ที่มา : https://www.modernist.life/jsl-2021/
ที่มา : https://www.songsue.co/5138/

หลายคนคงจะรู้จัก “เจเอสแอล” ในฐานะบริษัทที่ผลิตรายการโทรทัศน์และรับจัดงานกิจกรรมต่างๆ มากมายอยู่ใช่ไหมครับ? แต่ทราบไหมว่าในช่วง 3 ปีให้หลัง เจเอสแอล หรือ “บริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด” ตกอยู่ในสภาวะ “ขาดทุน” แค่ปี 2564 ร่วม 57 ล้านบาทเลยทีเดียว เกิดอะไรขึ้นกับเจเอสแอล? ติดตามจากบทความนี้ได้เลยครับ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย เริ่มก่อตั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2522 โดยในช่วงแรกเน้นผลิตรายการให้กับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ท.ท.บ. 5) หลังจากนั้นก็ได้ขยายสายงานการผลิต สร้างสตูดิโอ รวมไปถึงรับจัดกิจกรรมต่างๆ และยังเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนในด้านของการทำสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายอีกด้วย

รายการต่างๆ ที่เป็นที่นิยม ถ้าให้ไล่เรียงกันก็คงจะเยอะ ไม่ว่าจะเป็น “เจาะใจ” “กิ๊กดู๋ สงครามเพลง เงินล้าน” “ตามสัญญา” หรือรายการในอดีตอย่าง “คอนเสิร์ต คอนเทสต์” “วิก 07” “พลิกล็อก” “จันทร์กะพริบ” หรือแม้กระทั่งละครอย่าง “ละอองดาว” และการจัดงานใหญ่ๆ อย่าง “ASIAN GAMES ครั้งที่ 13” ที่จัดที่กรุงเทพฯ พิธีเปิด-พิธีปิดก็ผ่านมือเจเอสแอลมาหมดแล้ว

ถ้าดูผลประกอบการในปี 2559 – 2561 จะพบว่ารายรับของเจเอสแอล เริ่มลดน้อยลงหลักหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็มาจากภาวการณ์แข่งขันที่ไม่เหมาะสมกับมูลค่าโฆษณาที่เกิดขึ้นจริง กล่าวคือมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่การลงทุนกับเม็ดเงินโฆษณากลับลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด



ปัจจุบันถ้าดูผลประกอบการในปี 2562 – 2564 จะพบว่ารายรับของเจเอสแอล เริ่มลดน้อยลงหลักหลายร้อยล้าบบาทเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็มาจากภาวการณ์แข่งขันที่ไม่เหมาะสมกับมูลค่าโฆษณาที่เกิดขึ้นจริง กล่าวคือมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่การลงทุนกับเม็ดเงินโฆษณากลับลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับเจเอสแอลมีรายการที่อยู่ในความดูแลน้อยลง ปัจจุบันมีเพียง 4 รายการที่อยู่ในความดูแลของเจเอสแอลเท่านั้น โดยอยู่ในช่อง 7HD และช่อง 9MCOT HD เป็นหลักเท่านั้น



ทางแก้ที่เจเอสแอลเลือกที่จะใช้ก็คือ การโยก “กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน” ให้ไปอยู่ในความดูแลของ PPTV กล่าวคือเป็นการโยกรายการให้ PPTV รับภาระการผลิตรายการไปเป็นเวลา 3 ปี และแบ่งค่าโฆษณากับเจเอสแอลเอา ข้อดีก็คือเจเอสแอลไม่ต้องดูแลภาระตรงนี้ไป แต่ข้อเสียเลยก็คือเจเอสแอลจะไม่ได้คุมลิขสิทธิ์ของตนเองที่เคยมีอยู่นั่นเอง

โดยเฉพาะการกลับมาจูบปากระหว่างช่อง 7HD และเจเอสแอล ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยส่ง 2 รายการลงช่วงเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ คือ “ไมค์คู่ไม่รู้ใคร” และ “มาลัยไฟท์เตอร์” ซึ่งทั้ง 2 รายการเริ่มสร้างฐานผู้ชมได้ในระดับหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็แปลงบริษัท สตูดิโอ แอคทิฟ จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท จูเวไนล์ จำกัด เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยมีคณะกรรมการบริษัท ได้แก่ รติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์ และกฤษฏิ์ ชูพินิจ โดยรับเป็นผู้จัดละครทางช่อง 3 คือ เกมรักทรยศ และละครทางไทยพีบีเอสอีกหลายเรื่องเลยทีเดียว

ป๋ากิ๊กว่าไงบ้างครับ

แอบเสียดายเจาะใจอะ มีหลายตอนเลยที่ผมชอบมาก

เขาช่วยอะไรป๋าได้ไหม?

แกมีบริษัทของแกอยู่แล้วนิ ที่ทำกับเจเอสแอลคือเขาจ้างมา ไม่ได้เป็นเจ้าของจริงๆ

สมัยอยู่ช่องน้อยสี มี ผบห. พูดเสมอว่าทีวีไม่มีวันตาย ก็ถูกของเขาแต่ที่มันจะตาย

เพราะการถูกดิสทรับเนี้ยแหละ ทีวีช่องธรรมดาจะอยู่ไม่ได้แน่นอน ถ้าไม่ปรับตัว

รู้จักแต่ เจาะใจ ถึงไม่ได้ดูมานานแล้ว รายการอื่นๆ ไม่ได้ตาม

คงอยากล้างไพ่ใหม่มากกว่า ผบห ไปตั้ง บ.ใหม่ รายการที่ยังกำไร คงโยกไป บ.ใหม่ แต่ที่น่าเกลียดคือจ่ายชดเชย 16% เนี่ยแหละ

ตกยุคแล้วมั้ย

หมายถึงมีความเห็นยังไงบ้างครับ

เป็นบริษัทที่ได้มีโอกาสเข้าไปฝึกงาน
สมัยเครนยังใช้คนโหน กระโดดกันอย่างมัน

ผบห บริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของช่องเคเบิลทีวีตอนนั้นเคยย้อนผมเหมือนกัน คุยกันเรื่องอนาคตของช่องทีวี ตอนนั้นผมบอกไปว่าตายแน่อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่ อีกหน่อยคนจะไม่ค่อยดูทีวีกัน เขาสวนผมว่าไม่มีวันตายแบบนี้เลย จริงๆ ตอนนี้มันก็ยังไม่ตายหรอก แต่คนดูน้อยลงเยอะมากๆ แน่นอน

Japanese side line