ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 23244
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 02, 2022 16:19
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
วัยทำงานประจำ ยากที่จะไหวจริงๆ

ถ้าสมัยเรียน ไหวแน่นอน

เดี๋ยวนี้บอลตี 1 ก็ไม่ไหวละ แม้จะ เสาร์-อาทิตย์
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jan 2014
ตอบ: 8926
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 02, 2022 17:27
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
ยังไงก็เข้าเว็บโป๊นี้แทบจะทั้งวันอยู่แล้ว ขอลองเปิดโอกาสให้ตัวเองหน่อยครับ

ลิเวอร์พูลจับตา 5 ปีก โบยบินแทนมาเน่

ลิเวอร์พูลกำลังเสีย Sadio Mane ให้กับ Bayern Munich ในตลาดหน้าร้อนนี้ หากว่าทีมแชมป์บุนเดสลีก้า 10 สมัยติดยอมจ่ายเงินตามราคาที่ลิเวอร์พูลตั้งไว้ 40 ล้านปอนด์

สื่อ Express จากประเทศอังกฤษรายงานว่าทีมงานหงส์แดงมีปีกที่เล็งเอาไว้เพื่อเป็นตัวแทนของปีกเซเนกัลถึง 5 ตัวด้วยกันทั้ง Serge Gnabry ปีกวัย 26 ปี จาก Bayern Munich ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาในช่วงเดือนมิถุนายน 2023 เช่นเดียวกับมาเน่ ซึ่งอาจจะมีการสลับขั้วเกิดขึ้น

รวมไปถึงยังให้ความสนใจกับ 2 นักเตะ Watford อย่าง Ismaila Sarr ซึ่งเคยมีข่าวลิเวอร์พูลสนใจตั้งแต่ปี 2020 อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นชาว Senegal เช่นเดียวกับ Mane และอีกคนคือดาวรุ่งบราซิลวัยเพียง 20 ปี João Pedro อีกด้วย

คนต่อมาที่ลิเวอร์พูลกำลังจับตาดูสถานการณ์คือด้านของ Pulisic จาก Chelsea ที่ได้ยินชื่อกันมาหลายปีแต่อายุพึ่งจะ 23 ปีเท่านั้น แต่ที่น่ากังวลจะเป็นในเรื่องของอาการบาดเจ็บ และเชลซีจะปล่อยนักเตะให้กับคู่แข่งหรือไม่

ส่วนคนสุดท้ายที่เริ่มมีข่าวลิเวอร์พูลให้ความสนใจและเจ้าตัวก็ออกมายอมรับเองคือ Danjuma ที่ลงดวลกับลิเวอร์พูลมาแล้วในถ้วย Uefa Champion League ฤดูกาลนี้

จะเป็นใครใน 5 คนนี้ หรือจะมีตัวละครลับโผล่เข้ามาเพิ่ม คงต้องรอลุ้นในช่วงตลาดหน้าร้อนนี้


เครดิต
Spoil
https://www.express.co.uk/sport/football/1619412/Liverpool-transfer-news-Sadio-Mane-replacement-Serge-Gnabry-Ismaila-Sarr-Joao-Pedro  



ช็อก!!!บอร์ดผีไม่อนุมัติป็อกอยากต่อสัญญาตั้งแต่ 2020

แมนยูไนเต็ดเสีย Paul Pogba ให้กับ Juventus ฟรีอีกครั้ง หลังจากย้ายกลับมาเล่นให้กับทัพผีแดงเมื่อปี 2016 ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ เป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของโลกในขณะนั้น

โดยมีรายงานจากทั้ง The Athletic และ The Sun ระบุว่ามิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกอยากจะขยายสัญญาระยะยาวออกไปตั้งแต่หลังจบฤดูกาล 2019/2020 ออกไป 5 ปี พร้อมขึ้นค่าเหนื่อย

โดยเจ้าตัวได้มีการคุยกับ Ole Gunnar Solskjaer ผู้จัดการทีมผีแดงในตอนนั้น ซึ่งพยายามช่วยผลักดันดีลนี้ให้สำเร็จ แต่ทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้นเนื่องจากบอร์ดบริหารแมนยูไนเต็ดมองว่าค่าเหนื่อยของเขาที่มีอยู่ 290,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์นั้นก็มีมูลค่าที่สูงมากพอแล้ว

Paul Pogba ย้ายมาร่วมทีมแมนยูไนเต็ดครั้งแรกในฐานะนักเตะเยวชนในปี 2009 หลังจากหมดสัญญาย้ายไปเล่นให้กับยูเวนตุสแบบไร้ค่าตัวในปี 2012 ก่อนจะย้ายกลับมารับใช้ปีศาจแดงด้วยค่าตัวสถิติโลก มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายกับ Europa League ในปี 2016 โดยเขาเป็นผู้ทำประตูขึ้นนำในนาทีที่ 18


เครดิต
Spoil
https://www.unitedinfocus.com/news/report-pogba-wanted-to-sign-long-term-extension-in-2020-and-board-denied-him/  


ปีศาจแดงดำบี้ทูนอามี่แย่งตัวลูกทีมซิมิโอเน่

Yannick Carrasco ลงเล่นทุกรายการให้กับ Atletico Madrid ไปถึง 44 นัดในฤดูกาลนี้ เป็นส่วนสำคัญในทีมของ Diego Simeone

แต่จากฟอร์มอันโดดเด่นของปีกวัย 28 ปีทำให้เขาเป็นข่าวกับหลายทีมในยุโรปรวมไปถึง Newcastle ที่เข้ามาติดตามดูผลงานอย่างใกล้ชิดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งจากรายงานของสื่อดังในประเทศสเปน Diario AS ว่าเจ้าตัวตกเป็นเป้าหมายของ AC Milan หากทีมปีศาจแดงดำจำเป็นต้องปล่อย Rafael Leao ออกไป

แต่ดีลนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ยากซักหน่อย เพราะว่าปีกทีมชาติเบลเยียมยังมีความสุขดีในถิ่น Wanda Metropolitan จากโอกาสที่ได้รับในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าการเจราจานี้อาจมีความเป็นไปได้ที่ยากมากๆ แต่หากทีมที่มีเงินเหลือเฟืออย่าง Newcastle กระโดดลงไปยื่นค่าตัวตามค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 60 ล้านยูโร ทัพตราหมีเองก็อาจต้องการจปล่อย Carrasco ออกไปเพื่อเงินเสริมทัพในตลาดนี้ได้


เครดิต
Spoil
https://madriduniversal.com/ac-milan-will-look-to-sign-atletico-madrid-winger-to-replace-rafael-leao-report/  



ราชันชุดขาวครองเจ้ายุโรป 14 สมัย หงส์ยิงยังไงก็ไม่ผ่านกูตัว

เรียล มาดริด ประกาศศักดิ์ดาสมเป็นราชาแห่งถ้วยยุโรปหลังคว้าโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งวินิซิอุส จูเนียร์ก็ส่งบอลเข้าสู่ก้นตะข่ายได้สำเร็จ ด้านลิเวอร์พูลทำทุกวิถีทางในการรุกเข้าทำประตู แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ก็ไม่สามารถยิงผ่านมือ ทิโบ กูตัว ได้สำเร็จ จบเกมส์ทัพราชันชุดขาวครองสถิติไม่เคยแพ้ในรอบชิงชนะเลิศตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเป็น Uefa Champion League คว้าแชมป์ถ้วยนี้รวม 14 สมัย

ลิเวอร์พูล 0 - 1 เรียล มาดริด (59' 0-1 วินิซิอุส จูเนียร์ )



เกมส์เริ่มออกไปล่าช้า 37 นาทีเนื่องจากปัญหาชุลมุนด้านนอกสนามส่งผลให้แฟนบอลเข้าสนามได้ล่าช้าจนผู้เล่นทั้งสองทีมต้องกลับมาวอร์มอัพในสนาม

3' เข้ามือกูตัว
เริ่มเกมส์มาไม่กี่นาทีลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิกจากด้านข้าง Trent Alexander Arnold เปิดบอลเข้ามือของ Courtois

8' พ่อหมีต้องสกัด
Real Madrid สวนยาวขึ้นมาสร้างความกดดันให้ Alisson ต้องออกมาโหม่งสกัด

16' กูตัวส่งสัญญาณองค์ลง
Salah ได้โอกาสชาร์จจ่อๆในกรอบเขตโทษแต่ Courtois ล้มปัดบอลเอาไว้ได้ จังหวะต่อมา Thiago Alcantara ได้จังหวะปั่นจากนอกกรอบแต่บอลยังตรงไปเข้ามือ Courtois

21' ค่ำคืนของนายด่านเบลเยียม
Sadio Mane สร้างสรรค์โอกาสหาจังหวะยิงบอลพุ่งกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่เป็น Courtois อีกแล้วที่พุ่งปัดไว้ได้หวุดหวิดบอลพึ่งชนเสาก่อนเด้งออกมาคว้าบอลได้ก่อนที่ Salah จะเข้ามาซ้ำ

34' กูตัวรับชิวๆ
เกมส์เริ่มช้าลงไปแต่ว่าเป็นทางลิเวอร์พูลที่ยังได้โอกาสโหม่งทำประตูจาก Salah แต่บอลพุ่งไปตรงตัว Courtois จนถึงตอนนี้ลิเวอร์พูลมีโอกาสไปแล้ว 8 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ประตู ส่วนด้านทัพราชันชุดขาวยังไม่ได้โอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียว

41' ยิงไกลยังไม่ได้ลุ้น
เป็นการเตะมุมครั้งแรกในนัดนี้ โดยเป็นทางลิเวอร์พูลเปิดเข้ามาจากด้านซ้ายของ Robertson บอลหลุดออกมาเป็น Henderson ได้โอกาสยิงไกลแต่ก็หลุดกรอบออกไป

43' VAR ช่วยชีวิต
เรียลมาดริดควรได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ Benzema รับบอลโยนยาวก่อนจะพยายามแตะหนี Alisson Becker แต่จังหวะที่ Konate สกัดไม่ขาด บอลกำลังขลุกขลิกไปเข้าทาง Valverde จังหวะสุดท้ายบอลไปโดนขา Fabinho เด้งเข้าทาง Benzema ยิงประตูโล่งๆเข้าไป
ผู้ตัดสินใช้เวลาหลายนาทีในการเช็ค VAR แต่มองว่าการเล่นของ Fabinho เป็นจังหวะสกัดจึงทำให้ลูกนี้ล้ำหน้าไป จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกัน 0 ประตูต่อ 0

52' หงส์แดงยังครองบอลบุก
เริ่มต้นครึ่งหลังลิเวอร์พูลยังคงพยายามบุกโดย Arnold ได้โอกาสเปิดบอลจากฝั่งขวาให้ Thiago ชาร์จแต่เข้าไม่ทันแล้วเป็น Courtois พุ่งชกบอลออกไปได้สำเร็จ

59' ประตูเดียวสู่แชมป์
เรียล มาดริด ครองบอลกลางสนามก่อนจะแกะเพรซซิ่งขึ้นไปด้านขวาทำให้ Andy Robertson แบคซ้ายลิเวอร์พูลหลุดตำแหน่งก่อนที่จะเป็น Valverde เปิดบอลพุ่งแรงยัดไปที่เสาสองผ่านแผงหลังลิเวอร์พูลให้ Vinicius Jr เข้าไปชาร์จจ่อๆ Alisson หมดสิทธิเซฟส่งให้ Real Madrid ขึ้นนำ 1-0

62' Fabinho เล่นยากแล้ว
หลังจากโดนนำไม่กี่นาที Fabinho เข้าตัดเกมส์ช้าทำให้เขาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมส์ในวันนี้

64' บินปัดอย่างสวย
Mo Salah เลี้ยงจากขวาตัดเข้ากลางปั่นซ้ายลูกเก่งบอลพุ่งไปเสาสองตามสูตร และเป็น Courtois คนเดิมที่บินปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

80' Jota Keita พลาดจังหวะสำคัญ
ลิเวอร์พูลทำชิ่งกันหน้ากรอบเขตโทษ Salah ส่งบอลให้ Jota หลุดเข้าไปแต่ไม่รู้จะยิงหรือจับบอลพุ่งเข้าหาประตูเบาๆก่อนที่ Courtois จะปัดออกหลังไป
ในนาทีเดียวกัน Keita ได้จังหวะซัดจ่อๆจากเส้นกรอบเขตโทษแต่บอลพุ่งออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

82' หมดหนทาง
Salah รับบอลยาวจาก Fabinho เลี้ยงเข้าขวาไปยิงตรงเส้น 6 หลา แต่ก็ยังไม่ผ่าน Courtois ผู้เล่น Real Madrid ถึงกับวิ่งเข้ามากอดหลังจากเซฟจังหวะนี้ได้

90' มาดริดลุ้นประตูปิดฝากล่อง
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บลิเวอร์พูลพยายามโหมบุกหนักจน Real Madrid ได้โอกาสสวนลุ้นประตูหลายจังหวะแต่ยังไม่สามารถปิดเกมส์ได้ จบเกม Real Madrid เอาชนะไป 1-0 คว้าแชมป์ 14 สมัย ส่วนลิเวอร์พูลเป็นช่วงสัปดาห์แสนเศร้าเมื่อเสีย 2 ถ้วยในช่วงเวลาห่างกันแค่ 7 วัน


Line up ทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล
Starting Formation: 4-3-3

1. อลิสสัน เบคเกอร์(GK)
66. เทรนด์ อเลคซานเดอร์ อาโนลด์
5. อิบราฮิม่า โคนาเต้
4. เวอร์จิล ฟาน ไดจ์
26. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
14. จอร์แดน เฮนเดอสัน(C) <-77
3. ฟาบินโญ่
6. เตียโก้ อัลคัลทาร่า<-77
11. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์
10. ซาดิโอ มาเน่
23. หลุยซ์ ดิอาซ<-65

ตัวสำรอง
62. ควีวิน เคลเลเฮอร์(GK)
7. เจมส์ มิลเนอร์
8. นาบี เกอิต้า77->
9. โรแบร์โต้ เฟอมีโน่77->
12. โจ โกเมซ
15. อเล็ค ออคเหล็ด แชมเบอร์เลนด์
17. เคอร์ติส โจนส์
18. ทาคูมิ มินามิโนะ
20. ดิโอโก้ โจต้า65->
21. คอสตาซ ชิมิคัส
32. โจเอล มาติป
67. ฮาร์วีย์ เอลเลียต

เรียล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3


1. ทิโบ คูตัว(GK)
2. ดานี่ คาวาฮาล
3. เอแดร์ มิลิเตา
4. ดาวิด อลาบา
23. เฟอรัน เมนดี้
10. ลูก้า โมดริช<-90
14. คาเซมิโร่
8. โทนี่ โครส
15. เฟเดริโก้ บัลเบเด้[Asst]<-86
9. คาริม เบนเซม่า(C)
20. วินิซิอุส จูเนียร์[Goal]<-90

ตัวสำรอง
13. อังเคร ลูนิน
6. นาโช่
7. เอเดน อาซา
11. มาร์โค้ อเซนซิโอ้
12. มาร์เซโล่
17. ลูคัส วาซเกวซ
18. แกแร็ธ เบล
19. แดเนียล เซบายอส90->
21. โรดรีโก้90->
22. อิสโก้
24. มาเรียโน่ ดิอาซ
25. เอดูอาโด้ คามาวินก้า86->
แก้ไขล่าสุดโดย SudsoiFC เมื่อ Thu Jun 02, 2022 17:28, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: คปิ๊ง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 May 2021
ตอบ: 15302
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 02, 2022 20:20
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
พร้อมโบยบิน นกแก้วตั้ง"มาร์ติเนซ"รับงานเฮดโค้ช

เอสปัญญ่อล สโมสรแห่งแคว้นกาตาลัน ประกาศแต่งตั้ง ดิเอโก้ มาร์ติเนซ อดีตเฮดโค้ชกรานาด้า ขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชในฤดูกาลหน้าด้วยสัญญา2ปี ถึง2024 โดยเอามาเป็นตัวแทนของวิเซนเต้ โมเรโน่ ที่โดนปลดไปก่อนจบฤดูกาล

มาร์ติเนซ เป็นหนึ่งในโค้ชหนุ่มน่าจับตามองแห่งวงการบอลสเปน หลังจากสั่งสมประสบการณ์ที่เซบีญ่าชุดB และโอซาซูน่า จึงเข้ามารับงานคุมทัพกรานาด้า และพาทีมเลื่อนชั้นได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุม
แถมสามารถพาทีมบินสูงถึงอันดับ7ของลีค และพาทีมเข้าถึงรอบ8ทีมของศึกยูโรป้าลีค ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และปีนั้นสามารถพาทีมจบอันดับ9 ก่อนจะประกาศลาออก และพักการคุมทีมไป

ก่อนหน้านี้มีเซบีญ่าที่เคยสนใจเขา เพื่อที่จะเอามาเป็นตัวแทนโลเปเตกี ที่มีข่าวว่าจะลาออกหลังจากจบฤดูกาลนี้ แต่สุดท้ายก็เป็นทัพนกแก้วที่เร่งเจรจาจนได้ตัวไป






ปล.ลองทำเล่นๆดูซักอัน เพราะตอนนี้ยังไงก็ติดงานประจำอยู่ละ
ถึงตอนนี้จะอยากลาออกใจจะขาดแล้วก็ตาม
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Jan 2021
ตอบ: 23
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Thu Jun 02, 2022 21:59
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
ข่าวที่ 1

น้องจู๊ดจัดหนัก ผมจะไม่ทน กับ เกรียนคีย์บอร์ด



ทีมชาติอังกฤษภายใต้การนำของกุนซือ ว่าที่เซอร์ กาเรท เซาท์เกท พ่ายแพ้จากการดวลลูกโทษ
หลังคืนวันนั้นที่เวมบลีย์ นักเตะอังกฤษบางคนถูกเหยียดผิวอย่างหนัก ต่อเนื่องมาโดยตลอด
ไม่ใช่โดนด่าเพราะยิงจุดโทษไม่เข้าอย่างเดียว แต่รวมไปถึงสีผิว...

"คุณลองมองดูสิ ตั้งแต่รอบแรกจนรอบชิง นักเตะและกองเชียร์ชาวอังกฤษ เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อเป้าหมายหลัก นั่นคือ ถ้วยเมเจอร์แรกในรอบ 55 ปี"
"หลังจากพลาดจุดโทษเท่านั้นแหละ คำสาปแช่งมาทันที แกมันไม่ใช่คนอังกฤษ แกมันแค่คนผิวดำ"
น้องจู๊ดเบลลิ่งแฮม พูดกับนักข่าว เดอะ มิเรอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสนเจ็บปวด และเสียใจมาก
"ใครๆก็พลาดจุดโทษได้ คนอาชีพอื่นๆทุกคนก็มีข้อผิดพลาดได้เช่นกัน
ทั้งๆที่เขาเป็นตัวแทนทีมชาติ แต่ต้องโดนปู้ยี่ปู้ยำจากเหล่าเกรียนคีย์บอร์ด ผมรู้สึกขยะแขยงมากๆเลย
ผมต้องออกมาพูด เพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมผม ไม่ว่าจะเป็น ซาก้า แรชฟอร์ด ซานโช่
สักวันนึง มันอาจจะเกิดกับผมก็ได้ ใครจะรู้ ถ้าผมยิงจุดโทษไม่เข้า"

"เราเป็นคนอังกฤษแค่ 7 เกม เพราะหลังจากนั้นเราไม่ใช่แล้ว ไม่มีค่าอะไรเลยทั้งนั้น"
"ผมคิดว่าเราจะได้รับคำปลอบใจดีๆจากแฟนบอล ตอนเราพลาดจุดโทษ แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาแทน คือ การเหยียดผิว"

"ตอนผมเล่นในบุนเดสลีก้า คำตัดสิน ค่าปรับ การลงโทษแบน ทุกอย่างตัดสินเร็วมาก"
"พอเป็นเรื่องการเหยียดผิว ทุกอย่างดำเนินการช้าหมด เหมือนกับ ไม่มีใครแคร์"

"ไม่มีอาชีพไหนในโลกนี้ ที่ทำงานไปด้วย โดนเหยียดผิวไปด้วย นอกจากนักฟุตบอล"
น้องจู๊ดกล่าวทิ้งท้าย

Credit



ข่าวที่ 2

จาร์รอด โบเว่น เส้นทางชีวิตที่เวอร์กว่านิยาย



"ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าไอ้หนุ่มคนนี้มีของ มีบางอย่างที่พิเศษ" พีท บีเดิ้ล กล่าวกับ บีบีซี สปอร์ท
"เขามีฝีเท้า ดีพอจะเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ของ เฮียฟอร์ด ยูไนเต็ด
ดังนั้น เรื่องอายุไม่ใช่ปัญหา ถ้าเขาเก่งและเก๋าเพียงพอ"

จาร์รอด โบเว่น เริ่มเส้นทางลูกหนังเป็นนักเตะเยาวชนของ เฮียฟอร์ด ยูไนเต็ด ในปี 2013
ทีมเล็กๆในคอนเฟอเรนซ์ลีกของอังกฤษ ที่นี่เอง ที่เขาได้พบกับโค้ชพีท
และโค้ชก็ชอบเขา ผลักดันเขาให้ได้เล่นในทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ด้วยอายุเพียง 16 ปี
โชคร้ายที่สโมสรมีหนี้สิน ถึงเลขหกหลัก ทำให้ต้องตกชั้น

ปี 2014 โบเว่น ย้ายไปอยู่ ฮัลล์ ซิตี้ และทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง พัฒนาฝีเท้ามากขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
จนไปเข้าตาแมวมองทีมเวสต์แฮม ของเดวิด มอยส์ ซึ่งไม่รอช้าจัดการซื้อตัวมาร่วมทัพ ในราคา 18 ล้านปอนด์ ในปี 2020

พีท เสริมอีกว่า "ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ยิ่งกว่าปาฏิหารย์ อีก เขาถูกโฉลกกับตัว H มากๆเลยนะ
โบเว่นเริ่มอาชีพกับ Hereford United ย้ายไป Hull City ขายไปให้ Hammer (ฉายาทีมขุนค้อนเวต์แฮม)
และจะได้เล่นทีมชาติพบกับ Hungary"

ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นมากกับเวสท์แฮม จากผลงานทั้งหมด 104 เกม 27 ประตู 19 แอสซิส
เจ้าหนุ่มโบเว่นถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติในศึกเนชั่นลีกส์ คืนวันเสาร์นี้

Credit

https://www.bbc.com/sport/football/61584216

ข่าวที่ 3

ผียุคใหม่ อยากได้ ต้องได้



สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั่นใจว่าจะได้ แฟรงกี้ เดยอง ในราคา 50 ล้านยูโร
หลังจากทีมปล่อยตัวกองกลางไปทีเดียวสองคน คือ ปีอกบา และ ลินการ์ด

Erik Ten Hag บอสใหม่ของแมนยู ต้องการให้ย้ายมาในซัมเมอร์นี้เลยทันที
เพื่อที่จะมาคอมโบ เจ้านายเก่า+ลูกน้องเก่า+สโมสรใหม่
เดินหน้าพูดคุยกับทีมยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นคาตาลันแล้ว ตามรายงานของ The Sun

ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะปฏิเสธ พร้อมบอกกับนักข่าวว่า "นี่คือสโมสรฟุตบอลในฝันของผม ตั้งแต่เด็กแล้ว
ผมฝันว่าจะได้มาเล่นที่นี่ และผมชอบเมืองบาร์เซโลน่ามากๆเลย" เดยอง ให้สัมภาษณ์กับ ESPN
"ผมไม่เสียใจ ในเส้นทางที่ผมเลือก ถึงแม้จะยังไม่มีถ้วยรางวัล หรือความสำเร็จใดๆ
แต่ผมก็พอใจในทางที่ผมเลือกเดิน ผมจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ผมตัดสินใจไปแล้ว"

ซาบี้ โค้ชของบาร์ช่า เข้าใจดี ถึงสถานะการเงินของสโมสรในเวลานี้ และพร้อมรับมือกับภาวะร้อนเงิน
หากต้องมีการปล่อยตัวนักเตะเพื่อจุนเจือสโมสร โดยจะยังมี เปดี้ และ กาบี้ พร้อมใช้งานในตำแหน่งที่ว่าง

มิดฟิลด์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โด่งดังมาจากทีมอาแจกซ์ ในช่วงที่ ETH ยังคุมทีมอยู่ในปี 2016-2019
ก่อนที่จะย้ายมาบาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์

Credit

https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-10877767/Manchester-United-confident-cut-price-deal-50m-Barcelona-midfielder-Frenkie-Jong.html?ns_mchannel=rss&ito=1490&ns_campaign=1490



จิงโจ้ เฉือนหวิว จอร์แดน สู้เต็มที่ อุ่นเครื่องลิ้นห้อย ก่อนลุยเพลย์ออฟ คัดบอลโลก

คู่นี้พบกันมาก่อนแล้วในเกมคัดเลือกบอลโลก อยู่สายเดียวกัน
โดย ออสเตรเลีย ชนะได้ทั้งเหย้าและเยือน สกอร์เดียวกันทั้งสองนัด (1-0,0-1)
นัดนี้จอร์แดนมาเตะกระชับมิตรเล่นเอาเหงื่อ ขำๆ
ในขณะที่ออสเตรเลีย ต้องเตรียมความพร้อมก่อนเจอศึกใหญ่อีก 2 นัด เพื่อลุ้นไปบอลโลก

ไฮไลท์การแข่งขัน

8' ทีมจากแดนจิงโจ้ได้ทักทายก่อน
ตัดบอลได้กลางสนาม ก่อนส่งให้ เลี้ยงมาหน้ากรอบเขตโทษ ยิงหลุดกรอบไปไกล

17' จอร์แดน ชิ่งสวย ส่งสวย ยิงสวย สมบูรณ์แบบ
ต่อบอล ชิ่งกันสนุก เล่นเอาทีมรับงง ประกบกันไม่ถูก สุดท้ายได้ มูซ่า ยิงเต็มข้อ หน้ากรอบเขตโทษ ซัดเข้าไปไม่เหลือ
จอร์แดนขึ้นนำก่อน 0-1

40' จุดเด่นอยู่ที่ลูกนิ่ง
ทีมออสเตรเลียได้ฟรีคิก จากด้านกราบซ้าย เคร๊ก กู๊ดวิน เปิดบอลโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ไบลีย์ ไรท์ โขกย้อนศร ตุงตาข่าย
ช่วยตีเสมอ 1-1

50' มาบิลได้ชาร์จจ่อๆ บอลหลุดกรอบ
บีฮิช ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา เลี้ยงตะลุยมาทางด้านซ้าย ก่อนตบกลับเข้ามาข้างใน มาบิล ชาร์จจ่อๆแต่บอลออกหลัง


56' จอร์แดน ร้องหาจุดโทษ แต่กรรมการยังไม่ให้ มองว่าเบียดไหล่ต่อไหล่ ไม่มีการปะทะชัดเจน
อัล ทามารี หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ บีฮิช ลงมาช่วยเกมรับ วิ่งเบียดไปตีคู่กัน ล้มลงทั้งคู่
กรรมการให้เป็นลูกตั้งเตะจากประตู เพราะล้มง่ายไปหน่อย

59' จอร์แดนเกือบขึ้นนำ ยิงแบบเหนือๆ ชิบข้ามหัวโกลได้แล้ว แต่บอลไม่ตรงกรอบ
อัล นัยมาท ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา เลี้ยงบอลหลุดมาทางขวา เข้ามาในเขตโทษ ผู้รักษาประตูออสเตรเลียออกมาไกล
เลยตัดสินใจชิบบอลข้ามหัว บอลเหมือนจะเข้ากรอบ แต่เฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย


68' ทีเด็ดลูกนิ่ง แผลงฤทธิ์อีกแล้ว
ออสเตรเลียได้ลูกเตะมุม ทางฝั่งขวา ดี อกอสติโน่ โหม่งบอลตกย้อยๆหน้าโกล เอเวอร์ มาบิล ยิงตามน้ำ เสยเพดานตาข่าย
ทีมจิงโจ้ คัมแบ็ค กลับมาขึ้นนำ 2-1

ผลการแข่งขัน
ออสเตรเลีย 2 - 1 จอร์แดน (17' 0-1 มูซ่า อัล ทามารี่, 40' 1-1 ไบลีย์ ไรท์, 68' 2-1 เอเวอร์ มาบิล)
สนาม อัล วัครา สปอร์ท คอมเพลกส์

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ทีมชาติ ออสเตรเลีย โค้ช แกรม อาโนลด์ แผน 4-2-3-1

1. แมท ไรอัน (GK)
3. ฟราน คาราซิค
4. คาย โรเลส
8. ไบลีย์ ไรท์ (1ประตู '40)
19. เจสัน เดวิดสัน -> ออก '46
23. เคนนี ดูกัล -> ออก '46
13. อารอน มอย -> ออก '62
11. เอเวอร์ มาบิล (1ประตู '68) -> ออก '87
14. ไรลีย์ แมคกรี -> ออก '73
7. เคร๊ก กู๊ดวิน
15. ดี อกอสติโน่ -> ออก '73

ตัวสำรอง
12. เรดเมน แอนดริว เจมส์ GK
18. วูโควิช ดาเนียล GK
2. ดีจีเนค มิโลส
5. เจนโรว เดนนิส -> เข้า'62
6. ทีลีโอ มาร์โค -> เข้า'87
17. แมคราเลน เจมี -> เข้า'73
18. รูสติค ไอดิน -> เข้า'73
16. บีฮิช เอซิส -> เข้า'46
21. สเตนเนส จันนี่ ไรอัน->
22. เซนบูรี่ เทรนท์ ลูคัส
24. แอทคินสัน นาทาเนียล คาเลบ
25. เออวิน แจ็คสัน อเล็กซานเดอร์ -> เข้า'46


ทีมชาติ จอร์แดน โค้ช อัดนาน อาหมัด แผน 4-1-4-1

1. ยาซิส อาบูไลลา (GK)
2. โมฮาหมัด อาบูฮาชีช
3. ทาเร๊ก คัททับ -> ออก '56
4. บาฮา สุไลมาน
5. ยาซาน อาลารับ
8. นูร์ อาราวับเด -> ออก '80
9. อาหมัด ซาเละ -> ออก '79
10. มูซ่า อัล ทามารี (1ประตู '17) -> ออก '80
14. โมฮัมเหม็ด อาบู ซาอิก -> ออก '56
15. อาลี ออนวาน -> ออก '66
23. เอซาน ฮัดดาด

ตัวสำรอง
6. บาลา มารี (GK)
7. มุนเทอร์ อาบู อมาร่า -> เข้า'66
11. มามุด อัลมาดี้ -> เข้า'79
12. มาเรค ชาลาบียา
13. คาลิล บานี อัทเทีย
16. ซาเละ ลาเทบ -> เข้า'80
17. ราจาเอ อาเยด -> เข้า'80
18. ยาซาน อัล นัยมาท -> เข้า'56
19. อับดัลเลาะ มูซ่า มสซาลาม นาซีฟ -> เข้า'56
20. ฮัมซ่า อัล ดาดัวร์
21. โมฮัมหมัด ฮัล ดีเมรี
22. มามุด ราเอ็ด มามุด อัล คาวามเละ


นัดต่อไปของ ออสเตรเลีย พบกับ อาหรับ เอมิเรตส์ วันอังคารที่ 7 มิถุนายนนี้ เพื่อหาตัวแทนโซนเอเชีย
ไปเพลย์ออฟ ตัดสิน นัดสุดท้าย กับ เปรู ตัวแทนจาก อเมริกาใต้ ในวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน
เตะที่สนาม อาหมัด บิน อาลี สเตเดียม กรุงโดฮา ประเทศ กาตาร์

Credit


แก้ไขล่าสุดโดย serylvalkyrie46 เมื่อ Thu Jun 02, 2022 22:03, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jun 2020
ตอบ: 3794
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 03, 2022 04:44
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
'พาร์ดิว' ลาออกสโมสรบัลแกเรีย หลังเหตุแฟนบอลเหยียดผิว



อลัน พาร์ดิว ขอลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมและผู้อำนวยการเทคนิค ของทีมซีเอสเคเอ โซเฟียในลีกสูงสุดบัลแกเรีย หลังแฟนบอลส่วนหนึ่งก่อเหตุเหยียดผิวนักเตะ

เมื่อกลางเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา พาร์ดิว ได้คุมทีมซีเอสเคเอ โซเฟีย รองจ่าฝูงของลีก เปิดบ้านพบกับโบเตฟ บลอฟดิฟทีมอันดับสาม

ก่อนที่ทีมของพาร์ดิวจะลงเตะ พวกเขาต้องเจอเหตุการณ์เหยียดผิวจากแฟนบอลจำนวนหนึ่งของทีมตัวเอง ที่มารวมตัวรอกันอยู่หน้าสนาม

นักเตะผิวดำ 4 คนของทีม ตกเป็นเป้าหมายของการกระทำอันน่ารังเกียจนี้ ทั้งจากการใช้คำพูด รวมถึงถูกโยนเปลือกกล้วยใส่พวกเขา โดยตอนแรกทั้ง 4 ปฏิเสธที่จะไม่ลงเตะในเกมนั้น แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจยอมลงเล่น

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ พาร์ดิว ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และขอเข้าพบเจ้าของทีมเป็นการด่วน หลังจากนั้น พาร์ดิว รวมถึงผู้ช่วยของเขา อเล็ก ดายเออร์ ซึ่งเป็นคนดำคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ได้รับตำแหน่งสตาฟฟ์ของทีม ก็ได้ขอลาออกจากทีมในที่สุด

พาร์ดิว ออกแถลงการณ์ ผ่านเว็บไซต์ของซีเอสเคเอ โซเฟียว่า: "เหตุการณ์ก่อนและหลังเกมที่เราเจอกับโบเตฟ พล็อฟดิฟนั้นรับไม่ได้อย่างยิ่ง ไม่ใช่แต่เฉพาะสำหรับผม แต่สำหรับผู้ช่วยและลูกทีมของผมด้วย"

"แฟนบอลเหยียดผิวกลุ่มหนึ่ง พยายามที่จะทำลายเกมการแข่งขัน ผมไม่ต้องการคุมทีมลงสนามต่อหน้าแฟนบอลเหล่านั้น มันไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องเลยเพราะสโมสรนี้สมควรได้รับอะไรที่ดีกว่านี้มาก"

"ผมขอแสดงความขอบคุณไปยังแฟนบอลตัวจริงของทีมทุกคน สำหรับการสนับสนุนของพวกเขา รวมไปถึงเจ้าของสโมสรสำหรับความพยายามในการพัฒนาทีม"

"ถือเป็นเกียรติมากที่ผมได้รับใช้สโมสรนี้ แต่โชคร้ายที่ช่วงเวลานั้นมันต้องจบลง" อดีตบอสนิวคาสเซิล และคริสตัลพาเลซ กล่าวปิดท้าย


เครดิต https://www.skysports.com/football/news/11095/12625320/alan-pardew-leaves-cska-sofia-after-bananas-thrown-at-black-players

'มี' เตรียมแยกทางเบิร์นลี่ย์ หลายทีมในพรีเมียร์ลีกสนใจ



เบน มี กัปตันทีมเบิร์นลี่ย์ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัด และจะย้ายออกแบบไม่มีค่าตัวในซัมเมอร์นี้ หลังจากรับใช้ทีมมา 11 ปี

หลายทีมในพรีเมียร์ลีกให้ความสนใจในตัวกองหลังวัย 32 ปีรายนี้ โดย มี เป็นหนึ่งในเก้านักเตะของเบิร์นลี่ย์ที่เข้าสู่เดือนสุดท้ายของสัญญา

ในฤดูกาลล่าสุด มี ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไป 21 นัด ทำได้ 3 ประตู โดยเขาพลาดการลงเล่นในช่วงท้ายฤดูกาลไป หลังจากเจอปัญหาอาการบาดเจ็บในเกมพบกับ เลสเตอร์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

หลังจาก เบิร์นลี่ย์ ต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการเมื่อเกมนัดสุดท้ายจบลง มี ได้ลงมาในสนามและแสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนของแฟนบอล

มี ย้ายมาร่วมทัพเบิร์นลี่ย์ จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อปี 2011 และย้ายแบบถาวรในปี 2012 โดยเขาทำสถิติลงเล่นให้กับ 'เดอะ คลาเรทส์' ไป 351 นัด ทำได้ 12 ประตู


เครดิต https://www.theguardian.com/football/2022/jun/02/ben-mee-to-leave-burnley-after-11-years-amid-premier-league-interest

ไม่ดีพอ! 'ร็อบโบ้'ขอโทษแฟนสก็อตหลังแพ้ยูเครน



แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์ แสดงความผิดหวังและขอโทษไปยังแฟนบอล หลังแพ้ให้กับทีมชาติยูเครน ตกรอบเพลย์ออฟเพื่อคัดเลือกไปฟุตบอลโลก 2022

ประตูของ อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเรมชุค และอาร์เดม โดฟบิค ทำให้ทีมชาติยูเครนได้รับชัยชนะเป็นนัดแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุพิพาททางทหารกับรัสเซีย และผ่านเข้ารอบไปเจอกับทีมชาติเวลส์ ในวันอาทิตย์นี้ โดยผู้ชนะจะได้ตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์

"มันน่าผิดหวังมาก เพราะพวกเรารอคอยที่จะเล่นเกมนี้มานาน ผลงานของเราก่อนหน้านี้ก็ทำได้ดีจริงๆ แต่สำหรับเกมวันนี้ บอกตามตรงเราทำได้ไม่ดีพอ" โรเบิร์ตสัน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจบเกม

"แล้วบอลโลกก็ผ่านไปอีก 4 ปี พวกเราอยากบอกขอโทษไปยังแฟนบอล ทั้งที่อยู่ในสนามแห่งนี้และที่รับชมอยู่ที่บ้านด้วย"

ทีมชาติสกอตแลนด์ ถูกนำไปก่อน 2-0 ก่อนที่ คัลลัม แมกเกรเกอร์ จะยิงประตูตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 79 ของการแข่งขัน จากนั้นพวกเขาพยายามเปิดเกมบุกเพื่อเอาประตูตีเสมอ แต่สุดท้ายก็โดนเกมสวนกลับของทีมชาติยูเครนเล่นงาน และเป็น โดฟบีค กองหน้าตัวสำรองที่ยิงประตูปิดกล่องไปได้

"พวกเราพยายามที่จะอยู่ในเกมแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ เราทำผลงานในทัวร์นาเม้นต์ได้ดีเลยนะ แต่สำหรับค่ำคืนนี้พวกเราทำได้น่าผิดหวัง" แบคซ้ายสายควันกล่าวปิดท้าย


เครดิต https://www.espn.com/soccer/scotland-sco/story/4679277/we-didnt-show-up-scotlands-robertson-apologises-after-ukraine-defeat

คนละหมัด! กระทิงเปิดบ้านเจ๊าฝอยทอง1-1

ฟุตบอลยูฟ่าเนชันลีก 2022 ลีก A กลุ่ม 2
สนามเอสตาดิโอ เบนิโต้ บีย่ามาริน
วันที่ 2 มิถุนายน 2565
กรรมการ ไมเคิล โอลิเวอร์




นัดแรกของเนชั่นลีก 2022 สเปนเจ้าบ้าน นัดนี้ไม่มีติอาโก้ อัลคันทาร่าและไอเมริค ลาปอร์ตที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ โดยเป็นกาบี และดีเอโก ญอเรนเต้ที่ได้รับโอกาสแทน ในขณะที่โปรตุเกสเกมนี้ คริสเตียอาโน่ โรนัลโด้ สตารท์บนม้านั่งไปก่อน

17' เลเอากดด้วยซ้าย ข้ามคาน
โปรตุเกสได้ทักทายก่อน เกอเรโร่เลี้ยงแหวกทะลุแนวรับของสเปนมาได้ทางกราบซ้าย ก่อนจะจ่ายให้เลเอาที่ไม่มีตัวประกบและจับบอลแรกได้ดีแล้ว แต่จังหวะยิงแรงไปหน่อยข้ามคานไปหลังอัฒจรรย์เลย

24' เคาท์เตอร์แอตแทค! โมราต้าหลุดเดี่ยวไม่เหลือ 1-0
สเปนได้ประตูนำจากจังหวะสวนกลับ เป็นกาบีที่เก็บบอลได้กลางสนามแล้วลากตะลุยขึ้นมา ก่อนจะแทงให้โมราต้าข้ามหลอก บอลทะลุไปถึงซาราเบียปาดเข้ามาตรงกลาง ให้โมราต้าหลุดมาแทปอินในกรอบเขตโทษ ผ่านคอสต้าไปตุงตาข่าย

28' โซแลร์ได้ยิงสองทีติด แต่ยังไม่ได้ประตู
กาบีหลุดขึ้นมาทางซ้าย ก่อนจะหักกลับมาให้โซแลร์เติมมายิงบริเวณแถวหัวกะโหลก แต่คอสต้ายังปัดออกมาได้ โซแลร์วิ่งตามมายิงซ้ำอีกครั้งรอบนี้หลุดกรอบไปเลย

34' ซิลวากลับตัวยิงหลุดเสา
จังหวะนี้คันเซโล่จ่ายให้ซิลวาเก็บบอลในแดนหน้าได้ ก่อนจะกลับตัวยิงด้วยซ้ายหลุดเสาไปโดยแบบไม่ห่าง

40' ซาราเบียปั่นฟรีคิกข้ามคาน
บุสเกตโดนมูตินโญ่ทำฟาวล์ บริเวณก่อนถึงกรอบเขตโทษนิดเดียว ซาราเบียรับหน้าที่ซัดด้วยซ้าย หลุดสามเหลี่ยมไปนิดเดียว

58' เลเอาล็อกสวยแต่ยิงติดเซฟ
ซิลวาเก็บบอลได้แล้วป้ายบอลมาทางซ้าย ให้เลเอาได้ล็อกหลอกกองหลังจนหลง ได้ดวลกับซิม่อนแล้ว แต่ยิงไปโดนปัดออก ได้แค่ลูกเตะมุม

63' โมราต้าหลุดเดี่ยวยิงหลุดเสาไม่ได้ลุ้น
จังหวะนี้เป็นซาราเบียแทงทะลุแนวรับของสเปนให้โมราต้าหลุดเดี่ยว แต่เจ้าตัวยิงไม่ดีออกนอกกรอบไปเลย

66' อัลบาเติมมายิงเข้าหน้าต่าง
บุสเกต์วางบอลยาวจากกลางสนาม มาให้อัลบาที่วิ่งทะลุเติมขึ้นมาแต่มุมยิงไม่มีแล้วเลยยิงเข้าหน้าต่างไป

73' ซาราเบียตัดยิงหลุดเสา
ทางสเปนวางบอลข้ามฝากมาทางกราบขวา ซาราเบียเอาบอลลง ลากตัดเข้าในกรอบเขตโทษแล้วยิงด้วยซ้าย บอลหลุดเสาไปนิดเดียว

81' ซุปเปอร์ซับ! ฮอร์ต้ายิงตีเสมอให้โปรตุเกส
คันเซโล่ทำชิ่งกับมัทเธอุสตัวสำรองที่พึ่งลงมา แล้วหลุดแนวรับสเปนมาทางขวา ก่อนจะครอสเข้ามาตรงกลาง ให้ฮอร์ตาอีกหนึ่งตัวสำรอง ได้แปโล่งๆ ด้วยขวาเข้าประตูไป โปรตุเกสตีเสมอได้ 1-1

86' อัลบาโหม่งหลุดกรอบ
ซาราเบียลุยมาทางขวาก่อนจะครอสบอลเข้ากลาง คอสต้าปัดออกมาเข้าทางอัลบา ที่เติมขึ้นมาในกรอบได้กระโดดโหม่งโล่งๆ แต่ไม่ตรงกรอบ

จบเกม เสมอกันไปแบบสูสี 1-1 แบ่งกันไปคนละหนึ่งแต้ม โดยเกมหน้าสเปน จะไปเยือนสาธารณรัฐเช็ค ส่วนโปรตุเกส เปิดบ้านรับสวิตเซอร์แลนด์


รายชื่อผู้เล่น

สเปน Starting Formation 4-3-3

23. อูไน ซิม่อน
2. เซซาร์ อัสปลิคูเอต้า
15. ดีเอโก้ ญอเรนเต้
4. เปา ตอเรส
18. จอร์ดี อัลบา
19. คาร์ลอส โซแลร์ 62'
5. เซอร์จิโอ บุสเกตส์
9. กาบี 81'
11. เฟอราน ตอเรส 62'
7. อัลบาโร โมราต้า 70'
22. ปาโบล ซาราเบีย

ตัวสำรอง
1. โรเบิร์ต ซานเชส
3. อินิโก มาร์ติเนซ
6. มาร์กอส ญอเรนเต้ 81'
8. โกเก้ 62'
10. มาร์โก อเซนซิโอ้
12. อันซู ฟาติ
13. เดวิด รายา
14. ราอูล เดอ โทมัส 70'
16. โรดรี้
17. มาร์กอส อลอนโซ่
20. ดานี่ กาบาคาล
21. ดานี่ โอลโม 62'

ผู้จัดการทีม หลุยส์ เอนริเก้

โปรตุเกส Starting Formation: 4-3-3

22. ดีโอโก้ คอสต้า
20. เจา คันเซโล่
3. เปเป้
13. ดานิโล่ เปเรร่า
5. ราฟาเอล เกอร์เรโร่
8. เจา มูตินโญ่ 46'
10. แบร์นาโด้ ซิลวา
11. บรูโน่ เฟอร์นานเดส 81'
16. โอตาวิโอ 62'
9. อังเดร ซิลวา 62'
15. ราฟาเอล เลอา 72'

ตัวสำรอง
1. รุย ปาตริซิโอ
2. ดีโอโก้ ดาโลท์
4. ดาวิด คาร์โม
6. เจา ปัลฮินญ่า
7. คริสเตียอาโน่ โรนัลโด้ 62'
12. รุย ซิลวา
14. วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่
17. กอนคาโล่ กูเอเดส 62'
18. รูเบน เนเวส 46'
19. นูโน่ เมนเดส
21. ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า 72'
23. มัทเธอุส ลุยซ์ 81'

ผู้จัดการทีม เฟอร์นันโด ซานโตส

ปล.ฝากพิจารณาครับอยากทำในสิ่งที่รัก
แก้ไขล่าสุดโดย 69_420 เมื่อ Fri Jun 03, 2022 04:44, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 7328
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 03, 2022 06:43
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
ไม่เพิ่ม! ราชันไม่คิดยื่นข้อเสนอซื้อ 'ชูอาเมนี' เกิน 60 ลย.

รายงานจากสำนักข่าว Marca บอร์ดบริหาร เรอัล มาดริด ยืนกรานไม่คิดเปลี่ยนแปลงข้อเสนอซื้อตัว โอเรลีแย็ง ชูอาเมนี กองกลางตัวรับ วัย 22 ปี ของ อาแอ็ส โมนาโก แม้แต่ยูโรเดียว โดยจากข้อเสนอล่าสุดยื่นไปมีมูลค่าประมาณ 60 ล้านยูโร แต่อาจจะเพิ่มถึง 70 ล้านยูโร หากเงื่อนไขครบ

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า คู่แข่งอย่าง ปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง สามารถที่จะยื่นข้อเสนอที่มากกว่า เรอัล มาดริด ให้ทั้งสโมสรและตัวนักแตะ โดยหาก โมนาโก เลือกที่จะขาย ชูอาเมนี ให้กับ เรอัล มาดริด แทนที่คู่แข่งร่วมลีกอย่าง ปารีส อาจจะต้องสูญเสียเงินไปร่วม 20 ล้านยูโรเลยทีเดียว

ซึ่งดีลนี้ เรอัล มาดริด ได้ติดตามผลงานของ ชูอาเมนี มาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่การเข้ามาร่วมวงของ ปารีส ทำให้ดีลนี้ยากยิ่งขึ้น

ถ้าหากไม่สามารถตกลงกับ โมนาโก ได้ เรอัล มาดริด พร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นเป้าหมายอื่นทันที

ลิงก์ข่าวต้นทาง
Spoil


ปธ.เรือใบ โว "ฮาแลนด์กองหน้าที่ดีที่สุดในโลก" & พร้อมยืนยันจะเสริมแกร่งทีมอีกหลายตำแหน่ง

คัลดูน อัล มูบารัค ประธานสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยกย่อง เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าวัย 21 ปี ว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก โดย ฮาแลนด์ ได้ตกลงย้ายมาค้าแข้งให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวประมาณ 51 ล้านปอนด์ พร้อมทั้งเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี

"เรามีกองหน้าที่เรียกได้ว่าเก่งที่สุดในโลก และอยู่ในวัยที่เหมาะสม" อัล มูบารัค กล่าว

"หากคุณมองไปยังอนาคตในอีก 10 - 15 ปีข้างหน้า เราได้ทำการลงทุนเพื่ออนาคตในตำแหน่งของกองหน้า"

พร้อมทั้งยืนยันว่าจะมีการเสริมทัพนักแตะใหม่เพิ่มเข้ามาอีกในซัมเมอร์นี้

"ผมสามารถยืนยันได้เลยว่า จะมีนักแตะใหม่ย้ายเข้ามาอีก พวกเราจะทำการเสริมทัพในตำแหน่งที่จำเป็น"

"ทุกๆ ฤดูกาลจะมีนักแตะบ้างคนย้ายออกและเราจำเป็นต้องเติมความสดใหม่ให้กับทีม พวกเราพยายามที่จะพัฒนาและยกระดับทีมอยู่เสมอ"

ในตอนนี้ แมน ซิตี้ กำลังให้ความสนใจกับ แคลวิน ฟิลลิปส์ ของลีดส์ยูไนเต็ดและ แมธทิอุส นูเนส ของ สปอร์ติงลิสบอน ในตำแหน่งกองกลาง และ มาร์ก กูกูเรยา ของไบรตัน ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

ลิงก์ข่าวต้นทาง
Spoil


เอเยนต์บอกเป็นข่าวดีที่มิลานสนใจคว้าตัว 'ซานิโอโล'

เคลาดิโอ้ วิโกเรลลี เอเยนต์ของ นิโคโล ซานิโอโล ปีกขวาและกองกลางตัวรุก วัย 22 ปีของ โรม่า ได้ตอบคำถามให้กับ Sportitalia เกี่ยวกับโอกาศที่จะย้ายไปยัง เอซี มิลาน ในซัมเมอร์นี้

"มันคงเป็นข่าวดี แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย" เขากล่าว

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการคาดการกันว่าผู้บริหารของ เอซี มิลาน จะยื่นข้อเสนอเพื่อที่จะคว้าตัว ซานิโอโล เข้ามายกระดับแนวรุกของทีมในฤดูกาล 2022-23 ที่จะมาถึง

มีรายงานจาก La Gazzetta dello Sport เอซี มิลานได้ยื่นข้อเสนอ 25 ล้านยูโร พ่วง อาเลกซิส ซาเลอมาเกิร์ส ปีกขวาและกองกลาง วัย 22 ปี เพื่อคว้าตัว ซานิโอโล แต่ทาง โรม่า ไม่อยากที่จะขายและข้อเสนอนี้ยังไม่เพียงพอที่จะโน้วนาวให้พวกเขาเปลี่ยนใจได้

ลิงก์ข่าวต้นทาง
Spoil


โปแลนด์ "คัมเบ็ค" ยัดเยียดความปราชัยให้เวลส์ ในนัดเปิดสนามเนชันส์ลีก 2-1

เกมเปิดสนามนัดแรกของเนชันส์ลีก โดยเป็นการแข่งขันระหว่างโปแลนด์กับเวลส์ ในกลุ่มที่ 4 โดยเวลส์ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนและหวังที่จะชนะโปแลนด์ครั้งแรกในรอบ 49 ปี แต่กลับพลาดท่าเสียทีให้โปแลนด์บุกมายิง 2 ลูกท้ายเกม จบเกม โปแลนด์ ชนะ เวลส์ 2-1 ซึ่งโปแลนด์ทำสถิติไม่แพ้เวลส์ติดต่อกันถึง 8 นัด

ฝั่งโปแลนด์นำทัพโดยตัวหลัก รอแบร์ต แลวันดอฟสกี และ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ แต่เวลส์นัดนี้พักตัวผู้เล่นหลักทั้ง แกเร็ท เบล และ แอรอน แรมซีย์ แต่ยังมี แดเนียล เจมส์ ลงเป็นตัวจริงในนัดนี้

4' โปแลนด์เกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกโหม่ง
มาแตอุช กลิค เปิดบอลจากเขตโทษด้านขวา ไปให้กับ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ โหม่งโดยไม่มีผู้เล่นฝั่งเวลส์มาประกบ แต่ ซีลินสกี้ กลับโหม่งหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

21' แลวันดอฟสกี หลุดไปยิง! แต่เซฟได้สวยโดย แดนนี่ วอร์ด
แลวันดอฟสกี ทำได้สวย หลอก ดิลลัน เลวิตต์ ด้วยท่า 'เดอะ ครัฟฟ์ เทิร์น' จากกลางสนาม เลี้ยงเข้ามาจนทะลุถึงเขตโทษ ก่อนซัดเข้าไปที่มุมขวาของประตู แต่ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักประตูของเวลส์ป้องกันไว้ได้อย่างสวยงาม

26' เวลส์ได้โอกาส! เวส เบิร์นส์ได้ซัดฮาร์ฟวอลเลย์ แต่ติดตัวผู้เล่นโปแลนด์
เริ่มต้นจากเล่นแตะมุมสั้น แล้ว จอนนี่ วิลเลียมส์ เปิดบอลมาให้ เวส เบิร์นส์ ที่นอกกรอบเขตโทษ ซัดฮาร์ฟวอเลย์ แต่ติดบล็อตฝั่งผู้เล่นโปแลนด์

31' เวลส์ได้โอกาสอีกครั้ง! แดเนียล เจมส์ มีโอกาสแต่ซัดหลุดกรอบ
ยาน เบดนาเร็ก กองหลังโปแลนด์จ่ายบอลพลาด ทำให้บอลถูกตัดได้จากกลางสนามโดย โจ มอร์เรลล์ แล้วส่ง แดเนียล เจมส์ พาบอลเข้าในกรอบเขตโทษ ก่อนซัดหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

40' โปแลนด์โต้กลับบ้าง อเล็กซานเดอร์ บุคซา มีโอกาสแต่ชาร์จบอลไม่โดน
ตือมอตึช ปูแคตช์ เปิดบอลเรียดมาจากฝั่งซ้าย ผ่านไปยังเขตโทษให้กับ อเล็กซานเดอร์ บุคซา มีโอกาสที่จะทำประตูขึ้นนำ แต่สุดท้ายชาร์จบอลไม่โดน

HALF TIME

52' เวลส์ขึ้นนำ 1-0 จากประตูสุดสวยของ จอนนี่ วิลเลียมส์
ประตูเริ่มจากแย่งบอลได้จากแดนหลังของฝั่งเวลส์ โดยแนวรุกอย่าง แร็บบี้ มาทอนโด้ จ่ายบอลสั้นให้กับ จอนนี่ วิลเลียมส์ ซัดไกลจากนอกเขตโทษเข้าไปอย่างสวยงาม

72' โปแลนด์ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก ยาคุบ คามินสกี
ประตูเริ่มจากการทำเกมบุกของโปแลนด์ แล้วบอลมาถึง ตือมอตึช ปูแคตช์ เลี้ยงบอลเกือบสุดเส้นหลัง จากนั้นเปิดบอลเรียดมาให้ ยาคุบ คามินสกี จับบอลแล้วโยกหลอกยิงเสียบเสาขวาเข้าไปอย่างสวยงาม

85' โปแลนด์ คัมแบ็ค! การอล ชวีแดรซกี ซ้ำลูกแฉลบขึ้นนำ 2-1
รูปเกม ณ เวลานี้เป็นโปแลนด์ที่ได้ครองบอลและบุกอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดจังหวะเปิดของ ยาคุบ คามินสกี ให้กับ แลวันดอฟสกี ยิงแฉลบ รีส นอร์ริงตัน-เดวีส์ แล้วมาเข้าทาง การอล ชวีแดรซกี ยิงไปเข้าไปเป็นประตูขึ้นนำให้กับโปแลนด์

90+1' เวลส์ได้โอกาสแต่ทำไม่ได้ แมตตี้ สมิธ วอลเลย์ข้ามคาน
โอกาสสุดม้ายของเวลส์ จากลูกแตะมุมเปิดเข้ามา คามิล กราบาร่า ผู้รักษาประตูของโปแลนด์ปัดมาเข้าทางของ แมตตี้ สมิธ ได้โอกาสวอลเลย์ในกรอบเขตโทษ แต่สุดม้ายซัดไม่ดีข้ามคานออกไป

จบเกมโปแลนด์เอาชนะไปได้ 2-1 จากการยิง 2 ลูกใน 18 นาทีสุดท้าย ในเกมนัดประเดิมสนามของเนชั่นส์ลีก นัดต่อไปจะเจอกับเบลเยียม ส่วนเวลส์นัดต่อไปจะต้องไปเจอยูเครน

โปแลนด์

Starting Formation 4-3-1-2
1. คามิล กราบาร่า
18. บาร์โตสซ์ เบเรสซินสกี้
15. คามิล กลิค
5. ยาน เบดนาเร็ก
19. ตือมอตึช ปูแคตช์ (Assist 72') --> 73'
14. มาแตอุช กลิค --> 60'
10. เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค --> 81'
6. ยาเซค โกรัลสกี้ --> 60'
20. ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้
9. รอแบร์ต แลวันดอฟสกี (C)
7. อเล็กซานเดอร์ บุคซา --> 73'

สำรอง
2. ยาคุบ คามินสกี (Goal 72') 60' <--
3. มาเตอุช วีแยเตสก้า
4. ตอมัช แคนซิโอร่า
8. ชือมอน ชูร์กอฟสกี 60' <--
11. คามิล โกรซิชกี 81' <--
12. ลูคัสซ์ สโกรัปสกี
13.คามิล เปสตก้า
16. การอล ชวีแดรซกี (Goal 85') 73' <--
17. ดาเมียน ซีมานสกี
21. นิโคลา ซาลิวสกี 73' <--
22. บาร์ตวอมีแยย์ ดรองกอฟสกี
23. กชึชตอฟ ปีออนแต็ก

เวลส์

Starting Formation 3-5-2
1. แดนนี่ วอร์ด --> 45'
2. คริสเตียน กุนเตอร์ (C)
5. คริส เม็ฟฟัม
17. รีส นอร์ริงตัน-เดวีส์
7. แมตตี้ สมิธ
22. ดิลลัน เลวิตต์
16. โจ มอร์เรลล์
18. จอนนี่ วิลเลียมส์ (Goal 52') --> 77'
9. เวส เบิร์นส์ --> 62'
13. คีฟเฟอร์ มัวร์ --> 45'
20. แดเนียล เจมส์ --> 45'

สำรอง
1. เวย์น เฮนเนสซี่ย์ 45' <--
3. เนโก วิลเลียมส์ 62' <--
4. โอลิเวอร์ เด็นแฮม
6. โจ รอดอน
8. แฮร์รี วิลสัน
10. ซอร์บา โทมัส 77' <--
11. แร็บบี้ มาทอนโด้ (Assist 52') 45' <--
14. คอนเนอร์ โรเบิตส์
15. อีธาน แอมพาดู
19. มาร์ก แฮร์ริส 45' <--
21 อดัม เดวีส์
แก้ไขล่าสุดโดย F-Se-A เมื่อ Fri Jun 03, 2022 06:48, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Toon Army Ratchaburi
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1388
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jun 04, 2022 00:45
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
ผมพอวาดการ์ตูนได้ครับ อยากสมัครร่วมงานเป็นคนวาดการ์ตูนครับ ถ้ามีเปิดครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2010
ตอบ: 24
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 10, 2022 16:25
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
ฝากไว้พิจารณาด้วยครับ

เชื่อผม! บลินด์มั่นใจ ETHไปได้สวยกับผี

อดีตแข้งผีแดงอย่างดาลีย์ บลินด์ออกโรงแสดงความเชื่อมั่นกับเอริค เทน ฮาก เจ้านายเก่าที่อาแจ๊กซ์


แข้งวัย 32 ปีได้ร่วมงานกับเทนฮากตั้งแต่ออกจากยูไนเต็ดเมื่อปี 2018 และได้แชมป์ลีคกับแชมป์บอลถ้วยอย่างละ 2 สมัย

บลินด์เชื่อว่าเทนฮากจะนำความสำเร็จกลับมาสู่รั้วโอลด์แทรฟฟอร์ดได้อย่างแน่นอน

"เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม" บลินด์ได้บอกไว้กับสื่อของสโมสรแมนยูไนเต็ด "เขารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร และทำอย่างไรเพื่อที่จะได้มันมา"

"เขาชอบฟุตบอลเกมรุก ซึ่งนั่นเป็นตัวตนของยูไนเต็ด"

"มันยากที่จะพูดนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้คือการเล่นของทีมที่จะได้โชว์ให้ทุกคนได้เห็น"

"ถ้าทำได้นะ การคว้าชัยชนะก็จะเป็นเรื่องง่าย และแน่นอนว่าถ้วยรางวัลต่างๆก็จะตามมาอย่างแน่นอน"

"ผมรู้ว่าโค้ชเป็นคนที่มีศักยภาพ ผมหวังว่าโค้ชจะมีเวลาเพียงพอที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นในแนวทางของเขา และมั่นใจได้ว่าทีมได้เล่นในรูปแบบที่เขาต้องการ ผมมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเขาจะประสบความสำเร็จ

Spoil


ปัดตกรอบสอง! มาเน่ยังไม่ได้ไปมิวนิค หงส์บอกข้อเสนอโคตรน่าหัวเราะ

ซาดิโอ มาเน่ แข้งเซเนกัลตั้งใจว่าจะอำลาถิ่นแอนฟิลด์หลังจากจบฤดูกาลนี้ หลังจากอยู่ร่วมค้าแข้งด้วยกันมาถึง 6 ปี โดยมีบาเยิร์นมิวนิคพร้อมเซ้งไปใช้งานต่อ

ลิเวอร์พูลได้ปฏิเสธข้อเสนอแรกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยที่ทีมดังจากแคว้นบาวาเรียเสนอตัวเลขที่ 21+4 ล้านยูโร ซึ่งทางหงส์แดงมองว่าน้อยไป

ล่าสุดทางบาเยิร์นมิวนิคได้ยื่นข้อเสนอรอบที่ 2 โดยเป็นตัวเลขที่ 23.5+6.5 ล้านยูโร ซึ่งทางลิเวอร์พูลมองว่ามูลค่าของมาเน่ควรอยู่ที่ 42.5 ล้านยูโร

มีการเปิดเผยว่าข้อเสนอ add-ons ที่ทางบาเยิร์นยื่นมา คือ บาเยิร์นต้องได้แชมป์ UCL และ มาเน่ได้รางวัลบัลลงดอร์

Spoil





ผมมั่นใจ! รูดิเกอร์เชื่อตนไปได้สวยกับมาดริด

อันโตนิโอ รูดิเกอร์ อดีตแข้งเชลซีแสดงความมั่นอกมั่นใจหลังจากย้ายไปเรอัล มาดริดแบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์ล่าสุด


แข้งชาวเยอรมันวัย 29 ปี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นครั้งแรกหลังจากที่เซ็นต์สัญญาร่วมทัพชุดขาว 4 ปี

"ใช่ครับ มันค่อนข้างกดดันนะ แต่ก็นี่แหละ เรอัลมาดริด"

"พวกเขาชอบที่จะเอาชนะ และมีแนวคิดในการเอาชนะตลอดเวลา ซึ่งก็ตรงกับบุคลิกของผมด้วยเช่นกัน"

รูดิเกอร์ได้กล่าวถึงอันเชล็อตติหลังจากที่ได้พูดคุยกัน "มันเป็นการบทสนทนาที่น่ายินดีมากๆเลยครับ โค้ชบอกว่าทุกคนยินดีมากๆที่ผมได้มาเล่นที่มาดริด และผมก็ดีใจเอามากๆ"

"แน่นอนว่าอันเชล็อตติเป็นคนที่ทำให้มาดริดแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียว ยังมีเบนเซม่า, โครส, โมดริช, คาเซมิโร่ ซึ่งโค้ชบอกว่าทุกคนยินดีมากๆที่ได้ผมมาร่วมทีม และผมก็ภูมิใจมาก"

"มันทำให้ผมรู้ว่า 3 ปีที่ผ่านมา ผมทำเอาไว้ได้ดีจริงๆ และนั่นก็เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ผมทำผลงานกับมาดริดให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม"

Spoil



ทดเจ็บคนละเม็ด! อัศวินสีส้มยิงท้ายของท้ายเกม เฉือนมังกรแดง 2-1

ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก กลุ่ม A 4
สนาม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2022


3' เหลืองแรกมาเร็ว
จอร์แดน เตเซ่ได้รับใบเหลืองจากจังหวะที่ไปตัดฟาวล์ใส่แดน เจมส์ที่กำลังจะหลุดครึ่งสนามไป ผู้ตัดสินไม่ลังเลควักใบเหลืองให้ทันที

8' อัศวินสีส้มได้ลองทักทาย
โนอา แลงได้บอลจากทางขวาในกรอบ และปาดให้โคปไมเนอร์ได้ซัด ติดบล็อกออกหลัง

14' เวลส์ได้โอกาสเตะมุม
แดน เจมส์ได้เปิดมุมจากทางซ้าย สวิงเข้ามาเป็นทางแฮรี่ วิลสันได้เทคตัวขึ้นโหม่ง แต่หลุดออกหลังไป

16' เวลส์ได้โขกต่อเนื่อง
คริส เมแฟมได้จังหวะครอสจากทางขวา และเป็นนอร์ริงตัน-เดวี่ส์ได้เทคตัว โหม่งข้ามคานไปไกล

25' เวลส์ได้เสียวจากฟรีคิก
แฮรี่ วิลสันได้ปั่นฟรีคิกมาทางเสาแรก แต่เฟลคเค่นนายทวารอัศวินสีส้มยังพุ่งเซฟไว้ได้ทัน

30' เจมส์ได้ลองเองบ้าง
คราวนี้เป็นแดน เจมส์ได้ลองยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ก็ตรงตัวเข้ามือผู้รักษาประตูสบายๆ

42' กังหันมีโอกาสบ้าง
จากฟรีคิกของโคปไมเนอร์ โดนทางเวลส์สกัดมาเข้าทางชูเตน ได้ซัดแต่ก็ยังติดบล็อกอยู่ดี

45' ก่อนจบครึ่ง กักโปได้ลุ้น
บอลหลุดเข้ากรอบไปจากการสาดยาวของเฟลคเค่น ก่อนกักโปจะเก็บบอลได้ และล็อคเข้าขวา ยิงไปติดบล็อก ออกไปอย่างน่าเสียดาย

HALF TIME

49' กังหันได้ลองฟรีคิกบ้าง
โคปไมเนอร์ได้โอกาสจากฟรีคิก ปั่นไปทางเสาแรก ฮุกลงข้างเสาออกหลังไป

50' อัศวินสีส้มยิงนำแล้ว!
ชูเตนได้บอล จากนั้นจ่ายต่อให้โคปไมเนอร์ พลิกตัวยิงด้วยขวาบริเวณเส้นเขตโทษ บอลพุ่งเรียดเข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม

58' ล้ำหน้าไปก่อน
เวคฮอร์สได้จังหวะจิ้มเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่กักโปจะได้ชิพข้ามตัวผู้รักษาประตู ออกหลังไป แต่ถึงอย่างไงก็ล้ำหน้าไปก่อนอยู่ดี

67' เจมส์ได้ซัดนอกกรอบ
จังหวะเกมสวนกลับของเวลส์ แดน เจมส์มีโอากาสได้ยิงบริเวณหัวกะโหลก แต่ก็ข้ามคานไป

72' กังหันเปิดได้เสียว
โนอา แลงได้เปิดโด่งจากหน้ากรอบเขตโทษ มีเพื่อนวิ่งโฉบไปแล้ว แต่ทางผู้รักษาประตูเวลส์ยังปัดไว้ได้

77' เบลมาแล้ว
เวลส์ตัดสินเปลี่ยนเอาแกเร็ธ เบลลงมาเพิ่มมิติในเกมรุก

90+2 เวลส์ทำได้!!!
เอาจนได้สำหรับเวลส์ ประตูตีเสมอจากจังหวะเปิดมาจากทางกราบขวาโดยโรเบิร์ตส และเป็นรีส นอร์ริงตัน-เดวี่ส์ได้เทคตัวเบียดกับผู้เล่นเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่จะโหม่งเข้าไป

90+4 โดนกลับทันที!!!

ทางเวลส์ดีใจยังไม่ทันไร ทัพอัศวินสีส้มก็บุกต่อทันที เริ่มจากเดยอง ก่อนป้ายออกทางซ้ายให้มาลาเคีย เปิดเข้ากลางมา มีเวคฮอร์สยืนรอโหม่งคนเดียวโล่งๆบริเวณจุดโทษ แซงกลับทันที

จบเกม เนเธอร์แลนด์เอาชนะเวลส์คาบ้านไปได้ 2-1 และยังเก็บได้ 6 แต้มเต็ม ส่วนทางเวลส์ยังไม่มีแต้มเลย

รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง

เวลส์ (4-4-2) : แดนนี่ วอร์ด (อดัม เดวี่ส์ น.46) - คอนนอร์ โรเบิร์ต, คริส เมแฟม, โจ โรดอน, เบน เดวี่ส์ - รีส นอร์ริงตัน-เดวี่ส์, แฮรี่ วิลสัน, โจ มอร์เรล (รูบิน โคลวิล น.60), ดีแลน เลวิตต์ (แมตต์ สมิธ น.68) - แดเนียล เจมส์ (แรบบี มาทอนโด น.77), เบรนแนน จอห์นสัน (แกเร็ธ เบล น.77)

ผู้จัดการทีม : โรเบิร์ต เพจ

เนเธอร์แลนด์ (3-4-2-1) : มาร์ค เฟลคเค่น - จอร์แดน เตเซ่, สเตฟาน เดอ ไฟรจ์, แมตเธียส เดอ ลิกต์ (บรูโน่ มาร์ติน อินดี้ น.84), ฮานส์ ฮาเทอบอร์, ทึน คูปไมเนอร์, เจอร์ดี้ ชูเท่น (แฟรงกี้ เดอ ยอง น.67), ไทเรล มาราเคีย - โนอา แลง (กุส ทิล น.90), โคดี้ กักโป (สเตฟาน เบิร์กไวจน์ น.67) - วูธ เวคฮอร์ส

ผู้จัดการทีม : หลุยส์ ฟาน กัล



แก้ไขล่าสุดโดย pie2ous เมื่อ Thu Jun 16, 2022 01:52, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 111
ที่อยู่: IP Fourth
โพสเมื่อ: Wed Jun 15, 2022 04:45
[RE: WM รับสมัครนักข่าวครับ]
ไก่สนมั้ย! "สเปนซ์" สนใจย้ายเข้าเล้าไก่

The Athletic สำนักข่าวดังจากเเดนผู้ดี รายงาน

Djed Spence ดาวรุ่งพุ่งเเรงของสโมสร "มิดเดิ้ลสโบรช์" แสดงความต้องการที่จะเข้าร่วมจอย "ท็อตแนมฮ็อทสเปอร์"
นักเตะทีมชาติอังกฤษรุ่น U-21 ที่มีสัญญากับเดอะ โบโร่ จนถึงปี 2024 แต่ทีมจากแชมป์เปี้ยนชิพพร้อมที่จะทำต่อสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้

แบ็คขวารายนี้มีสัญญายืมตัวกับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ในฤดูกาลที่แล้ว
ช่วยให้ทีมของสตีฟ คูเปอร์ได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก

แต่เชื่อกันว่า สเปนซ์ สนใจย้ายสเปอร์สมากกว่าทีมอื่นๆ
และพวกเขาเตรียมเจรจากับโบโร่ แม้ว่าจะไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ก็ตาม



ยินดีต้อนรับกลับอังกฤษ! "กอมปานี" โยกซบคุมทีม "เบิร์นลี่" พร้อมลุยเเชมเปี้ยนชิป

เเวงซองต์ กอมปานี ตำนานกองหลัง เเมนฯซิตี้ ได้ตอบรับคำเชิญ จากสโมสร Burnley คุมทีมสู้ศึก เเชมเปี้ยนชิป


อดัตตำนานนักเตะวัย 36 ปีรายนี้ เข้าร่วมเป็นกุนซือทีม อันเดอร์เลชต์ ของลีกเบลเยี่ยมเป็นเวลา 2ปี เเละคุมทีมจบอันดับ 3 ด้วยนักเตะที่อายุค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดในลีก เเละนำทีมเข้าชิง เบลเยี่ยมคัพ ในซีซั่นล่าสุด

“ผมตื่นเต้นกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า” กอมปานีกล่าว

"สโมสรฟุตบอลเบิร์นลี่ย์เป็นทีมประวัติศาสตร์ของอังกฤษอย่างแท้จริง และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่"

“ผมรู้สึกประทับใจกับวิสัยทัศน์ของบอร์ดบริหารที่สอดคล้องกับตัวผมเอง และผมก็ตั้งตารอที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในขณะที่เราเข้าสู่ฤดูกาลที่สำคัญ”





มันโช่ลั่น! อิตาลี่ต้องมีทัศนคติเหมือนตอนได้เเชมป์ EURO 2020

โรเบอร์โต้ มันชีนี่ อธิบายเป้าหมายของอิตาลีสำหรับยุคใหม่นี้คือ "ต้องปรับทัศนคติ" เหมือนตอนที่ชนะยูโร 2020 ก่อนที่จะไปเยือน เยอรมัน ในเนชั่นลีกคืนนี้

“อัซซูรี” ไม่แพ้ใครและเป็นจ่าฝูงของกลุ่มจนถึงตอนนี้ใน เนชั่นลีก หลังจากทำการเสมอกับเยอรมันและอังกฤษ โดยเอาชนะฮังการีไป 2-1 ได้

“ผมคิดว่าเป้าหมายของเราคือการสร้างทีมที่เล่นได้ดี เหมือนกับทีมของเราที่คว้าแชมป์ยูโร” มันชินี่กล่าวกับ RAI Sport
“บางทีผู้เล่นอาจมีนิสัยที่แตกต่างกัน พวกเราเลยส่งบอลยาวได้ในแนวลึกมากขึ้น แต่เราสูญเสียทัศนคติในการเล่นเกมรุกและเพรสซิ่งไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน พวกเราต้องนำมันกลับมา”

เนื่องจากการล้มเหลวในการผ่านเข้ารอบคัดเลือกสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์ ที่ผ่านมา มันชินีกำลังประกาศการเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ของอิตาลีในรอบคัดเลือกชิงแชมป์ ยูโร 2024




โด้พัก! "สวิส" โครตเหนียวเฉีอน ฝอยทอง 1-0
ศึกยูฟ่า เนชั่นลีก กลุ่ม A2 "ฝอยทอง" โปรตุเกสที่ไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดน "เเดนนาฬิกา" สวิสเซอร์เเลนด์ ที่ยังหาชัยชนะไม่เจอ บุกขึ้นนำตั้งเเต่นาทีเเรก

ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก กลุ่ม A 2

สนาม Stade de Genève

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2022

ผู้ตัดสิน ฟราน โยวิช (โครเอเชีย)


ไว... เจ้าถิ่นนำไปก่อนตั้งเเต่นาทีเเรก 1-0
1' เจ้าถิ่นนำไว ด้วยลูกครอสของ ซิลวาน วิดเมอร์ โล่งๆ ให้ฮาริส เซเฟโรวิช(สวิตเซอร์แลนด์)โหม่งเช็ดบอลจากกลางเขตโทษ เข้ามุมล่างซ้าย

5' เปเป้ ป.ประมุข ได้โขก
นูโน่ เมนเดส เปิดเตะมุมโค้งๆ ให้เปเป้ ได้โขกเเต่ติดนักเตะ สวิสฯ

17' เซฟได้ไง! ดานิลโล่ โหม่งโล่งๆโดนปัดทิ้ง
ฝอยทองได้ลูกเปิดมุม ถึงเนเวสโหม่งชงต่อให้ ดานิลโล่ได้โขกโล้่งๆ เเต่ออมลิม ซุเปอร์เซฟช่วยไว้ได้

18' ฝอยทอง บุกต่อเนื่อง
บรูโน่จ่ายบอลทะลุช่องให้ อังเดร ซิลว่าได้ส่องไกล เเต่ว่าล้ำหน้าซะก่อน

ชาคิรี่ เจ็บเเฮมสตริงเล่นต่อไม่ไหว
22' ชาคิรี่เจ็บเเฮมสตริงจากจังหวะ สปินท์บอล เเย่งนักเตะโปรตุเกส จนต้องเปลื่ยนตัว โนอา โอกาฟอร์มาเเทน

26' ซิลว่า ได้ส่องเเต่ติดบล๊อค
จากจังหวะเปิดบอล ของโอตาวิโอ้ อังเดรซิลว่า ล๊อคเข้าท้ายขวาได้ส่อง เเต่โดน วิดเมอร์ บล๊อคทันอย่่างหวุดหวิด

40' โปรตุเกส เริ่มเเผ่วปลายครึ่งเเรก
ก่อนจบครึ่งเเรกโปรตุเกส เริ่มเเผ่ว ไม่สามารถผ่านเเนวรับของสวิสฯ ได้

จบครึ่งเเรก 1-0
45' จบครึ่งเเรกด้วยประตู ของเซเฟโรวิช ตั้งเเต่นาทีเเรก โปรตุเกสพยายามบุกเพื่อตีเสมอ เเต่ยังไม่สำเร็จ

HALF TIME

เปลื่ยนตัวสำรอง ทั้งคู่!
45' สวิสฯเปลื่ยน วิดเมอร์ ผู้ที่แอสซิสต์ ประตูเเรกออก ส่ง เรนาโต้ สเตเฟน
ส่วน โปรตุเกสเปลื่ยน โอตาวิโอ้ ส่ง กอนซาโล่ กูเอเดสมาเเก้เกมเพื่อหวังประตูตีเสมอ

58' โปรตุเกสเริ่มโหมบุกเอาประตูคืนอีกครั้ง
โปรตุเกส ได้จังหวะการบุกหลายต่อหลายครั้ง เพื่อเอาประตูคืนเเต่ยังไม่ผ่านเเนวรับ เเดนนาฬิกา

โปรตุเกส เปลื่ยนอีก 2!
62' ผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกส เฟอนานโด ซานโตส เเก้เกมอีกครั้งโดยเปลื่ยน อาวุธหนัก เบอนานโด้ ซิลว่า เเละ ดีโอโก้ โจต้า เเทน วิตินญ่า เเละ ราฟาเฟล เลเอา ตามลำดับ

72' เซฟอีก! กูเอเดสโฉบมายิง เเต่ติดเซฟ ออมลินอีกเเล้ว
โปรตุเกสผ่านบอล ทางด้านซ้ายเเละ นูโน่ เมนเดส หาจังหวะจ่ายทะลุช่องข้ามฟาก ให้กูเอเดา โฉบเข้ามายิงเเต่ ออมลินยังเซฟไว้ได้

77' โชต้า โขกโล่งๆเต็มหัว ได้ลุ้น
บอลเริ่มจากตัวสำรอง มัทเธอุส นูเนส จ่ายให้เเบ๊คขวา คันเซโล่ เห็นเบอนาโด้ วิ่งตัดกองหลังทางริมเส้น ได้จังหวะเปิดย้อยๆให้ โชต้าที่อยุ่ทางเสาไกลโขกบอลเต็มหัว เเต่ยังติดเซฟ ออมลิน คนดีคนเดิม

85' ฮอร์ต้า ได้ปั่นโค้งๆ หลุดกรอบไป
โปรตุเกส โหมเกมบุกอีกครั้ง โดยมัทเธอุส นูเนส เลี้ยงบอลหลบกองหลัง สวิสฯ เเล้วจ่ายให้ ตัวสำรอง ริคาโด้ ฮอต้า ได้ปั่นโค้งๆ หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

87' สวิสฯ สวนกลับเกือบได้!
โปรตุเกสเสียบอลให้กับ เซ็นเตอร์เเบ็ค สวิสฯ นิโค เอลเวอดี้ ได้เลี้ยงผ่านตรงกลางเข้ามาเเล้วผ่านบอลให้ สตีเวน เเอลเเบร์ ตัวสำรอง ได้ส่องไกลเเต่ติดมือของ รุย ปาทริซิโอ้ นายทวารจอมเก๋า ของโปรตุเกส

89' เหนียวจังโว้ย! เปเป้ส้มหล่น ยังยิงติดเซฟ ออมลิน อีก
เปเป้ได้ลูกส้มหล่น จากการสกัดบอลที่ผิดพลาดของเเนวรับสวิสฯ เเล้วก็เป็น ออมลิน ที่ไม่รู้วันนี้กินอะไรมา เซฟได้อีกครั้ง

เจ้าถิ่นเฉือนชนะเเบบหืดจับด้วยสกอร์ 1-0
จบเกมโปรตุเกสมีโอกาสยิงถึง 20 ครั้ง เเต่ไม่สามารถเจาะเเนวรับของสวิสฯได้ ยังรั้งที่สองในกลุ่ม A2 ส่วนสวิสเซอร์เเลนด์ ยังมีลุ้นเข้ารอบเพราะเฉือนชนะโปรตุเกส ตามหลังอันดับ 3 อย่าง สาธารณรัฐเช็ก อยุ่ 1 เเต้ม

รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง

สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1) : โยนัส โอมลิน - ซิลวาน วิดเมอร์ (เรนาโต้ สเตฟเฟ่น น.46), นิโค เอลเวดี้, มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด้ โรดริเกซ (เลโอไนดาส ชเตอร์จิอู น.79) - เรโม ฟรอยเลอร์, กรานิต ชาก้า, ฌิบริล โซว์ (มิเชล เอบีเชอร์ น.79) - เซอร์ดาน ชาคิรี่ (โนอาห์ โอคาฟอร์ น.21), แฮริส เซเฟโรวิช, บรีล เอ็มโบโล่ (สตีเวน ซูเบอร์ น.65)

ผู้จัดการทีม : มูรัต ยาคิน

โปรตุเกส (4-3-3) : รุย ปาตริซิโอ - ชูเอา กานเซโล่, ดานิโล่ เปเรยร่า, เปเป้, นูโน่ เมนเดส - บรูโน่ แฟร์นันด์ส (แมธทิอุส นูเนส น.74), รูเบน เนเวส (ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า น.82), โอตาวิโอ้ (กอนซาโล่ กูเอเดส น.46) - ราฟาเอล เลเอา (ดีโอโก้ โชต้า น.62), อันเดร ซิลวา, วิตินญ่า (แบร์นาร์โด้ ซิลวา น.62)

ผู้จัดการทีม : แฟร์นานโด ซานโต๊ส






แก้ไขล่าสุดโดย Earn7 เมื่อ Wed Jun 15, 2022 14:22, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel