้

ถ้าได้จับคู่กับมาร์กซิยาลยาวๆ อาจทำให้อีโวได้ไวกว่านี้อีก

กลัวจะพากันไปนอนโรงพยาบาลมากกว่า

ผมว่าไปได้ ร่างกายดีอยู่แล้วทั้งความเร็วและเทคนิค สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผม ฤดูกาลนี้คือ การยืนตำแหน่งแกดีกว่าเดิมเยอะทั้งหน้าเป้าและปีกซ้าย รวมถึงจังหวะกาวๆให้คนอีหยังว่ะน้อยลง แสดงให้เห็นว่าเรื่องการตัดสินใจดีขึ้น

ส่วนเรื่องความคมมันฝึกกันยาก อย่างอองรีสอนแรซให้นิ่งๆหน้าปากประตู ถ้าทำได้แบบอองรีทุกคน ไม่ต้องซื้อกันแล้วนักเตะ 80-90 ล้านปอนด์ ของแบบนี้ต้องประสบการณ์สะสมกันไปจนมันนิ่งเองในจังหวะหรือสถานการณ์นั้นๆ ยกเว้นพวก born to be

สิ่งที่ต้องชมพี่สิบเลยคือแกทำให้นักเตะดูกระหายต่างจาก คนก่อนๆ แต่นี่ทุกตัวเล่นดีหมดกระหายชัยชนะ

ต้องการจะทำผลงานให้ดีขึ้น ยกเว้นกัปตันนะเพราะแกเล่นไม่เปลี่ยนตัวเองเลยแต่แมตซ์ล่าสุดไม่นับช้าเรื่องการจ่ายบอลถือว่าเล่นได้ดีเลย

ดู เด เคอา แรช หมาก หลักๆ 3 คนนี้กระหายสุดๆ เด ออกมาเล่นบอลนอกรอบบ่อยมาก

แรชขยันขึ้นใช้สมองมากขึ้นเติมเข้ากรอบมากขึ้นจมูกไวกว่าเดิม

หมาก ขยันวิ่ง เล่นเพื่อทีมกระตือรือร้น ปกติยืนอย่างเดียววิ่งจ๊อกกิ้ง

และอีกหลายๆ ตัวด้วยเพราะกฏของพี่สิบคือเล่นดีลงยาวเล่นกากดร็อปทำให้นักเตะต้องแข่งกันทำผลงาน

แล้วมันเป็นผลดีกับทีมไปด้วยตอนนี้อยากเห็นหมากที่สุดเพราะตั้งแต่พี่สิบเข้ามาคุมแกทำผลงานได้โครตดี

ขนาดลงนิดเดียวเจ็บแต่มียิงมีแอสซิชมียิงประตูเกือบทุกรอบที่ลง