เมื่อคน 1000 คนเชื่อเรื่องแต่งขึ้นบางเรื่องเป็นเวลา 1 เดือน เราเรียกมันว่าข่าวลวง

เมื่อคน 1000ล้าน คนเชื่อเรื่องนั้นเป็นเวลา 1000 ปี เรากลับเรียกมันว่า ศาสนา

จาก 21st lessons for 21st century ..... แค่นี้แหละครับ

ก็นั่นแหละครับ คำถามคือ ทำไมพระเจ้าต้องทำตามโลจิคคุณ?

เคยฟังคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์ความน่าจะเป็นครับ

เมนไอเดียประมาณว่า มนุษย์โลกมีกี่พันล้านคน

โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆมันต้องมีบ้างแหละนา

มันเป็นอีกมุมมองนึงนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่ความเชื่อท่าน

ส่วนตัวคือเรื่องนี้เอามาถกเถียงกันไม่ได้ด้วยหลักการและเหตุผลนะครับเพราะเรื่องนี้มันไม่มีใครพิสูจน์ได้จริงๆ มันเลยเป็น subjective ถกกันไปอาจไม่จบไม่สิ้น

ส่วนตัวผมไม่เชื่อครับ
อะไรก็แล้วแต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีอยู่จริง ผมก็ไม่เชื่อครับ
ผมอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ มากว่า

ผมไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ ไม่เชื่อเรื่องบาป-บุญ แต่เชื่อเรื่องผี เพราะเคยเห็น เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องผีหลายครั้ง ผมย้อนแย้งมั๊ยเนี่ย

ถูกของคุณนะ แต่อย่าลืมประเด็นสำคัญ

ถ้าคุณบอกว่าพระเจ้าไม่มีคำสอนใดๆเลย คุณก็ยังถูกอยู่

แต่ลืมไปแล้วหรอ พระเจ้าสอนให้คนเป็นคนดี

แต่กลับเพิกเฉยคนเลว หรือปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเกิด ???? โคตรย้อนแย้ง

ถ้าพระเจ้ามีจริง และอยากให้คนเป็นคนดี ก็เสกแม่งให้เป็นคนดีทั้งหมด

จะมานั่งสอนทำไม แถมรู้ๆกันอยู่ว่าไม่ได้ผล ตลกชิป

คนดีคืออะไรครับ คนดีของแต่ละศาสนาก็ไม่เหมือนกัน (แม้จะมีส่วนทับกันอยู่บ้าง) ว่าแต่ทำไมคุณถึงเชื่อว่ามีความดี ถ้าไม่มีพระเจ้าก็ไม่มีความดีหรอกครับ มีแต่สิ่งที่เราชอบไม่ชอบ

คำถามที่คุณบอก ว่าย้อนแย้งกัน หลายๆศาสนา (เท่าที่ผมเคยอ่าน) ก็มีคำอธิบายหมดแหละครับ (แน่นอนว่าอยู่ที่ว่าเราคิดว่าคำอธิบายนั้นๆ เราพอใจมากน้อยแค่ไหน)

ถ้าอยากคุยเรื่องนี้แบบจริงจังและถ้าเล่นClubhouseผมแนะนำคลับชื่อ เม้ามอยศาสนากับอศาสนจักรครับ เค้าคุยเรื่องแนวที่คุณว่า น่าจะแลกเปลี่ยนกันสนุก

สงสัยผมจะโดนปั่นสมองว่า ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ทำเรื่องดีๆให้แก่คนอื่น

ไม่เห็นมีใครมาบอกว่า ศาสนาสอนให้ชอบอะไร

ถ้ามีก็ขอรับรู้เป็นการเปิดโลกหน่อยเถอะ

ศาสนาก็เป็น เครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมายอะไรซักอย่าง

คำอธิบายว่า พระเจ้าต้องการทดสอบอะไรงี้หรอครับ ถ้าพระเจ้าอะไรนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้างละ

ส่วนคนดีคืออะไร ไม่น่าถามอะ ผมไม่มีปัญญาตอบ

ปล.ขอโทษที่ใช้อารมณ์ไปหน่อย สนุกดีที่ได้คุยกันครับ

เมื่อก่อนผมก้คิดแบบท่านเหมือนกัน
แต่พอลองศึกษาเกี่ยวกับศาสนาพุทธ พระศาสดาไม่ใช่ผุ้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครหนีพ้นได้ นรก สวรรค์ ศาสดาก็ไม่ได้สร้าง
มันมีมาก่อนศาสดาเสียอีก พระศาสดาเป้นผู้ที่เห็น รู้ ว่ามันมีอยู่จริง แล้วเห็นว่ามันเป็นทุกข์
จึงแสวงหานิพพานเพื่อให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ธรรมะอ่านมากศึกษามากก็เชื่อมากครับ แต่ได้ปัญญาไหมนี่ไม่รู้จริงๆ

ถ้าสังคมนั้นมีแต่คนดีมิติเดียว สังคมนั้นอยู่ได้จริงไหม?

คือผมไม่เห็นว่าที่คุณพิมพ์มีปัญหาเลยนะครับ คุยกันมันสนุกอยู่แล้ว

คือผมจะบอกว่า ความดีแต่ละศาสนาน่ะไม่เหมือนกัน ความดีของศาสนาถูกกำหนดโดยศาสดา เช่นศาสนาพุทธ หรือพระเจ้า เช่นศาสนายิว/คริสต์/อิสลาม (หรือจะบอกว่าศาสดาของศาสนาเหล่านี้กำหนดก็ได้ แต่ผมว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น) แล้วแต่ศาสนา ถ้าจะเชื่อความดีที่มัน absolute ก็ต้องเชื่อศาสนาอ่ะครับ เพราะถ้าไม่มีคนกำหนดกฎ ความดีมันจะไม่ absolute แล้ว มีแต่สิ่งที่มนุษย์รวมตัวกันแล้วบอกว่าอันนี้ดีหรือไม่ดี ซึ่งก็คือความชอบใจของมนุษย์นั่นแหละ และความชอบนี้มันเปลี่ยนได้เสมอ

ส่วนคำอธิบาย ถ้าคุณอยากอ่านลองไปอ่านหนังสือโยบ ในคัมภีร์ไบเบิลของยิวและคริสต์ดูครับ น่าจะตอบคำถามที่คุณถามได้ (จะชอบไม่ชอบอีกเรื่อง)

หลายๆคนชอบตั้งคำถาม สวรรค์ นรกมีจริงไหม

กับคำถาม ถ้าพระเจ้ามีจริง แล้วทำไมสังคมทุกวันนี้ คนเลวถึงได้ดีกันทั้งนั้น

ทำไมจึงปล่อยให้รกอยู่บนโลกอยู่ได้

งั้นผมขอถามกลับแบบนี้ ถ้านรกไม่มีจริง พระเจ้าไม่มีจริง

คนเลวที่ตายไปแล้ว มันยังไงต่อ โดนอะไรไหม

จบเลยรึไง ไม่มีอะไรรอคนพวกนี้เลยหรอ แค่ตายไปแค่นั้นเองหรอ ในเมื่อทุกคนก็ต้องตายกันอยู่แล้ว

แล้วคนเลวที่ทำชั่วไป ถ้าไม่มีบทลงโทษอะไรเลย ก้อถือว่าสบายเลยดิ ตอนอยู่บนโลก ก้อได้ทำชั่ว ได้ใช้ชีวิตสบายๆ ตายไปก้อไม่ได้มีอะไรรอ

บางคนอาจจะแย้งว่าบนโลกก้อมีกฎหมายอยู่แล้ว ก้อมีบทลงโทษอยู่แล้ว แล้วถ้าไม่โดนจับล่ะ ก้อใช้ชีวิตสบายๆจนตายเลย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแบบนี้หรอ

ถ้าโดนจับได้ ถามหน่อยไอ้กฏหมายหรือบทลงโทษที่ว่า มันยุติธรรมแล้วใช่ไหม บางคนโดนจับติดคุก 5 ปี บางคน 10 ปี ทั้งๆที่ความผิดเดียวกัน เราจะเชื่อคำตัดสินจากมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึกได้ 100% จริงๆหรอ

ด้วยตรรกะนี้แบบง่ายๆเลย มันก้อไม่ยุติธรรมกับคนที่ทำดีเลย จะทำดีไปทำไม ทนใช้ชีวิตแบบลำบากทำไม ในเมื่ออีกทางหนึ่ง มันสบายกว่า ตายไปก้อว่างเปล่า จบ

คนที่อยู่ฝ่ายเชื่อในเรื่องของพระเจ้าแบบใช้ปัญญานั้น เขาเชื่อที่ว่าการมีการอยู่ของสิ่งหนึ่งบ่งบอกถึงผู้สร้างมันครับมองรอบๆตัวคุณได้เลยฮะ หน้าจอที่อยู่ตรงหน้าคุณก็มีคนสร้างครับ แล้วถ้าคิดต่อไปอีกว่าขนาดหน้าจอยังถูกสร้างแล้วสิ่งที่ซับซ้อนกว่านี้หละ จะไม่ถูกสร้างมาหรอ?

ทีนี้มันอาจจะมีคำถามขึ้นมาอีกว่า แล้วถ้าทุกสิ่งถูกสร้าแล้วใครสร้างพระเจ้า คำถามยอดฮิตของคนไม่เชื่อพระเจ้า คำตอบก็ตอบคล้ายๆเดิมครับ กลับไปมองทุกสิ่งรอบตัวอีกที การที่มีสิ่งหนึ่งออกมาแล้วมันบ่งบอกว่ากระบวนการจบลงแล้วครับ นั่นคือการที่บอกว่าใครสร้างพระเจ้านั้นไม่เมคเซนส์เลยฮะ เพราะถ้าเราตั้งไว้ว่า พระเจ้าคือผู้สร้างทุกสรรพสิ่งแล้วสิ่งเหล่านี้ปรากฏออกมาแล้ว กระบวนการตรงนี้คือสิ้นสุด หากแต่เราไปถามอีกว่าใครสร้างพระเจ้า มันก็ต้องถามถึงพระเจ้าองค์ต่อไปด้วยถูกไหมฮะ ดังนั้นมันไม่มีทางสิ้นสุดเลยครับ เมื่อไม่สิ้นสุดผลลัพท์ย่อมไม่เกิด แต่นี่คือมีผลลัพท์แล้วแสดงว่ามันต้องสิ้นสุดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
.
สรรพสิ่ง <= พระเจ้า1 <= พระเจ้า2 <= พระเจ้า3 <= ........infinity
.
หากเป็นแบบด้านบน จะไม่มีเราไม่มีโลกไม่มีจักรวาลครับ

ส่วนสุดท้ายคือ เพราะวิทยาศาสตร์ไกลแล้วเราเลยไม่เชื่อพระเจ้า สรุปแล้ววิชาวิทยาศาสตร์มีไว้พิสูจน์พระเจ้าหรือครับหรือมีไว้อธิบายเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น เรารูัมาแล้วว่าการเกิดดวงดาวเกิดจากแบบนั้น การเกิดจักรวาลเกิดด้วยแบบนี้ อันไหนคือคำอธิบายว่าไม่มีพระเจ้าครับ มันเป็นการสรุปแบบนิรนัยไม่ใช่หรอครับ