รวมๆ ครับ มาหลายเจ้า และหลายที 5555 ตกครั้งละ 5-1000

มันผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องรับความเสี่ยงถ้าคนในครอบครัวปากโป้งด้วยนะครับ

500-1000 หรือ 4000-5000

รวมๆแล้วได้ตก บ้านนึงหัวละ 4-5000 ครับขอโทษทีครับ พิมพ์ไม่เคลียร์ ไม่ใช่ครั้งละ 4-5 พันนะ

อันนี้ใช่แนวทางประชาธิปไตยจริงเหรอ

ตอบ ตรงๆ เลย ไม่ใช่


ประชาธิปไตย ที่แท้จริงของไทย มีราคาที่ต้องจ่าย

เหมือน นาๆ ประเทศ ที่กว่าจะได้ มันมา

ประชาธิปไตยแบบไทยๆไง

ก็ชาวบ้านเค้าต้องการเงิน แล้วจะให้นักการเมือง/หัวคะแนนเค้าทำยังไงล่ะ

ถ้าเป็นสลิ่มผมว่าเสียเงินฟรี...

ไอเดียดีครับ แต่เงินน้อยไมปหน่อย

ระวังจะเสียเปล่า เพราะเค้าขึ้นเป็นหลักพันมานานแล้ว



ป.ล. ลงทุนแล้ว เลือกพรรคดีๆด้วยนะครับ

ทุกวันนี้ผมยังแอบเสียดาย 1 เสียงของตัวเอง

ที่สุดท้าย พรรคที่เราคิดว่าจะเป็นอนาคตของคนรุ่นใหม่

แต่ก็ยังเล่นสาดโคลนการเมืองกันแบบเดิมๆ

Good idea เพราะ
ที่เราคุยกันในนี้ ยอมรับว่าคือส่วนเล็กๆของประเทศนี้ เป็นประชาชนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
ได้ดีระดับหนึ่ง

เเต่...คนส่วนใหญ่ของประเทศ ปฎิเสธไม่ได้เลย คือ คนที่มีรายได้น้อย การเข้าถึงข่าวสาร
การเเยกเเยะหรือมองอนาคตส่วนร่วมนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะบริบทของเขา
เเค่วันนั้นมีเงินกินข้าว สิ้นเดือนมีเงินจ่ายค่ากินอยู่ให็ลูก เขาก็เเย่สุดๆเเล้ว
นอกจากนี้ยังถูกตีกรอบ ฝังหัวให้เกรงกลัว
(จูงง่าย ทำให้กลัวได้ง่าย การศึกษาช่วยได้ เลยเป็นที่มาของประโยคที่ว่า งบกระทรวงศึกษาเยอะที่สุดเเต่การศึกษาเราไม่เคยดีขึ้นเลย เนื่องจากเหล่าผู้มีอำนาจ ไม่ต้องการให้ประชาชนเข้าใจบริบทของตัวเอง ไม่ต้องการให้ฉลาด รู้มากคุมยาก)

ที่พอจะเข้าใจเพราะเคยผ่านมาทั้งหมด อนุบาล-ประถมเรียนที่ รร บ้านนอกพ่อเป็นครูที่ รร /เขามาเรียนโรงเรียนที่ดีที่สุดของจังหวัด สอบได้ เเละจบมหาลัยจาก ม สีเขียวในกทม เคยผ่าน เคยสัมผัสการใช้ชีวิต
ของคนมาหลายรูปเเบบ
สมัยเรียนที่บ้านนอก มีเพื่อนที่ไม่มีรายได้ ต้องหาของป่ามาขาย ทำนาเหนื่อยชิบหาย เเต่กำไรอยู่กับพ่อค้าคนกลาง
สมัยเรียน ม.ต้น ม.ปลาย เพื่อนในกลุ่มคือ กลุ่ม elite ของจังหวัดรวยระดับ 100 ล้านขึ้นหลายคน
มหาลัย เคยเข้าไป ดูดสมุนไพรสีเขียว ในค่ายทหาร กับลูกชายของนายพลคนหนึ่ง

ของผม กาส่วนตัวไปที่ เสรีพิสุท

ส่วนที่บ้าน ไม่รู้ แล้วแต่พวกเขา แต่รอบนนี้ผมว่าพวกเรา GEN. อนาคตของชาติ

ต้องลุกขึ้นมาทำอะไร จริงๆ ซักอย่างแล้ว ครับ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลลง

ปล่อยเอาไว้ก็โดนซื้อเสียง มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยเหมือนกัน

สรุปแล้วก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยซักทาง

ถ้าอย่างนั้นก็ควรเลือกทางที่เราคิดว่าดีที่สุด

Choose the lesser of two evils.

คือการซื้อเสียงมันแค่ปัจจัยนึงเองนะ ยิ่งสำหรับสนาม สส
การซื้อเสียงไม่ใช่ปัจจัยหลักให้เลือกด้วยซ้ำ เป็นแค่ปัจจัยเสริม
ให้คนออกไป/กลับมา ใช้สิทธิ์ หรือเน้นในแง่ PR ให้คนจำหน้า
จำเบอร์ได้มากกว่า ยกเว้นจะทุ่มแบบสามสี่พันไปเลย

ช่วงเลือกนายก อบจ ผมยังกลับไปคุยเรื่องการเมืองจนเปลี่ยนใจญาติได้ 1 คนถ้วนก็ภูมิใจแล้วล่ะ

ประชาธิปไตยจริงๆ ด้วย