นี่คือพาดหัวของ เดลี่ เมล หลัง ในเกมที่ต้องคารวะ 3 จบกับหัวจิตหัวใจนักเตะ สเปอร์ส ที่สามารถต่อกรสู้กับ แมนฯซิตี้ แบบเกิน 100 ก่อนพลิกล็อกเอาชนะไป 1-0 ทั้งๆที่ขาด “แม่ทัพ” เบอร์ 1 อย่าง แฮร์รี่ เคน ทันทีที่ line up ออกมาหลายคนรู้เลยว่าการไร้ชื่อของ “เคน” ต้องมี somthing wrong มากกว่าเป็นเรื่องของสภาพความฟิต ไม่มีนักเตะคนไหนอยากลงเล่นเจอกับทีม “ว่าที่” ทีมในอนาคตหรือไม่ก็กลัวเจ็บในระหว่างที่กำลัง “ดีล” กันอยู่ จากเดิมที่เป็นรองอยู่แล้ว ไม่มี “เคน” และต้องมาเล่นภายใต้กุนซือใหม่ ไม่มีอะไรบ่งชี้เลยว่า “ไก่เดือยทอง” จะต้านไหว ยกเว้นเรื่องเดียวคือเสียงเชียร์ของ “คลับไก่” ผมพยายามลุ้นไม่ให้ลูกแรกจาก ซิตี้ มาไวเกิน หาไม่แล้วรูปเกมคงวันเวย์ข้างเดียวโดยเฉพาะช่วงต้นเกมที่ สเปอร์ส เจียนอยู่เจียนไปแถมเกือบเสียจุดโทษ ดีที่กรีลิช ถูกทำฟาว์ลนอกเขตโทษเส้นยาแดงผ่าแปด ทีเด็ดของฝั่งเจ้าถิ่นวันนี้หนีไม่พ้นการ “แท็คเกิ้ล” ให้ปลิวทั้งบอลทั้งคน โอลิเวอร์ สคิปป์ ตัดเกมเฉียบจริงๆ ในรายของ ทังกานก้า โชคดีมากที่ยืนอยู่ในสนาม 83 นาทีโดยไม่โดนใบเหลืองเลย กองหลังวัย 22 ปีตามหวดทุกคนที่ขวางหน้าโดยเฉพาะ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เดินตูดบิดออกอาการแหยง ผมว่าส่วนหนึ่งที่เกมนี้ “ไก่เดือยทอง” สู้กับ ซิตี้ จนถึงหยดสุดท้ายนอกจากเกมรับอันไร้ที่ติแล้ว การครองบอลเพื่อสวนกลับนี่เป็นอะไรที่สำคัญเอามากๆ เพราะถ้าคุณทำอะไรไม่ได้ แป๊บๆเสีย เพื่อนแนวรับเหนื่อยแน่ โดนกดตลอดยังไงก็โดนเข้าซักช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซน, ลูคัม มูร่า และ เดลลี่ อัลลี่ รวมถึง เบิร์กไวจน์ คือเหล่าผู้เล่นรับไม้ต่อจากแนวรับแต่ในครึ่งแรกจังหวะสุดท้ายตอนง้างยิงส่วนใหญ่จะแป๊กทำให้โอกาสที่มีน้อยอยู่แล้วมันไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร จนกระทั่ง 10 นาทีหลังเริ่มครึ่งหลังที่ทุกอย่างประจวบเหมาะเมื่อ นาธาน อาเก้ แนวรับที่อ่อนที่สุดของ “เรือใบ” ตัวตัวกับ ซน แข้งทีมชาติ เกาหลีใต้ เป็นอีกนักเตะที่เล่นได้ทั้ง 2 เท้า การโยกบิดเอวทีเดียวทำให้หาจังหวะยิงที่เหมือนเป็นใจไปเบียดตัว รูเบน ดิอาส จน เอแดร์ซอน ขาตาย มองไม่ทัน เรื่องจังหวะสวนกลับ ต้องไม่ลืมว่า สเปอร์ส ชุดนี้ถูกเทรนมาอย่างหนักตั้งแต่สมัย โจเซ่ มูรินโญ่ จะว่าไปแล้วการสวนกลับเวอร์ชั่นไม่มี “เคน” วันนี้ไหลลื่นกว่ากระจายงานทั่วถึงกันมากกว่าด้วยนะ แต่ นูโน่ ซานโต้ คงต้องหาวิธีเล่นแบบเจอทีมอ่อนด้วยเพราะพื้นที่เยอะๆให้เล่นแบบนี้มันก็จะตรงข้ามกันเลย ชัยชนะของ สเปอร์ส เกมนี้ผมว่ามีนัยนะสำคัญหลายๆอย่าง อันแรกเลยคือ เสียงของ “ไก่” ดังขึ้นเพราะมันหมายความว่าทีมสามารถยืนหยัดได้โดยไม่จำเป็นต้องมี “เคน” หรือที่เรามักได้ยินในรูปแบบของคำว่า “ไม่มีนักเตะคนไหนใหญ่กว่าสโมสร” อย่างที่ 2 ราศีผู้นำทัพคนใหม่จับ “ซน” ทันที ยิงประตูโทนใส่แชมป์เก่าไม่มีอะไรถูกที่ถูกเวลาไปมากกว่านี้ิอีกแล้ว เมื่อดูจากแนวทางการเล่นวันนี้แล้วการแปรสภาพเงินที่ได้จาก “เคน” ผมเชื่อว่า “คลับไก่” เอาไปเปลี่ยนเป็นอาวุธหนักๆได้อีกถึง 2-3 ตัว ยอมเสีย “สตาร์” ในวัย 28 ปี (ที่ใจลอยไปอยู่ที่อื่นแล้ว) กับเงิน 100 กว่าล้านปอนด์เป็นการทำธุรกิจในช่วงโควิดที่ไม่ขี้เหร่อะไรเลยด้วยซ้ำ ข้ามมาที่ประเด็นอื่น ส่วนตัวผมมองว่าการตัดสิน พรีเมียร์ ซีซั่นนี้เริ่มไม่ค่อยเป็นธรรมชาติซักเท่าไหร่ตามนโยบายปล่อยเกมให้ไหลลื่น ไม่ให้ VAR เข้ามาขัดจังหวะ แต่หลายๆสนามคู่ที่ผมดูมา การทำฟาว์ลที่ควรได้ฟาว์ลแต่กรรมการเพิกเฉยมากขึ้น คู่ นิวคาสเซิ่ล กับ เวสต์แฮม ฝ่ายหลังเตะยันน่อง (บอลไปนู่นแล้ว) ยังไม่ให้ฟาว์ล คือเข้าใจว่าบอลมันคือการปะทะกันแต่ถ้าตามบอลไม่ทันแล้วมาดักคน มันก็ควรฟาว์ล ในส่วนของ แจ็ค กรีลิช นักเตะ 100 ล้านปอนด์คงต้องปรับตัวกับ “เรือใบ” น่าจะอีกพักใหญ่เพราะ แอสตัน วิลล่า ที่แกจากมาเล่นกันละอย่างราวฟ้ากับเหว ที่ “สิงห์ผงาด” แกเป็นศูนย์กลางของการขึ้นเกม ทุกๆคนได้บอลจะฝากไว้ที่แกเพื่อเอาไปทำอะไรกับบอลด้วยตัวเอง, ดึงจังหวะเล่นช้าหรือแม้กระทั่งเรียกฟาว์ล แต่กับ เป๊ป มันซับซ้อนกว่านั้น ใช้วิธีการทำชิ่งออกบอลไว (เพื่อเลี่ยงการบีบของฝ่ายตรงข้าม) เพราะแต่ละคนเคลื่อนที่กันตลอดเพื่อให้เกิดพื้นที่เวลาต้องเล่นกับทีมที่คุมโซนรับแน่น เพิ่งซ้อมไม่ถึง 2 อาทิตย์ เชื่อมือ เป๊ป ว่าดัน กรีลิช โหดไม่แพ้อยู่สมัย วิลล่า แต่เมื่อไหร่ไม่รู้นะ ฮา 2 นัดของ เป๊ป ทั้งใน คอมมูนิตี้ ชิลด์ และล่าสุดกับ สเปอร์ส ยังไม่ชนะใคร ผลกระทบไม่น่าจะมีอะไรหนักหนาสาหัสเมื่อดูจากชื่อของผู้นำทัพและเหล่าขุนพลที่มีอยู่ในมือ เปรียบได้กับหนุ่มตี๋ขาวที่ลืมละเลง wax เซ็ตทรงผมยามออกนอกบ้าน แค่หล่อน้อยลงมาหน่อยเดียว ผมจำได้ซีซั่นก่อนก็เป๋ๆช่วงต้นแบบนี้แหละแล้วก็ติดเครื่องยาว เผลอๆเล่นไปเล่นมาทีมพวกคุณทีมผมต้องมานั่งปรับทุกข์กันเอง (ฮา) จะเรียกว่า สเปอร์ส มีโชคร้ายก็ได้ที่เจอ ซิตี้ นัดเปิดสนามแต่ก็ไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่ามันก็โชคดีเหมือนกันที่เจอ “เรือใบ” ในสภาพที่นักเตะตัวจริงหลายคนยังไม่ฟิต ระบบยังจูนไม่ติด เวรกรรมของ นอริช จริงๆที่ต้องมาเจอ “ซิตี้” ใน เอติฮัด วันเสาร์หน้า ของบ้านเราเคยมีวลีน้ำรอระบาย ตอนนี้พวก “ซิติเซนส์” พร้อมระบายระเบิดถังขี้แล้วครับ ทิ้งท้ายตัวเลขที่น่าสนใจของเกมนี้ ซน ยิง 6 ประตูใน 7 เกมพรีเมียร์ลีกเมื่อยามที่ไร้ “เคน” นอกจากนี้ “ซน” ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 สำหรับนักเตะที่ยิงใส่ แมนฯซิตี้ ภายใต้การคุมของ เป๊ป มากที่สุด (7 ประตู) โดยอันดับ 1 คือ เจมี่ วาร์ดี้ 9 ประตู, อันดับ 3 โม ซาลาห์ 6 ประตู, อันดับ 4 ลีโอเนล เมสซี่, มุสซ่า เดมเบเล่, แม็กซ์เวล คอร์เน็ต 4 ประตู แม้เกมนี้มีโอกาสส่องกัน 14 หนแต่กลายเป็นคู่แรกใน พรีเมียร์ลีก ที่จบครึ่งแรกไม่มีใครยิงเข้ากรอบเลย “ไก่เดือยทอง” ส่ง แมนฯซิตี้ เข้ามาอยู่ในลิส “แชมป์เก่า” ที่แพ้นัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกเป็นทีมที่ 3 ต่อจาก เลสเตอร์ ในปี 2016-17 และ เชลซี ในปี 2017-18 “เรือใบ” แพ้ 3 เกมติดในทุกรายการ (CL นัดชิง, คอมมูนิตี้ชิลด์) โดยยิงใครไม่ได้เป็นหนแรกนับตั้งแต่ยุคของ สจ๊วต เพียรซ์ เมื่อเดือนมีนาคม 2007 นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ เอาชนะ เป๊ป ในลีก 3 เกมแล้ว (2 กับ วูลฟ์) ทำให้ขึ้นทำเนียบร่วมกับยอดกุนซืออย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ โจเซ่ มูรินโญ่ มีทีมเดียวในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่แพ้นัดเปิดสนามแล้วได้แชมป์ในบั้นปลาย คือ แมนฯยูไนเต็ด ทำได้ถึง 3 หน (1992-93,1995-96 และ 2012-13) 
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker
