6 สไตล์ของผู้นำที่ชาติต้องการ
พอดีว่าวันนี้อ่านเจอบทความว่าผู้นำแบบไหน จะสามารถสร้างผลลัพธ์ให้กับองค์กรได้ แล้วก็มาวิเคราะห์เทียบกับสถานการณ์เมืองไทยแล้วน่าสนใจ เลยเอามาแบ่งกันดูครับ โดยอันนี้เป็นผลงานการวิจัยของ Goleman ตั้งแต่ปี 2000 - 2003 แต่ผมว่ามันยังใช้ได้กับสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกัน
ประเภทที่ 1 : ผู้นำสไตล์อออกคำสั่ง (Commander)
โดยคนประเภทนี้ ต้องการให้มีการปฏิบัติงานทันที เน้นการออกคำสั่งว่าทำตามที่ผม/ชั้นสั่งสิ บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลรองรับเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ต้องการให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามใจของตนเอง ซึ่งผู้นำประเภทนี้จริงๆเหมาะกับการทำ crisis management ค่อนข้างมาก เพราะว่าทำอะไรรวดเร็ว ตัดสินใจเร็ว ต้องการผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างของผู้นำประเภทนี้ที่เก่งคือ Steve Jobs นั่นเองครับ (ถ้าอ่านประวัติของจ๊อบส์จะรู้เลยว่าแกเป็นสายบังคับและเอาแต่ใจพอสมควรเลยครับ)
ซึ่งจริงๆแล้วลุงตูบเราก็ถือว่าเป็นคนจำพวกนี้เหมือนกัน แต่ในตารางก็บอกว่า EQ ที่จำเป็นที่จะประสบความสำเร็จคือต้องเป็นคนมีความคิดริเริ่มที่ดี มีไดร์ฟที่จะชาเลนจ์อะไรใหม่ๆ และมี"วุฒิภาวะในการควบคุมอารณ์ตนเอง" ซึ่งลุงตูบเราแม่มไม่มีซักอย่างครับ
ประเภทที่ 2 : ผู้นำสไตล์มีวิสัยทัศน์ (Visionary)
หรือแนวผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ม่งสร้างภาพแห่งอนาคตและผลักดันเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้ โดยสไตล์การทำงานจะเป็น "ไปด้วยกันกับเรา เปลี่ยนแปลงไปกับเรา ฯลฯ" โดยเน้นสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น คนพวกนี้จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ก็ยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นประกอบด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างของผู้นำประเภทนี้ในบ้านเราทุกวันนี้ก็คือ ตาเอกหรือทอนบูดของพวกสลิ่มนั่นเองครับ ส่วนข้อเสียของผู้นำประเภทนี้บางทีก็จะมีภาพที่สร้างไว้ซึ่งอาจจะแตกต่างกับภาพที่ทำได้จริง โดยในระดับโลก Barack Obama คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของ Visionary Leader ครับ
ประเภทที่ 3 : ผู้นำสไตล์รวมความสามัคคี (Affliative)
ผู้นำประเภทนี้คือจะมี motto ที่ว่าประชาชนมาก่อนเสมอ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในทีม คนในชาติ มีความเห็นอกเห็นใจเป็นที่ตั้ง ถนัดในการสื่อสาร เก่งในด้านการลดความตึงเครียดของสถานการณ์ต่างๆได้ดี ข้อเสียคือในบางครั้ง ก็จะทำอะไรได้ช้ากว่าแบบอื่นๆ เพราะมีการวิเคราะห์ในแง่มุมของความรู้สึกเข้ามาด้วยครับ
ตัวอย่างผู้นำที่เก่งด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเช่น Jacinda Ardem (ผู้นำของนิวซีแลนด์), หรือ ไช่ อิงเหวินของไต้หวันครับ อาจจะเพราะมีด้านความรู้สึกที่ดู soft กว่าผู้ชายก็เป็นได้ครับ อย่างไรก็ดีคนเก่งๆที่เป็นแนวนี้ที่เป็นผู้ชายและอยู่ในวงการฟุตบอลก็ Jurgen Klopp เลยครับ
ประเภทที่ 4 : ผู้นำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leader)
ผู้นำประเภทนี้จะคล้ายๆแบบข้อ 3 สาม แต่เน้นประชาธิปไตยมากกว่า คือลดด้าน emotion ลงไปครับ แต่ยังเบสอยู่บนการทำงานแบบบูรณาการ ร่วมมือกัน แต่เอาส่วนรวมเป็นใหญ่ไว้ก่อน สื่อสารเก่งเช่นกัน และจะมีความสามารถในการหว่านล้อมหรือหาทางออกแบบจุดร่วมได้ดีกว่า
ตัวอย่างผู้นำที่เก่งด้านนี้ ณ ปัจจุบันก็คงเป็น Angela Merkel เพราะบทบาทของเค้าในฐานะพี่ใหญ่ของ EU นี่ชัดมาก คือพยายามจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนเสมอๆครับ แต่ถ้าผู้นำองค์กรก็จะมี Bob Iger ของ Disney นั่นเองครับ (ฺBob เองนั้นถือว่าเป็นผู้นำที่ empower ทีมค่อนข้างมาก ให้อำนาจในการตัดสินใจกับแต่ละหน่วยงานย่อยของตัวเอง และก็ไม่ค่อยล้วงลูกด้วยเช่นกัน เอาง่ายๆคือค่อนข้างปล่อยครับ แต่การจะทำเช่นนี้ได้ ต้องได้ทีมที่ดีด้วยครับ)
ประเภทที่ 5 : ผู้นำแบบแสดงตัวอย่าง (Pacesetting)
คล้ายๆกับแบบ commander แต่จะออกแนว lead by example มากกว่า เน้นทำให้ดู แสดงให้ดู และคาดหวังว่าทุกคนจะทำตามได้ ตั้งมาตรฐานไว้สูง มี passion ที่ต้องการชนะ ต้องการพัฒนา และต้องการไปข้างหน้า และยังต้องการผลลัพธ์ที่ดีและไวด้วยเช่นกัน ถ้าเทียบกับผู้นำองค์กร คนแบบนี้จะเป็น KPI-based มากๆคือวัดกันชัดเจนไปเลย แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของคนเสียเท่าไหร่ และสร้างแรงกดดันต่อคนรอบข้างด้วยเช่นกัน
ผู้นำระดับโลกที่เป็น pacesetter ที่โลกรู้จักคือ Margaret Thatcher (อังกฤษ) และลุงโทนี่ของเรานั่นเองครับ โทนี่เป็นคนที่มีไดร์ฟสูงมาก และเป็นตัวอย่างในหลายๆอย่างเรื่องมาก ไม่ว่าจะพยายามปฏิรูประบบราชการและรัฐวิสาหกิจด้วยการมี KPI การแสดงตัวอย่างของการทำงาน การตัดสินใจ หรือกระทั่งกินไก่โชว์ก็ด้วย แต่ทักกี้ก็ค่อนข้าง demanding จากคนรอบข้าง ซึ่งจะเห็นว่ามีการปรับครม.ค่อนข้างบ่อยถึงบ่อยมาก ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับวงการการเมืองและข้าราชการเราทีเดียวครับ (และก็เป็นสาเหตุให้หลายๆคนไม่ชอบลุงโทนี่ด้วยเช่นกัน)
ถ้าเป็น football เป๊บก็เป็นประเภทนี้ครับ หรือถ้าผู้นำองค์กรก็ Jeff Bezos (Amazon) ครับ
และแบบสุดท้าย แบบที่ 6 : ผู้นำในฐานะโค้ช (Coaching Style)
เน้นพัฒนาคนในระยะยาว สอนให้คิด สอนให้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ สร้างเพื่ออนาคต มีความเข้าใจในตัวบุคคลสูง สร้าง self-awareness ต่อตัวบุคคลในองค์กรครับ
ผู้นำแบบนี้ในฐานะผู้นำประเทศนั้นไม่ค่อยมี แต่ในวงการฟุตบอล ทุกวันนี้เฮียยิ้มคือตัวอย่างที่ดีที่สุดของผู้นำประเภทนี้ครับ หรือถ้าในฐานะองค์กรก็จะมี Indra Nooyi (PepsiCo) หรือ Bill Gates (ณ ปัจจุบัน)
==============================
สุดท้ายนี้ ไม่มีผู้นำแบบไหนที่"ถูกหรือผิด"ไปซะหมด เพราะในสถานการณ์ที่ต่างกันไป ความจำเป็นของประเทศหรือองค์กรก็จะต่างไปด้วยเช่นกัน อย่างในวิกฤต ผู้นำแบบ Churchill หรือ Thatcher เองก็มีความจำเป็นเช่นกัน แต่ผู้นำที่ดีนั้นควรจะต้องรู้จักตัวเอง ยอมรับตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราถนัดอะไรหรือไม่ถนัดอะไร หรืออะไรคือเรื่องที่ควรจะทำก่อน/หลัง การที่คุณไม่รู้นั้นไม่ผิด แต่การไม่ยอมรับในความไม่รู้นั้นต่างหากที่ผิด และมันยิ่งผิดไปอีกที่ไม่ยอมรับและยังพาลโทษคนอื่นไปอีก
ก็หวังว่าเราจะได้ผู้นำฉลาดๆมาช่วยเราในเร็ววันนี้ครับ เพราะต่อให้เราช่วยตัวเองได้ขนาดไหน ภาพรวมของทุกๆประเทศหรือองค์กรมันก็ต้องมีนโยบายของรัฐ/หน่วยงานที่เราสังกัดอยู่ช่วยเหลืออยู่ดีครับ