ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: งานก็ต้องทำ หรรมก็ต้องเกา
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2019
ตอบ: 3109
ที่อยู่: คัมภีร์เก้าเก - พลังเคลื่อนย้ายจักรยาน
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 14:18
รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่


ในช่วงเวลาของเธอ แชเพลล์คือหนึ่งในนักข่าวหญิงที่กล้าหาญที่สุด และแน่นอนว่ามีประสบการณ์สูงที่สุด ใน สงครามเวียดนาม เธอเดินทางไปกับเหล่าทหารเวียดนามและสหรัฐฯ ในที่ซึ่งนักข่าวคนอื่นๆ ไม่กล้าไปเหยียบกรายและยืนยันว่าจะรายงานถึงเรื่องที่เธอเห็นได้กับตาตนเองเท่านั้น

กระนั้น เป็นสมรภูมิในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้เป็นความขัดแย้งครั้งสุดท้ายที่นักข่าวสาวเพียงผู้เดียวผู้เดียวที่ได้รับอนุญาตให้กระโดดร่มลงในการยุทธกับเหล่าทหารเพื่อไปรายงานข่าว จากการเธอถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ลำคอจากกับดักลวดสะดุดของฝ่ายเวียดนามเหนือ และใด้จบชีวิตลงในเฮลิคอปเตอร์อพยพ ทำให้เธอเป็นเหยี่ยวข่าวหญิงชาวสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่ หลายปีต่อมา นักข่าวคนอื่นรายงานว่าเหล่าพลร่มเวียดนามใต้ยังคงย้อนความถึงหญิงสาวปากกล้าร่างเล็กที่ได้กระโดดร่มกับพวกเขา

สตรีผู้มีชื่อเดิมว่าจอร์เจ็ตต์ เมเออร์ ขายบทความแรกชื่อว่า “เหตุที่เราอยากบิน (Why We Want to Fly)” ให้กับนิตยสาร U.S. Air Service เมื่ออายุได้ 14 ปี และได้เข้าเรียนในเอ็มไอที (MIT) พร้อมกับนักศึกษาหญิงคนอื่นอีกหกคนเมื่อเธออายุ 16 ปี อีกหกปีถัดมา เธอได้แต่งงานกับโทนี แชเพลล์ ช่างภาพของกองทัพเรือผู้มีอายุ 40 ปี และเป็นผู้ที่กลายเป็นคู่หูรายงานข่าวของเธอในเวลาไม่นาน

“จงแน่ใจว่าคุณจะได้เป็นผู้หญิงคนแรกในที่ไหนสักแห่ง” บรรณาธิการผู้หนึ่งในนิวยอร์กให้คำแนะนำต่อเธอเมื่อครั้งเธอเพิ่งเริ่มอาชีพผู้รายงานข่าว

เเชเพลล์ทำสิ่งนี้สำเร็จในปี 1942 เมื่อเธอได้เป็นหนึ่งในผู้หญิงคนแรกซึ่งทางกองทัพให้การรับรองในฐานะนักข่าว และการรับรองที่เธอสูญเสียมันไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเดินทางติดตามเหล่านาวิกโยธินขึ้นบนเกาะโอกินาวา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามนักข่าวหญิงเข้าพื้นที่สู้รบ



แชเพลล์เดินลุยผ่านโคลนกับหน่วยนางแอ่นทะเล หรือ Sea Swallows กลุ่มติดอาวุธของผู้อพยพชาวจีนซึ่งอยู่ฝ่ายรัฐบาลเวียดนามใต้ เมื่อเธอเสียชีวิตลง ไม่มีสตรีคนอื่นใดที่ทำข่าวสงครามที่อันตรายและสร้างความแบ่งแยกในเวียดนามอีกเลย


ครั้งหนึ่ง แชเพลล์เคยเขียนว่าเรื่องราวที่เธอรายงานครั้งแล้วครั้งเล่าคือเรื่องราวของ “เหล่าผู้คนที่กล้าหาญพอที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเสรีภาพจากทรราชย์” และเป็นมุมมองจากแนวหน้านี้เองที่ทำให้เธอเป็นตำนาน เมื่อคราที่ยังมีสตรีเพียงน้อยนิดอยู่ในห้องส่งข่าว และน้อยนิดยิ่งกว่าที่อยู่ในสนามรบ

แต่เพศของแชเพลล์ไม่ได้ทำให้เธอมีสิทธิพิเศษในฐานะนักข่าวแต่อย่างใด “ไม่มีสักครั้งที่ท่านนายพลจะใช้รูปร่างขาวสวยของฉันมาแลกกับปฏิบัติการลับ และถ้านี่ฟังดูเหมือนฉันกำลังบ่น ฉันก็คิดว่ามันมีส่วนถูกค่ะ” “เธอเขียนถึงผู้ตีพิมพ์ขณะที่เธอกำลังเขียนอัตชีวประวัติซึ่งมีชื่อเดิมว่า “ปัญหาที่ฉันถามหา The Trouble I’ve Asked For)” และออกวางจำหน่ายในนาม “ผู้หญิงมาทำอะไรที่นี่? (What’s a Woman Doing Here?)” ซึ่งมาจากคำพูดที่เธอได้ยินอยู่เป็นนิจในสนามรบ

เมื่อเดือนพฤษภาคม 1962 แชเพลล์ฉลองการทำงานครบรอบ 20 ปีในฐานะผู้สื่อข่าวสงครามด้วยการเดินทางร่วมไปกับหน่วยเฮลิคอปเตอร์ซึ่งกำลังดำเนินสงครามบนน่านฟ้าของเวียดนาม และในปีเดียวกันนั้น เธอเป็นสตรีคนที่สองที่ได้รับรางวัลจอร์จโพล์ก (George Polk Memorial Award) ซึ่งเป็นรางวัลขั้นสูงสุดสำหรับความกล้าหาญจากสมาคมสื่อโพ้นทะเลแห่งสหรัฐฯ (Overseas Press Club of America) ในงานแถลงข่าว เธอกล่าวว่า เธอผ่านการปะทะมามากกว่าชาวอเมริกันคนใดๆ ในความขัดแย้งครั้งนี้โดยการเข้าร่วมปฏิบัติการรบมาทั้งหมดกว่า 17 ครั้ง และเสริมว่า “ความสำคัญของภาพที่เธอถ่ายในเวียดนามตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงว่าพวกมันถูกถ่ายในที่ซึ่งไม่มีผู้ใดไป—นั่นคือที่ที่สายโทรเลขและถนนหนทางไปไม่ถึง




ช่างภาพ ดิกกีย์ แชเพลล์ ถือกล้องขณะที่เธอกำลังปฏิบัติงานในเวียดนาม เธอรายงานข่าวความขัดแย้งมามากมายตั้งแต่เธอยังไม่ได้เหยียบย่างมายังประเทศที่ถูกทำลายด้วยสงครามแห่งนี้ PHOTOGRAPH COURTESY NAT GEO IMAGE COLLECTION



เมื่อวันที่ 4 พฤษจิกายน 1965 ใกล้กับเมือง Chu Lai แชเพลล์กำลังรายงานข่าวของวันที่สองของปฏิบัติการแบล็กเฟอร์เรต (Operation Black Ferret) ซึ่งเป็นปฏิบัติการค้นหาและทำลายของนาวิกโยธิน เมื่อเกือบแปดโมงเช้า เธอได้เดินผ่านค่ายพักและไปร่วมแถวกับหน่วยลาดตระเวน แต่เพียงอึดใจต่อมาหน่วยดังกล่าวได้สะดุดกับดักระเบิดของฝ่ายเหนือ ยังผลให้เธอต้องจบชีวิตลง

ครั้งหนึ่ง แชเพลล์กล่าวกับผู้สัมภาษณ์ว่า “ไม่ต้องถามเลย” ว่าสงครามไม่ใช่ที่ของผู้หญิง และกล่าวต่อว่า “มันมีอีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่ควรอยู่ในสงคราม นั่นคือผู้ชาย แต่ตราบใดที่ผู้ชายยังคงสู้รบ ฉันคิดว่าทั้งชายและหญิงจะต้องถูกส่งเพื่อไปเฝ้าดูค่ะ”




ทหารเวียดนามใต้ปฏิบัติการอยู่บนเรือปืนในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION



เรือเอกจากกองทัพเรือยิงปืนใส่ทหารเวียดกงจากดาดฟ้าเรือปืนบัญชาการของเขาบนแม่น้ำแม่โขง ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION




ทหารราบสหรัฐฯ สาธิตการใช้ที่หยอดยาให้สตรีผู้หนึ่ง ที่เมือง Cai Nhum ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION




กองกำลังคอมมิวนิสต์จากเวียดนามเหนือทิ้งร่องรอยการทำลายล้างไว้ที่ Vinh Quoi ซึ่งเป็นหมู่บ้านของผู้สนับสนุนรัฐบาลฝ่ายเวียดนามใต้ ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION




เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกสหรัฐฯ ลำเลียงเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กกว่า เหนือทุ่งบนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำและคลองที่คดเลี้ยว ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION




หมู่สอดแนมเตรียมพร้อมอาวุธบนเฮลิคอปเตอร์ซึ่งบินอยู่เหนือน่านฟ้าเวียดนามใต้ ต่อมาในวันเดียวกัน พวกเขาพบว่าศูนย์บัญชาการของเขตพื้นที่ถูกเผาลงจากการโจมตีของข้าศึก ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION





เหล่าพลร่มเวียดนามเขม็งตึงขณะกำลังอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงก่อนเริ่มการจู่โจม




ภรรยาอุ้มขาของสามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยระเบิดมือ ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION





มารดาอุ้มลูกทารกขณะพวกเธอชมการฝึกทหารสำหรับสตรี ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION





ผู้ไว้ทุกข์ขณะคร่ำครวญในงานศพขนาดใหญ่สำหรับผู้เสียชีวิต 30 คน ที่เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งหนึ่งในเมือง Binh Hung ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION





ชายผู้ถูกปิดตาด้วยธงของตนเองถูกเฮลิคอปเตอร์นำตัวไปสอบสวนที่ศูนย์บัญชาการ ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTIONเชลยศึกเวียดกงที่ถูกพบตัวพร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์เดินนำหน้าทหารผู้จับกุม ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION






เชลยศึกเวียดกงที่ถูกพบตัวพร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์เดินนำหน้าทหารผู้จับกุม ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION




เชลยเวียดกงสร้างแนวป้องกันซึ่งทำจากโคลนรอบๆ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเวียดนามใต้ ภาพถ่ายโดย DICKEY CHAPELLE, NAT GEO IMAGE COLLECTION


เรื่อง NINA STROCHLIC

ภาพ DICKEY CHAPELLE

แปล ภาวิต วงษ์นิมมาน / เรียบเรียง เกียรติศักดิ์ หมื่นเอ



เครดิต : https://ngthai.com/photography/34887/dickeychapellevietnamwar/
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: YNWA#
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Nov 2007
ตอบ: 7743
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 14:27
[RE: รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่]
เห็นแล้วนึกถึงเรื่องที่มีคนอเมริกันเดินทางเพื่อเอาเบียร์ไปส่งเพื่อนในช่วงสงครามที่เวียดนาม
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 1 ใบ : 1 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2018
ตอบ: 4526
ที่อยู่: Grand Line
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 14:44
ถูกแบนแล้ว
[RE: รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่]
ภาพชัดมาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Apr 2007
ตอบ: 11666
ที่อยู่: UNDER TABLE
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 15:03
[RE: รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่]
ไทยได้ประโยชน์จากสงครามนี้มาก ต้องชมการเลือกฝั่งของไทย ที่ไม่ให้มีผลกระทบด้านความรุนแรงของประชาชนในประเทศ
แต่เสียระบบการปกครอง มาถึงทุกวันนี้เลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
รูปไม่หล่อ แถมจน แต่ก้อเลือกนะ



ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4661
ที่อยู่: ที่ไหนก็อยู่
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 15:18
[RE: รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่]
satada พิมพ์ว่า:
ไทยได้ประโยชน์จากสงครามนี้มาก ต้องชมการเลือกฝั่งของไทย ที่ไม่ให้มีผลกระทบด้านความรุนแรงของประชาชนในประเทศ
แต่เสียระบบการปกครอง มาถึงทุกวันนี้เลย  


ช่วยอธิบายให้ทีแบบสั้นๆก็ได้ครับ ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 9308
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 19:35
รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่
ฉันเหนื่อย พิมพ์ว่า:
satada พิมพ์ว่า:
ไทยได้ประโยชน์จากสงครามนี้มาก ต้องชมการเลือกฝั่งของไทย ที่ไม่ให้มีผลกระทบด้านความรุนแรงของประชาชนในประเทศ
แต่เสียระบบการปกครอง มาถึงทุกวันนี้เลย  


ช่วยอธิบายให้ทีแบบสั้นๆก็ได้ครับ ขอบคุณครับ  

ขอตอบแทนนะครับ ผลประโยชน์ที่จับต้องได้จนถึงปัจจุบันคือเรื่องสิ่งก่อสร้างต่างๆ
- สนามบินโคราช , สนามบินอู่ตะเภา
- ถนนเส้นมิตรภาพ
พวกนี้คือมาตรฐาน USA สร้างแบบไม่จำกัดงบ ซึ่งคุณภาพคนละเรื่องกับไทยในปัจจุบัน

การกำเนิดบ่อนการพนัน , คาสิโน , บาร์หญิงต่างๆ เพราะสมัยนั้นทหารอเมริกาหรือ GI พอกลับจากสงครามกลับมาที่สนามบินอู่ตะเภา ก็เอาเงินมาลงกับเหล้า ผู้หญิง เป็นต้นกำเนิดการค้าประเวณีในบ้านเรามาจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่าพัทยาก็ถอดแบบมาจากลาสเวกัสในอเมริกา
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4661
ที่อยู่: ที่ไหนก็อยู่
โพสเมื่อ: Fri Nov 19, 2021 20:27
[RE: รวมภาพถ่ายสงครามเวียดนาม จากนักข่าวหญิงสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในหน้าที่]
Lowlite พิมพ์ว่า:
ฉันเหนื่อย พิมพ์ว่า:
satada พิมพ์ว่า:
ไทยได้ประโยชน์จากสงครามนี้มาก ต้องชมการเลือกฝั่งของไทย ที่ไม่ให้มีผลกระทบด้านความรุนแรงของประชาชนในประเทศ
แต่เสียระบบการปกครอง มาถึงทุกวันนี้เลย  


ช่วยอธิบายให้ทีแบบสั้นๆก็ได้ครับ ขอบคุณครับ  

ขอตอบแทนนะครับ ผลประโยชน์ที่จับต้องได้จนถึงปัจจุบันคือเรื่องสิ่งก่อสร้างต่างๆ
- สนามบินโคราช , สนามบินอู่ตะเภา
- ถนนเส้นมิตรภาพ
พวกนี้คือมาตรฐาน USA สร้างแบบไม่จำกัดงบ ซึ่งคุณภาพคนละเรื่องกับไทยในปัจจุบัน

การกำเนิดบ่อนการพนัน , คาสิโน , บาร์หญิงต่างๆ เพราะสมัยนั้นทหารอเมริกาหรือ GI พอกลับจากสงครามกลับมาที่สนามบินอู่ตะเภา ก็เอาเงินมาลงกับเหล้า ผู้หญิง เป็นต้นกำเนิดการค้าประเวณีในบ้านเรามาจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่าพัทยาก็ถอดแบบมาจากลาสเวกัสในอเมริกา  


ขอบคุณมากเลยครับ ผมไม่เคยรู้เลยครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel