พอดีมีแฟนคลับเพื่อไทยเขาแซะมาฮะ ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน
ขออนุญาตทำโพลเลยแล้วกัน

คำถามคือ คนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล/อนาคตใหม่ คิดว่าปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงของชาวบ้าน/คนต่างจังหวัด คือสาเหตุหลักของวิกฤตการเมืองไทยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา และหากชาวบ้าน/คนต่างจังหวัดเลิกขายเสียง รู้ทันนักการเมือง ยึดอุดมการณ์เป็นหลัก เราจะได้นักการเมืองคุณภาพเข้ามาแก้วิกฤตการเมืองและโค่นล้มระบอบเผด็จการได้

จะโหวตหรือจะคอมเม้นท์ ถกเถียง กันได้ตามสบายเลยครับ ส่วนตัวผมเคยออกความเห็นเรื่องนี้ไปแล้ว ขออนุญาตไม่ร่วมถกเถียงด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการชี้นำ

สำหรับผม ปัญหาเกิดจากขาดความต่อเนื่องของกระบวนการเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการเซ็นต์รับรองรัฐประหารต่างหากครับ มันเลยไม่เกิดการแก้ไขที่ยั่งยืน

การขายเสียงมีส่วนครับ แต่ไม่ใช่ต้นเหตุ

ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา เราจะใจเร็วด่วนได้มันไม่ได้หรอกครับ

ลองไปเปรียบเทียบดูสิครับ ตั้งแต่ 2475 เป็นต้นมาเรามีรัฐบาลพลเรือนกี่ปี รัฐบาลทหารกี่ปี

เอาสัดส่วนมาเทียบกันได้เลยครับ

แม้จะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่บอกเลยประเทศเราจะไม่ดักดานขนาดนี้ ขนาดว่าพวกเราคิดว่านักการเมืองไทย

มันเลว ซื้อเสียงเพื่อให้ได้เป็น สส แล้วไปถอนทุน เรายังมีนโยบายดีๆที่กำเนิดมาเพื่อประชาชน อย่าง กยศ.

30 บาทรักษาทุกโรค วิกฤติการเมืองไทยต้นเหตุคือ "ทหารไทยและ......." ไปเติมคำในช่องว่างเองครับ

ประชาชนจะมามัวทะเลาะกันเอง โทษกันเองตามที่เค้าต้องการทำไมหล่ะครับ

หันนิ้วชี้ไปให้ถูกคนครับ

นึกภาพตามผมนะครับ

1. ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไอ้ตู่ได้เป็นนายก

2. มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไอ้ตู่ได้เป็นนายก

เห็นอะไรมั้ยครับ

ถ้าเราปล่อยให้ทุกอย่างรันตามระบบ ป่านนี้ประชาธิปไตยเราเข้มแข็งแล้วครับ คนไทยบางพวกยังมองภาพไม่ออก

ชอบหันมาโทษประชาชนด้วยกันเอง

ขอทู้ต้นเรื่องด้วยฮะ แต่ถ้าเกริ่นว่าติ่งเพื่อไทยเดาไม่ยากว่าใคร

ปัญหาที่แท้จริงสำหรับผมคือ พูดไม่ได้

ขออนุญาตไม่เปิดวาร์ปละกัน (แต่ก็ไม่น่าหายากหรอก)

อย่าไปต่อความยาว สาวความยืดเลยครับ มันอาจจะเป็นแบบที่เขาแซะจริงก็ได้ ผมถึงได้มาตั้งกระทู้ เพราะคิดว่ามันอาจจะจริงนี้แหละ

ถ้าจริง ก็ก้มหน้ารับการโดนแซะไปฮะ แล้วก็กระจายแนวคิด กระจายข้อมูลกันต่อไป

ถ้าอยากมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งผมว่าเราต้องผ่านยุคพวกนี้นะ เราจะก้าวกระโดดไปมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งได้โดยไม่ผ่านยุคชาวบ้านขายเสียงผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ประชาธิปไตยมันต้องมีพลวัตการเติบโตสอดคล้องกับคุณภาพประชาชน

สิ่งที่ฉุดรั้งประชาธิปไตยไทยไม่ให้ไปไหนแถมถอยหลังด้วยคือ XXX เรื่องชาวบ้านขายเสียงอะไรพวกนี้มันเล็กน้อยมากถ้าประเทศเรามีการเลือกตั้งกันบ่อย ๆ ปัญหาชาวบ้านขายเสียงมันจะค่อย ๆ หายไปเองปัญหาหลักของประชาธิปไตยคือระบบที่เข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยทำให้ระบอบมันมั่ว ทุกวันนี้ถ้าใครเปิดอ่านรัฐธรรมนูญคุณก็จะรู้ว่ามันไม่เป็นประชาธิปไตย ขนาดรัฐธรรมนูญศูนย์กลางของประชาธิปไตยยังไม่เป็นประชาธิปไตยก็คิดดูเอาก็แล้วกันว่ามันมั่วกันขนาดไหน

ผมว่าการซื้อเสียง การที่มีนักการเมืองทุจริต มีการคอรัปชั่น เป็นแต่ปลายเหตุ
แต่ต้นเหตุที่แท้จริงอยู่ที่ประชาชนในยุคก่อนๆยังไม่เข้าถึงอำนาจที่ตนเองควรมีควรได้
ไม่ได้เรียนรู้หรือมีความเข้าใจต่อสิทธิที่ตัวเองควรมี
ไม่มีความฝันถึงชีวิตที่มีคุณภาพกว่าที่เป็นอยู่
ไม่ได้เรียกร้องหรือส่งเสียงถึงสิ่งที่ตนเจ็บปวด

ดังนั้นการสร้างความตระหนักรู้จึงจำเป็น
โดยเฉพาะคนในยุคใหม่ๆที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายเช่นเข้าถึงวิถีหรือคุณภาพชีวิตของพหุสังคมอื่นๆ
จนเกิดปรากฏการณ์ตาสว่างในสังคมไทย
ไม่ใช่แค่ต่อสถาบันเท่านั้น แต่ต่อโครงสร้างระบบราชการ โครงสร้างทางศาสนา โครงสร้างทางความเชื่อ โครงสร้างอำนาจทั้งหมด
การสร้างความศักดิ์สิทธิ์เพื่อมอมเมา กดขี่ จึงกลายเป็นความล้าหลัง
ดูในยุคก่อนๆที่ผู้นำพยายามปรับตัวเพื่อลดความholyลง ในยุคนี้ดันเน้นความholyมากขึ้น ยิ่งจะทำให้มันเสื่อมเร็วขึ้นอย่างแน่นนอน

จริงเพราะที่บ้านทำท้องถิ่นอยู่ เลือกตั้งทีก็ต้องหากู้หาหยิบยืม พอชนะเเล้วจะหาทุนคืนจากไหนล่ะ เงินประจำตำเเหน่งมันพอหรอ???

จ่ายเงินมาก็ต้องเลือกไม่งั้นมันบาป(เคสเเม่ตัวเองเลย) เงิน+ผลประโยชน์ให้ตัวเองคือสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ จะหาว่าเหยียดจะหาว่ามองคนไม่เท่ากันอะไรก็เเล้วเเต่ มันคือเรื่องจริงอ่ะผิดก็คือผิดป่ะ เลือกตั้งเเต่ล่ะรอบหลักๆชาวบ้านก็ต้องการเงินทั้งนั้น ทั้งๆที่การซื้อเสียงขายเสียงมันผิดกฏหมาย ไม่ใช่ชาวบ้านไม่รู้เเต่ก็ยังจะทำ (ขอใช้คำว่าไม่ใช่ชาวบ้านทุกคนล่ะกันเพราะก็มีชาวบ้านดีๆ) เค้ามองนโยบายเป็นเรื่องรองด้วยซ้ำ

อยากรู้ว่าซื้อเสียงขายเสียงส่งผลต่อวิกฤตการเมืองไทยมั้ย ลองไปสมัครลงเลือกตั้ง เอาเล็กๆก่อนก็ได้จะเห็นทุกอย่างเลย

การซื้อเสียงขายเสียงมันผิดในตัวมันเองอยู่เเล้ว เชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยประเทศที่เจริญเค้าก็ต่อต้านกัน เเละคงไม่มองว่ามันเป็นเรื่องปกติ หรือมานั่งหาเหตุผลในกับการซื้อเสียงขายเสียง

ถ้ายังไม่เเก้ถ้ายังปล่อยให้ซื้อเสียงขายเสียงเป็นเรื่องปกติ จะรับเงินหมากาพรรคอื่น ประชาธิปไตยมันก็ไม่มีทางเข็มเเข็งไปกว่านี้ได้ เพราะทุกคนมัวห่วงเเต่กับเงินที่จะได้ ห่วงกับเงินที่จะต้องถอนทุน

ผมคิดว่าการขายเสียงเป็นทั้ง "เหตุ" และ "ผล" ของปัญหาการเมืองไทยครับ

นักการเมืองซื้อเสียง > ชาวบ้านรับเงิน > นักการเมืองเข้าไปคอรัปชั่น > เงินภาษีมาไม่ถึงชาวบ้าน > ชาวบ้านใช้ชีวิตลำบาก > นักการเมืองซื้อเสียง > ชาวบ้านรับเงิน ...

ซึ่งมันมีกรณีศึกษานึงคือการเลือกตั้งปี 2548 ที่ไทยรักไทย (ตอนนั้น) ชนะแบบถล่มทลายทั้งๆที่ซื้อเสียงน้อยกว่าพรรคฝั่งตรงข้ามครับ (ซึ่งผมไม่พูดว่าทักษิณเป็นคนดีและ ปชป. ในตอนนั้นเป็นคนเลวนะ)

จะเห็นได้ว่าถ้าประชาชนมีลู่ทางที่สามารถทำกินได้อย่าง OTOP หรือมีหลักประกันสุขภาพอย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งทำให้ไม่ต้องระแวงเรื่องปากท้อง เรื่องสุขภาพขั้นพื้นฐาน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีไม่อายใคร

ผู้คนก็พร้อมที่จะเลือกเพื่ออนาคต เลือกเพื่อจุดยืน ตามหลักทฤษฏีของมาสโลว์เป๊ะๆครับ (ซึ่งมันคือ 4 ปีเองนะ)

“คุณภาพการศึกษา” ผมว่ามีส่วนสำคัญ ….

หากการศึกษาเราดี หัดให้มี critical thinking ผมว่าคนจะแยกแยะได้มากขึ้น … อย่างปัจจุบันแม้ระบบการศึกษาเรายังไม่ไปไหน แต่โลก internet ทำให้เด็กรุ่นใหม่เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้มากขึ้น … การล้างสมองด้วยเนื้อหาในหนังสือเรียนแบบสมัยก่อน ก็ทำไม่ได้ละ

เด็กรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย ผมว่ามีความคิด แยกแยะมากขึ้นนะ (อย่างน้อยก็มากกว่าผมในวัยเดียวกัน) … รู้จักโต้ตอบอย่างมีเหตุผลในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าผิด

แล้วลองคิดว่าระบบการศึกษาดีกว่านี้ ฝึกให้เด็กได้คิดเองเป็น หาเหตุผล ไม่ท่องจำ … ประชาธิปไตยน่าจะเบ่งบานขึ้น

ถ้าไม่เลือกส้มก็คือโดนซื้อเสียงไปหมดนั่นแหละ สมัยก่อน ปชป. มันก็มีแนวคิดแบบนี้แหละ ดูถูกเสียงของชาวบ้านเค้าไปเรื่อย

กำนันกับผู้ใหญ่บ้านว่าไง ผมก็ว่างั้น

ปัญหาหลักคือเขาไม่รู้ว่า สส ควรมีหน้าที่อะไร
เกี่ยวกับชีวืตเขายังไง ไอ้เรื่องซื้อเสียงเนี่ยเรื่องเล็ก
ส่วนใหญ่การซื้อคือจ่ายเพื่อให้เขามาเลือกตั้งด้วยซ้ำ
ถ้าไม่จ่ายเขาก็ไม่เสียเวลาไปเลือก