Top Comment [RE: [ปรึกษาชีวิต] อายุ31 แล้วควรเริ่มต้นกับงานยังไงดีครับ มืดแปดด้าน]
เอาจริงๆ ถ้ามีทุนหรือที่บ้านพร้อมสนับสนุน แนะนำว่าอยากทำอะไรก็ทำเลยครับ จะ success ไม่ success ก็ช่างมัน เมื่อทำไปถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ว่าเราอยากทำอะไรจริงๆ อย่างชีวิตของผม
.
> ตอนจบ ม.3 ที่บ้านเชียร์ให้ไปสอบนายร้อยอะไรก็ได้(ส่วนตัวอยากได้ทัพอากาศ อยากขับ F-16) เพื่อนสนิทบอกอย่าสอบนายร้อย ให้มาสอบนายช่างการไฟฟ้ากับมัน จบมาจะได้ไปทำงานการไฟฟ้าได้เลย ไม่เชื่อเพื่อนไปติวเข้านายร้อยอยู่ตั้งเทอมนึง สุดท้ายเจอด่านตันเพราะมีปัญหาหนังตาตก แม่ถึงขั้นพาไปศัลยกรรมผ่าตัดทำตาสองชั้นดึงหนังตาให้ปกติ ผ่าไป 2 รอบหมอบอกว่าเป็นชนิดที่รักษายาก แก้ไม่ได้ สุดท้ายจบ ยกเลิกแผนที่จะสอบเข้านายร้อยทิ้งไป(ส่วนตัวผมว่าก็ดี เพราะส่วนตัวมั่นใจข้อเขียนแต่ไม่มั่นใจภาคปฏิบัติเพราะผมวิดพื้นได้เต็มที่ไม่เกิน 5 ครั้ง ผมดึงข้อได้เต็มที่ไม่เกิน 3 ครั้ง ข้อเขียนผ่านไปก็ตกปฏิบัติอยู่ดี)
.
> ตัดสินใจจะเข้าสถาปัตย์ตอน ม.5 เทอม 2 เลยไปเข้าค่ายโดยตรงของ สถ.มช. ม.6 เลยหมดเวลาทั้งปีไปกับการติวเฉพาะทาง โชคดีติดสอบตรงของ ม.ช. เข้าได้ตั้งแต่ธันวาคม
(แฟ้มผลงานไม่ได้เรื่อง มารู้ทีหลังตอนที่คณะคืนแฟ้มผลงานให้ รู้เลยว่าผ่านเข้าไปเรียนได้เพราะได้คะแนนพิเศษเด็กที่มาติวโดยตรงกับคณะตอนปิดเทอม เพราะคะแนนพอร์ทมีแค่เหลืองกับแดง ผมคิดว่าถ้าไม่ได้ไปติวคงโดนกรรมการปัดตกไปแล้ว) พอรู้ว่าติดสอบตรงแล้ว เททุกสิ่งอย่างไม่เรียนเลยตั้งแต่หลังปีใหม่ ไม่คิดจะไปสอบเข้าธรรมศาสตร์ จุฬา ศิลปากร ลาดกระบังอีกแล้ว ไม่อยากเสี่ยงไปแล้วพลาด
.
> ยังคงคาดหวังจะได้ทำงานกับ การไฟฟ้าฯ ถึงขั้น ปี 4 ตัดสินใจไม่ไปฝึกงานกับบริษัทสถาปนิก แต่เลือกที่จะไปฝึกงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสำนักงานใหญ่โดยตรง เผื่อว่าจะใช้เป็นใบเบิกทางในการสมัครเข้าในอนาคต ตอนนี้รู้แล้วว่าพลาดที่ไม่เชื่อเพื่อน ตอน ม.3 เพราะถึงจุดนี้เพื่อนผมบรรจุเป็นพนักงานการไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว อนาคตสดใส มีรถขับ มีคอนโดอยู่กลางเมือง มีเงินเดือนสูง มีงานมั่นคง ขณะที่ผมยังต้องมาทำ Thesis อีกปี
.
> จบสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตอนอายุ 24 ปี(สถ.ตามหลักสูตรเรียน 5 ปี) แต่ความหวังในการเข้าไฟฟ้าเลือนรางเพราะสอบ TOEIC ไม่ผ่าน ไฟฟ้าต้องการ TOEIC - 550 ขณะที่ผมทำเต็มที่ สอบไป 6 ครั้ง สูงสุดที่ได้คือ 380 ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจจะยอมแพ้ไม่สอบ TOEIC ต่อแล้ว เสียดายเงิน
.
> ตอนเรียนจบเพื่อนที่คณะชวนไปทำงานบริษัท Interior แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เข้าไปปรากฎว่าเป็นช่วงที่พนักงานเก่าของบริษัทลาออกพร้อมกันทั้งบริษัท ทิ้งน้องฝึกงานให้อยู่ออฟฟิตที่ไม่มีพนักงาน 2 คน กลายเป็นว่าผมกับเพื่อน 2 คนต้องทำทุกอย่างที่พนักงานเก่าทิ้งเอาไว้ให้แถมต้องมาเรียนรู้งานกับน้องฝึกงานที่อยู่มาก่อน โดยไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ทำไปได้ซักพักเพื่อนลาออกไปช่วนธุรกิจที่บ้าน ผมต้องกลายเป็นหัวหน้าออฟฟิตทั้งๆ ที่ทำ 3DMax ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ ทำเป็นอยู่อย่างเดียวคือเขียนแบบ AutoCAD และเรื่องนี้แมม้แต่เจ้าของออฟฟิต พนักงานที่มาทีหลัง หรือแม้แต่รุ่นน้องที่มาฝึกงานตลอดช่วง 2 ปีที่ผมทำงานอยู่ก็ไม่รู้ คนที่ทำ 3DMax Render Sketchup ไม่เป็นสามารถเนียนเป็นหัวหน้าออฟฟิตออกแบบได้อยู่ตั้ง 2 ปี โชคดีมี outsource จัดการให้หมด ผมอยู่รอดเพราะสกิลประสานงานล้วนๆ สุดท้ายทะเลาะกับเจ้าของออฟฟิตเรื่องโบนัสประจำปี จึงขอลาออก
.
> ลาออกได้ 3 เดือนไปสมัครงานกับบริษัทอสังหาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อน ตอนนั้นคิดแค่อยากได้งานทำ ทำงานไปได้ 3 วัน จึงเพิ่งทราบข่าวว่าเป็น 1 ในออฟฟิตที่ติด blacklist ของเด็กสถาปัตย์จากเชียงใหม่ เข้ามาเจอแจ๊กพอตของเจ้าของบริษัท เข้าใจเลยว่าทำไมถึงติด Blacklist จึงยอมทำต่ออีก 2 วันแล้วขอลาออกเลย
.
> อยู่เป็น freelance รับเขียนแบบอีก 1 ปี อาศัยบุญเก่าจากสกิลวิชา Interior จากการทำงาน ตอนนี้แทบจะไม่เหลือเค้าความเป็นคนที่จบสถาปัตยกรรมแล้ว แปลงร่างกลายเป็น Interior&Draftman ไปแล้ว ระหว่างนี้แอบไปสอบสถาปนิกของกรมป่าไม้เอาไว้ ติดสำรองลำดับ 3
.
> เป็น freelance ได้ 1 ปี แม่ตกบันไดและเริ่มมีอาการปวดหัวเข่า จึงตัดสินใจยอมทิ้งเชียงใหม่เพื่อกลับบ้านมาดูแลแม่ น้าจึงให้มาลองเฝ้าร้านเฟรชมาร์ทขายอาหารแช่แข็ง ขายไข่ ขายข้าวสาร ขายไก่ย่าง 5 ดาวอยู่ปีกว่าๆ เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีความสุขเลย เหมือนติดคุกไปไหนไม่ได้ เช้ามาต้องมาเฝ้าร้าน ค่ำมาปิดร้าน ทำให้รู้ว่าไม่ชอบงานทุกอย่างที่เป็นงานค้าขายที่ต้องเปิด-ปิดร้านทุกวัน ระหว่างนี้ป่าไม้เรียกตัวไปบรรจุแบบไม่คาดคิด แต่ทำไงได้ร้านเฟรชมาร์ท เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือนเลยปฏิเสธที่จะไปบรรจุ ผ่านไปไม่นานร้านไปไม่รอด เพราะ Makro มาเปิดสาขาที่จังหวัด ลูกค้าแทบไม่เหลือ เลยไปคุยกับน้าว่าอย่าทำต่อไปเลย เจ๊งเปล่าๆ เสียค่าไฟเดือนเป็นหมื่นค่าตู้เย็น ข้าวที่ซื้อมาขายก็เหลือ มอดเริ่มขึ้นขายไม่ได้ ไข่ก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง อาหารแช่แข็งที่ซื้อมาขายทะยอยหมดอายุขายไม่ออก ส่วนตู้ไก่ย่าง 5 ดาวก็ไม่ขายแล้ว เดือนนึงขายหมดตู้แทบนับวันได้ ที่เหลือต้องเหลือมาอุ่นขาย ไม่ก็ต้องเอามากินเอง อย่าถามถึงกำไร สุดท้ายตัดสินใจปิดร้านถาวร แล้วเอาตึกให้คนอื่นเช่าแทน
.
> มาถึงจุดที่ได้เริ่มทำในสิ่งที่อยากลองทำมานานก็คือปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ และรับเป็น freelance รับเขียนแบบ แม้จะได้กำไรบ้างไม่ได้บ้างในฤดูกาล แต่แลกกับความสบายใจที่ได้ทำ สบายใจที่จะไปไหนก็ได้ ได้อยู่ท่ามกลางสวนผักผลไม้ มันดีจริงๆ นะ แม้จะไม่ร่ำรวยแบบคนมีเงินเดือน แต่ได้ขับรถเที่ยว ได้ไปพักกินกาแฟ ไปร้านหนังสือ ใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อย มีเวลาศึกษาหุ้นมากขึ้น ผ่านมาอีก 2 ปีการเล่นเกม Harvest Moon ในวัยเด็กกระตุ้นให้อยากลองเลี้ยงวัว และพอความต้องการพีคสุดๆ ก็ไปซื้อวัวมาเลยโดยไม่ปรึกษาคนที่บ้านซักคำ คนที่บ้านตกใจกันมาก ผมถือเคียวไปเกี่ยวหญ้าทุกวันๆ เช้าเย็นๆ ตากฝนเกี่ยวหญ้าทั้งวันก็ทำมาแล้ว แรกๆ ที่บ้านคิดว่าคงทำไม่นานเดี๋ยวก็เลิก จนสุดท้ายกลายเป็นว่าเริ่มทำแปลงหญ้า เริ่มเปลี่ยนมาใช้เครื่องตัดหญ้า เริ่มตัดสินใจเช่านาชาวบ้านปลูกหญ้า นานวันเข้าที่บ้านเริ่มเห็นผลผลิต วันเริ่มคลอดออกมาทีละตัวสองตัว เขาจึงลงทุนยกที่ดินให้สร้างคอกวัว เราเริ่มเล่าถึงแผนการว่าจะเลี้ยงไปในทิศทางไหน จะทำเงินจากมันยังไง จะต่อยอดผลผลิตจากวัวยังไงในอนาคต ตอนนี้มีความสุขมากครับ เงินระยะสั้นอาจจะไม่มี แต่อนาคตผมมองเห็นเงินก้อนโตรอผมอยู่จากวัวฝูงนี้ จากสวนผัก และจากสวนผลไม้หลายๆ อย่างที่จะเป็นแผนใหม่ในอนาคตในการใช้จัดการขี้วัวที่เราได้ทุกวัน
.
ที่เล่ามาทั้งหมดก็คือ ผมจะบอกว่าอย่าไปกดดันตัวเองครับ ทำอะไรที่อยากทำหรือไม่อยากทำไปก่อน ขอแค่รู้สึกสบายใจที่ได้ทำแล้วประสบการณ์จะลากเราไปหาสิ่งที่เรารู้สึกว่านี่แหละ น่าจะใช่ทางของเราเอง
อำนาจ ความเชื่อ ความรัก คือ 3 สิ่งที่ตรรกะมนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นอย่าถามว่าทำไมกับเรื่องพวกนี้