ผมสัมผัสกับผู้เป็นโควิด-19 โดยตรง

ขอเล่าเริ่มจากว่าวันที่ 11 เมษายน ผมไปเล่น Fitness แล้วเจอเพื่อนซึ่งทราบผลว่า

Positive(23เมษายน)

หลังจากเล่น Fitness เสร็จแล้วก็หิวเลยชวนกันไปหาอะไรกินจากนั้นเเยกย้าย

ในส่วนของเพื่อนผมนั้นมีอาการมาเรื่อยๆตั้งแต่

13-15 เมษายน รู้สึกหนาวสั่นหรือเรียกง่ายๆว่าน่าสงสัยว่าเป็นหรือไม่

16-21 เมษายน จึงพยายามหาวิธีที่จะตรวจเพื่อยืนยันว่าเป็นโควิดหรือไม่

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ 16 เมษายน ไปตรวจที่รามาไม่มีคิวตรวจกลับบ้าน

19 เมษายน ไปตรวจเจริญกรุงประชารักษ์ คิวเต็มกลับบ้าน

21 เมษายน ไปตรวจที่โรงพยาบาลกลาง ไม่ได้ตรวจเพราะหมอประเมินว่าไม่ได้ใกล้ชิดกับใครที่เป็นโควิด

(โดยส่วนตัวหมอวิเคราะห์ตามทฤษฎีเลยผมโอเคนะแต่ก็เเอบคิดว่าอาการมันก็มีนี่นา)
ตอนเย็นได้รับโทรศัพท์ว่าให้ไปตรวจที่ รพ.กลาง ในวันรุ่งขึ้น

22 เมษายน ไปตรวจที่ รพ.กลาง

ส่วนตัวผมเพิ่งไปตรวจมา 24 เมษายน รอผลวันที่ 26 เมษายน ครับ

สิ่งที่ผมได้เจอกับตัวและขออนุญาตเเบ่งปันคือ

1.ตามทฤษฏีผมเป็นกลุ่มเสี่ยงสีเเดง
2.ผมไม่มีอาการอะไรเลย
3.คนรอบข้างผมไม่มีใครเป็นอะไรเลย
(ประมาณ 5 คนที่ใกล้ชิดและมี 2 คนที่เพื่อนๆบอกว่า "ไอพวกนี้เเหละอ่อนเเอ ถ้ามึงเป็นพวกนี้จะเป็นตัวบ่งชี้เอง")

ปัญหาที่พบเจอในการตรวจเชื้อ 1.รพ.เอกชนไม่รับตรวจ 2.รพ.รัฐตรวจฟรีต้องรอคิวซึ่งคิวแต่ละวันจำกัด ยกตัวอย่างเช่น รพ.รามารับวันละ 200 คนและต้อง Walk-in จากความเห็นส่วนตัวคิดว่าคนต้องไปรอเกิน 200 คนเเน่ๆและเสี่ยงสูงเเน่ๆ การที่คนเยอะขนาดนั้นซึ่งมั่นใจได้ในกลุ่มผู้ตรวจมีคนเป็นโควิดชัวในสถานการณ์แบบนี้

3.คลินิคหรือ LAP เอกชนที่ยังรับตรวจอยู่ซึ่งผมไปตรวจที่นี่(ค่าตรวจจ่ายเองหลักพัน)เเละ LAP นี่จะไม่รับตรวจหลังจากวันที่ 26 เมษายนเนื่องจากหากมีผู้ป่วยที่ Positive จาก LAP นี้ตัว LAP ต้องหาเตียงให้ผู้ป่วยเองด้วย(อิหยังวะ)

ผมขออนุญาตสอบถามพี่ๆเพื่อนสมาชิกว่า
ในกรณีนี้ผมไม่เเสดงอาการอะไร คนรอบข้างไม่ได้เป็นอะไรเลยผมไม่อยากไป รพ.สนามหรือที่ใดๆเลยไม่อยากเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่เพราะตัวเองไม่จำเป็นต้องให้ใครดูเเล

ทางกรณีที่ร้ายที่สุดหากผลเป็น Positive

ผมประสงค์จะกักตัวอยู่หอพักโดยที่ไม่เเพร่เชื้อให้คนอื่นต้องทำอย่างไรครับ
(ผมมีเสบียงเรียบร้อยแล้วสามารถอยู่ในห้องตลอดเวลาได้)

และขอคำแนะนำที่จะอธิบายให้คนอื่นลดความตระหนกได้ ผมเข้าใจนะบางคนมีพ่อแม่หรือผู้มีอายุอยู่ที่บ้าน รบกวนด้วยครับ

ผมพึ่งซื้อเครื่องวันออกซิเจนในเลือดมาวันนี้เอง วัดมันทุกครึ่งชั่วโมงเลย

ไปอ่านๆมาเขาว่าไม่มีอาการ แต่ก็มีสิทธื์ลงปอดได้ เลยซื้อมาไว้ก่อน

เผื่อมันลดจะได้รีบไปหาหมอทัน

timeline เหมือนคนในบริษัทผมเลยครับ
( ทุกโรงพยาบาลที่ไปเลย แล้วก้เต็มเหมือนกันอีก จนผมนึกว่าคนเดียวกัน )

ไปรามาเต็ม ประชารักษ์เต็ม รพ.กลางบอกไม่เสี่ยง
แต่วันต่อมาให้ไปตรวจ สรุปเจอเชื้อวันที่ 24

บริษัทแถวทุ่งมหาเมฆ

อย่าบอกนะว่าคนเดียวกัน

ผลตรวจออกพรุ่งนี้แล้วนี่ครับ ใจร่มๆ

อีกอย่างท่านสัมผัสผู้ป่วยมาแล้ว 14 วัน โดยไม่มีอาการเลย ผมว่ามีโอกาสไม่ติดเชื้อครับ

น้องที่ทำงานผมน้องแท้ๆในบ้านติดเชื้อ เขาก็ยังไม่ติดเชื้อเลยครับ (ไปตรวจสองรอบ ผลลบ2ครั้ง)

ตอนนี้ยังไม่มีแนวทางการกักตัวที่บ้านนะครับ ซึ่งอนาคตคิดว่า คงจะมีนโยบายออกมา โดยเฉพาะคนที่ไม่มีอาการ ผมคิดว่าสามารถกักตัวที่บ้านได้ แต่อย่างว่าครับ วินัยคนเราไม่เท่ากัน ดังนั้นหากจะกักตัวที่บ้าน คงจะต้องมีกฎเกณฑ์ และขั้นตอนการติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดครับ เพราะลองคิดง่ายๆ ถ้าให้กักอยู่บ้านแล้ว เชื้อเกิดลงปอดขึ้นมา รักษาไม่ทัน หาเตียงไม่ได้ มันจะแย่เอาครับ การจัดการในเรื่องนี้ของรัฐถือว่าเชื่องช้าจริงๆ

เพื่อนผมขับรถไปส่งเพื่อนที่ทำงาน นั่งข้างกันในรถ ไม่ใส่หน้ากาก พูดคุยปกติ ไปตรวจผลก้บอกไม่ติดคับ

งงเลยรอดได้ไง

คุณเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดตามนิยามแน่นอนครับ

ปัญหาคือที่ตรวจไม่พอ

ตอนแรกที่คุณสงสัย + เริ่มมีอาการ คุณควรหาที่ตรวจ ซึ่งมันก็หาไม่ได้หรอก เพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่

สิ่งที่พอทำได้คือกักตัว + หาที่ตรวจไปเรื่อยๆ

ถ้าผล negative คุณกักตัวต่อที่บ้าน

แต่ถ้าผล positive ตามกฏหมาย ณ ปัจจุบัน คุณต้องไป โรงพยาบาลสนาม ครับ ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้

ตอนนี้ผมกำลังทำแนวทางในการกักตัวที่บ้านในกรณีที่ไม่มีอาการเพื่อนำเสนออยู่ หวังว่าจะทำได้นะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะเอามั้ย

โห อันนี้ดูเสี่ยงกว่าผมอีกครับดีใจแทรเพื่อนคุณด้วยครับผม

รบกวนด้วยครับท่าน ผมว่าน่าจะได้ประโยชน์กันหลายฝ่ายเลย

ผมเขียนไป 2 รอบแล้ว เค้าไม่เอา อันนี้รอบที่ 3

ผมถามท่านหน่อยดิ ประเด็นคือเค้ากลัวคนแหกกฏตอนที่กักตัวอยู่บ้าน กลัวออกไปเพ่นพ่านที่อื่น

ผมเลยคิดอยู่ว่ารอบนี้ให้เลือกได้ว่าจะนอนโรงพยาบาลสนาม หรือ จะ นอนบ้านแต่ติดกำไล EM แบบที่นักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวแต่ให้กักบริเวณแค่ในบ้านอ่ะ

คนเราจะยอมติดกำไลนี้กันมั้ย

อันนี้ผมหาทางให้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลสนาม ให้นอนบ้านแบบสุดๆแล้วนะ

ผมยอมติดครับถ้าเเลกกับการไม่ต้องไป รพ.สนาม การมีทางเลือกให้เเม้จะเเย่ทั้งคู่แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรครับ

อาจารย์หมอที่ผมเตรียมข้อมูลให้ เค้าไม่เอาด้วยอ่ะสิครับ บอกว่าอยากให้ home quarantine แบบที่ไม่ใช่จับประชาชนไปติดคุก

และก็ไม่เอาระบบคนไม่มีอาการไปโรงพยาบาลสนามด้วย

ให้ผมหาทางเขียนแนวทางให้พวก ศบค ยอมรับอีก

ยากชิบหาย

แนะนำให้ isolate ตัวเองออกมา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร โดยในแต่ละวันให้สังเกตุอาการตัวอง ตลอด ซัก 2 สัปดาห์ครับ

อาจารย์หมอก็ดูมีเหตุผลครับ ผมเห็นด้วยเลยนี้มันสิทธ์พื้นฐานของคนนะ แต่นั้นเเหละผมขอเเค่ไม่ไป รพ.สนามจะให้ลงชื่อยินยอมอะไรก็ได้ คุณลองถามอาจารย์หมอไหมละครับถ้าผู้ป่วยรับกำไล EM นี่ได้ก็ต้องให้เค้าทำ
ส่วนคนที่ไม่ยอมก็ลองหาทางอื่น

สุดท้ายก็ต้องกักตัวอยู่บ้านกันแหละครับ
ก็กักตัวเองอยู่บ้าน 14วัน ไม่เกี่ยวกับว่า pos หรือ neg

ถ้า pos ก็ไปกักตัวตามที่ๆรัฐจะจัดการให้ ซึ่งไม่รู้จะพอ แล้วก็เซฟกว่าจริงมั้ย?

ระบาดระดับนี้ ยังไงเตียงก็ไม่พอหรอกครับ
ถ้า กทม ยังบวกระดับนี้ไปอีก 1 -2สัปดาห์ ยังใช้รูปแบบการจัดการ
ไม่งั้น จะแย่กว่าตอนนี้อีก
ผมมองต่างเรื่องกักตัวที่บ้านไปรพ.ไม่ทัน
ผมว่าถ้ารพ.มันว่างตลอด ก็พร้อมรับคนไข้ได้มากขึ้น
ไม่ต้องเอาหมอ พยาบาลมาดูแลเคสเบาๆ
ก็มีบุคคลากร available มากขึ้น ในการดูแลผู้ป่วยหนัก

คนกักตัวอยู่บ้าน ใช้ Doctor/์ีNurse call น่าจะเหมาะสมกว่า

ผมมองว่า ยอดคนเสียชีวิตที่บ้านจะพุ่งขึ้นไปอีกเรื่อย เพราะ เตียงมันเต็มตลอดเวลา
แล้วคุณไม่มีทางเพิ่มเตียง เพิ่มสถานที่ เพิ่ม หมอ เพิ่มพยาบาลมาพอกับคนไข้ที่เยอะขึ้นได้หรอก( บุคลากรก็มีแค่นี้ จะไปเสกมาจากไหน แถม ไปเพิ่มความเสี่ยงต้องไปสัมผัสโรคมากขึ้น ไปอีก มีโอกาสจะติดเชื้อ เพิ่มอีก ตอนนี้ที่รพ.ก็โดนกักไป4 คน คิดเป็น8% ของหมอทั้งรพ. แค่นี้ก็หัวปั่นแล้ว)

ผมว่าเราเห็นประเทศระบาดหนักๆจัดการยังไง แล้วน่าจะเอาเขามาเป็นแบบอย่างนะ ไม่เห็นต้องกักวลว่าโรคมันจะกระจายเลย
คนที่กระจายมันไม่ใช่คนที่รู้ว่า positive มันคือคนที่ยังไม่ได้ ไปตรวจมากกว่า
ซึ่ง รับคนป่วยทกคนเขารรพ. ไม่ได้แก้ปัญหาตรงนี้เลย แม้แต่นิดเดียว