รีวิว FIFA 22 การอัพเกรดใหม่ สุดแจ่มที่ไม่ควรพลาด
หลังจากการเปิดให้เล่นกันสำหรับคนที่ทำการ Pre-Order ตัว Ultimate Edition ไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมาสำหรับเกม FIFA 22 (โดยหลายคนอาจจะได้ลองเล่นมาแล้วตั้งแต่ช่วงเปิดให้ทดลองสำหรับคนที่มี EA Play) โดย FIFA 22 นั้นจะมีจุดอัพเกรดหลักๆ นั้นก็คือระบบ กราฟฟิก และ AI ของตัวเกมที่จะทำให้สมจริงมากยิ่งขึ้น โดยในรีวิวนี้ เราจะมาวิเคราะห์ทีละประเด็ดว่าอันไหนเด็ดอันไหนโดน ควรซื้อหรือไม่ควรกันแน่!
กราฟฟิกจัดเต็ม ฟิสิกส์สมจริงยิ่งขึ้น
สิ่งหนึ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนั้นก็คือกราฟฟิกของตัวเกมพัฒนาให้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น หน้าตัวหนักเตะบางคนที่ภาคเก่าเล่นแล้วต้องร้องว่าใครนิ แต่ภาคนี้ได้แก้ไขตรงจุดนี้เรียบร้อย นอกจากนั้นแล้วฟิสิกส์ของการ ยิง ส่ง ก็ยังทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Next-gen HyperMotion technology ที่เป็นการหยิบนักเตะจริงๆ มาทำ Motion Capture เลยทำให้สมจริงเข้าไปอีก
อวสานสายพริ้ว ปรับ Balance จัดหนักลดความเลื่อมล้ำ
ภาคเก่าๆ นั้นถ้าจะเลือกนักเตะตัวเทพๆ สักตัวเลย คงต้องเลือกนักเตะที่มีค่า Stats ในส่วนของ PAC เยอะๆ วิ่งไวๆ แต่หลังจากที่ได้ลองเล่นมา ในภาคนี้ความเร็วของนักเตะที่มี PAC 70 กับ 80 นั้นรู้สึกไม่ได้ต่างกันมากเหมือนภาคก่อน นอกจากนั้นแล้วอีกอย่างหนึ่งที่ปรับอย่างเห็นได้ชัดคือเรื่อง Skill Move ในภาคก่อนๆ คนที่ใช้ Skill Move คล่องๆ จะได้เปรียบมากๆ จนรู้สึกว่ายากที่จะสู้ด้วย แต่สำหรับภาคนี้ หลังจากใช้ Skill Move จะมีจังหวะดีเลย์นิดๆ เพื่อไม่ให้ได้เปรียบมากจนเกินไป
โหมดต่างๆ ให้เลือกเล่นกันอย่างหลากหลาย
CAREER MODE, VOLTA FOOTBALL, FIFA 22 ULTIMATE TEAM และ PRO CLUB ทั้งหมดนี้คือรายชื่อโหมดของเกม FIFA 22 โดยแต่ละโหมดนั้นจะถูกยกเครื่องใหม่เกือบทั้งหมด ให้ความรู้สึกที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น เล่นง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความโหดของ AI ภาคนี้ก็ถือว่าโหดกว่าเดิมพอสมควร ถือว่าเป็นคู่ซ้อมที่ดีเยี่ยมก่อนจะไปลุยในโหมด FUT
โหมด Ultimate Team เกลือเสมอต้นเสมอปลาย ภาคเก่าเป็นยังไงภาคนี้เหมือนเดิม
เคยไหม เติมเงินเกมเยอะว่าค่าตัวเกมจริงๆ ชะอีก ถ้าไม่เคยเราแนะนำโหมดนี้เลย Ultimate Team โดยโหมดนี้นั้นเราจะได้จัดทีมนักเตะของเราเองเพื่อไปแข่งกับผู้เล่นคนอื่น แต่นักเตะที่เราจะได้มาใช้นั้นต้องมาจากการเปิดแพ็คการ์ด โดย 1 Premium Gold Pack จะอยู่ประมาณ 60 บาท (ได้นักเตะมา 3-4 ตัว) ถึงแม้ว่าคนที่ซื้อแบบ Ultimate Edition จะได้ FIFA Point มาให้เปิดจำนวนหนึ่ง แต่ก็ต้านทานความเค็มของเกมนี้ไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นสายเติมน้อยๆ ช่วงแรกที่ยังไม่มีกิจกรรมอะไรมาเยอะ คงต้องเหนื่อยหน่อย
ปรับแต่งทีมได้ละเอียดมากกว่าที่เคย
ภาคนี้ระบบ Custom Formation นั้นจะสามารถปรับแต่งได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นแผนการเล่นต่างๆ รวมไปถึงการปรับแทคติกการเล่นที่มาเป็นตัวเลข ไม่เหมือนภาคก่อนหน้านี้ที่สามารถปรับระดับได้แค่ 1-10 แต่ภาคนี้จัดเต็มได้ 1-100 ไปเลย ดังนั้นเราจะได้เห็นรูปแบบการเล่นที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาคนี้
สรุป
ภาคนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งภาคที่สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนภาคเก่าๆ ที่มีแค่การอัพเกรดในเรื่องงานภาพ แต่สำหรับภาคนี้อัพเกรดทั้งงานภาพและระบบ Gameplay อย่างชัดเจน สำหรับใครที่อยากจะเล่นก็สามารถเข้าไปซื้อกันได้เลยในตอนนี้ โดยเกมจะลงให้กับเครื่อง PC, PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X/S, และ Nintendo Switch. สำหรับเวอร์ชั่นที่แนะนำคงต้องเวอร์ชั่นปกติ แต่ถ้าคิดว่าดวงเทพ แล้วชอบเกมแนวนี้จริงๆ จัด Ultimate Edition ไปก็ไม่เสียหาย!!