ตามที่ท่านว่าเลยครับ สโมสรเป็นของชุมชน เจ้าของแค่มาดูแลสโมสรแลกกับผลประโยชน์แล้วก็ไป

ส่วนเรื่องสเปนกับอิตาลี น่าจะเพราะ 1-2 วันนี้ไม่มีแข่งด้วยส่วนนึงนะ

เห็นว่าตอนนักเตะแมนยูถามเอ็ดเรื่องการยังลงเล่นในพรีเมียร์ และผลกระทบต่อทีมชาติจะเป็นยังไงก็ไม่ได้รับคำตอบจากเอ็ดนะครับ ส่วนตัวคาดว่าเอ็ดอาจมองว่าอาจจะมีโอกาศโดนแบนตามคำขู่ของยูฟ่าอยู่ล่ะมั้ง

ผมอ่านจากกระทู้คุณ AlfaZero

http://www.soccersuck.com/boards/topic/1993633

มันไม่ประชาธิปไตยมั้งครับ

15 ทีม ตัวยืน อีก 5 ทีมรับเชิญ

เหมือน 15 ทีมมันได้ อภิสิทธิ์เหนือทีมอื่นๆ

ระยะยาวมันส่งผลกระท่บกับลีคครับถึงต่อให้เตะบอลลีคประเทศต่อก็เถอะ สมมติESLมันขายได้จริง ค่าลิขสิทธิ์พวกEPLงี้ก็ลดลงแน่ๆทีมเล็กมันก็ได้น้อยลงไงครับ ทีนี้ก็กระทบกันทั้งระบบอะแต่ทีมใหญ่มันมีแต่รวยขึ้น

เอาจริงๆผมไม่อยากไปอวยพวกท้องถิ่นอะไรล่าสุดผมไปเจอคนเอเชียพิมแนวๆว่าสนใจในESLแต่ไม่สนับสนุน มันเหยียดแบบผมขยะแขยงมากใครอยากอวยก็อวยไปเถอะเขามองเราเป็นแค่พลาสติคแฟนไปหมดละถึงจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

ไม่ใช่แค่ประเพณี จิตวิญญาณอะไรหรอก เราพูดได้เพราะเราก็แค่คนดู มีแข่งทีก็กินเลย์จิบโค้กกระดิกเท้าเชียร์บอลไปเพลินๆ ย้ายลีคเปลี่ยนระบบอย่างไรเราก็ดูได้เหมือนเดิมไม่มีผลกระทบ เราเลยละเลยเรื่องหลายๆอย่างไป แต่คนที่นู่นไม่ใช่ เขามีส่วนร่วมจริงๆได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจริงๆ การแสดงความเห็นเขาต้องแข็งกร้าวกว่าอยู่แล้ว

สมมุติให้เห็นภาพง่ายๆเช่นวันนึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องสนใจแล้วโครงส้งโครงสร้างพื้นฐาน เขาจะดันทีมท๊อปในไทยลีคให้เด่นกว่านี้จะได้หาเงินเข้าสโมสรเยอะๆแทนเพื่อพัฒนาไทยลีค หรือทีมดังในไทยลีคทั้งหลายวันดีคืนดีลุกขึ้นมาประท้วงว่าทีมฉันทำเงินตั้งเยอะทำไมไทยลีคถึงต้องกระจายเงินอุดหนุนให้ทุกสโมสรล่ะ เขาหาได้มากก็ต้องได้มากสิ ไทยลีคจะเป็นยังไง คุณจะรู้สึกอย่างไรกับสโมสรที่พูดแบบนั้น

หลายเม้นบอกนี่มันยูฟ่าเกี่ยวอะไรกับสมาคมฟุตบอลประจำประเทศ ลีคของประเทศนั้นๆ เกี่ยวแน่ๆเพราะยูฟ่าให้เงินอุดหนุนสโมสรที่เป็นสมาชิกทั้งหมดแม้จะผ่านเข้ารอบมาเล่นไม่ได้ ถ้าผมจำไม่ผิดเงินอุดหนุนสโมสรตรงๆราวๆ 200ล้านปอนด์ เงินสนับสนุนทางอ้อมเช่นโครงการพัฒนาฟุตบอลท้องถิ่นต่างๆอีกหลักร้อยล้านปอนด์ น่าจะมีหลายสโมสรที่อยู่ได้ด้วยเงินอุดหนุนที่ยูฟ่าให้ด้วยซ้ำ

ทีนี้พอเกิดการเปลี่ยนแปลง มันเลยกลายเป็นการกระทบเส้นแบ่งคนท้องถิ่น เพราะเขารู้สึกว่าถ้าปล่อยให้เกิดขึ้น มันเสี่ยงที่จะทำลายพีรมิดฟุตบอลจนล้มตามกันเป็นโดมิโน โครงสร้างฟุตบอลถูกทำลาย = การจ้างงานในประเทศ โอกาสทางอาชีพ โอกาสของเยาวชนในอนาคตกระทบหมด ผมอยู่ในห้องแชทฝรั่งแต่ละคนไม่ใช่แค่ไม่ชอบ แต่เลือดขึ้นหน้าเลยเพราะเขารู้สึกถึงอันตรายของโครงสร้างใหม่ พูดกันถึงขั้นที่ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงวงการฟุตบอลทั้งยุโรปในอนาคตจะถูกกำหนดโดยนักธุรกิจไม่กี่คนไปเลยซึ่งเขาไม่ยอมแน่ๆ

ดังนั้นต่อให้เขารักสโมสรยังไงเขาก็ไม่รักไปกว่าผลประโยชน์ประเทศเขา ท้องถิ่นเขา แรงกระเพื่อมมันถึงได้รุนแรงถึงขนาดที่ว่าฝ่ายการเมืองทั้งหลายยังมีปฏิริยา สมาคมฟุตบอลทั้งหลายที่ไม่ได้เดือดร้อนเลยยังต้องร่วมกันค้าน เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลแล้วมันเหมือนเป็นนโยบายด้านกีฬาของประเทศอะไรเทือกนี้มากกว่า

จริงๆแล้วถ้าอยากตั้งให้ได้จริงๆแล้วไม่ยาก ตอบสังคมให้ได้ตอบโลกให้ได้ว่าสิ่งที่ ESL นำเสนอมันดีกว่าสิ่งที่ยูฟ่าทำอย่างไร ต่อวงการฟุตบอลอย่างไร ถ้าตอบได้ผมเชื่อว่าแฟนๆพร้อมสนับสนุน

ทำตัวเป็นElite ตบหน้าทุกทีมในยุโรปกว้านเงินเข้ากลุ่มเดียวแบบการันตี
กลายเป็นผูกขาดทีมอื่นไม่มีทางขึ้นมาได้เลย ความฝันของฟุตบอลทีมอื่นที่อาจคว้าแชมป์ได้คือ0%ไม่ใช่0.1หรือ0.01
เรียกว่าคุณพยายามให้ตายยังไง แบบเลสเตอร์พัฒนาทีมดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้ทุนมหาศาลฝั่งนั้นได้

ผมเห็นด้วยกับการตั้งESLนะ แต่ระบบมันแย่จริงๆ ผูกขาดเกินไปมากควรด่าอยู่หรอก
ยูฟ่า มันแย่ UCLผลประโยชน์ต่ำก็น่าด่าเหมือนกัน

ท่านมีความเห็นอย่างไรกับ leipzig ที่แหวกประเพณีความเป็นเยอรมันครับ

ผมเป็นเเค่คนดูครับ เเต่มันไปเปลี่ยนความคิดคนท้องถิ่นเขาไม่ได้คนใยเยอรมันส่วนใหญ่เขาไม่ชอบอยู่เเล้วครับ เเค่อยากให้บุนเดสเกิดการเเข่งขันบ้าง ทุนเดิมผมเชียร์ทีมชาติเยอรมันครับ ก็เลยดูบุนเดสเเต่ไม่ได้เชียร์ใครเป็นหลัก พอมีไลป์ซิกมาก็อยากลองดูสักหน่อยว่าทีมนี้ทำได้ระดับไหนกัน เเต่ในใจคงรู้เเล้วเเหละการทุ่มซื้อนักเตะเพราะอัพเกรดมาเเข่งขันในบุนเดสนี้เป็นอะไรที่ยากเพราะมีกฎเกฎมากในเยอรมันเรียกว่าทำเเบบซิตี้ ปารีส นี้เป็นไปไม่ได้เเน่ ผมดูไลป์ซิกตั้งเเต่อยู่ลีกก้าสองเเล้วครับ บอกเลยเรื่อง superleague ในเยอรมันเป็นอะไรที่เขาไม่ร่วมเเน่นอน บาเยิร์น ดอร์ทมุนเเละอีกหลายๆทีม ไม่โอเค เเค่ไลป์ซิกยังโดนต่อต้าน ไม่ต้องถามถึงsuperleague ที่้เเฟนบอลลีกอื่นเขารู้สึกอยู่

ทีม อบต นี่เอากันตายไปข้าง สายเลือดมันข้นจริงๆ นะ

สำหรับคนที่รักทีมแบบเชียร์มา 20-30 ปีจะเข้าใจความรู้สึก

จริงๆ ผมไปเจออยู่คลิปนึงในทวิตโคตรอยากเอามาเปิด
แต่หาไม่เจอแล้ว เอาคลิปนี้แทนละกัน เป็นคนอเมริกาแต่ก็เข้าใจ



ทีมเล็กๆ ไม่สามารถขายแบรนด์ของเค้าได้อย่างทีมใหญ่
ไม่ได้มีสปอนเซอร์ที่แห่กันมาสนับสนุน มีเจ้าของที่ผลัดเปลี่ยนไปเรื่อย
ทีมเหล่านี้ของลีก ที่เค้าอยู่รอดมาเป็นร้อยปีนี่
คือ ชุมชนที่สร้างร่วมกันมา ประวัติศาสตร์ เรื่องราวของทีมแต่ละทีม
ความผูกพันธ์กับคนในท้องถิ่น
ความภาคภูมิใจในนักเตะฮีโร่สมัยต่างๆ บ้านเกิด ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ คือ จุดขาย สิ่งที่แตกต่างกันในแต่ละทีม
เป็นสิ่งดึงดูด นักเตะ แฟนบอล หรือการสนับสนุนต่างๆ มาเป็นเวลาร้อยปี
----------------------------------------
การแข่งขันที่พยายามให้มันเท่าเทียมกัน คือ กีฬา
ที่เค้าค้านกันส่วนใหญ่ คือ
ฟุตบอลอังกฤษมีหลากหลายทีม
ตั้งแต่พรีเมียร์ แชมเปี้ยนชิป ลีควัน ลึคทู นอกลีค ฯลฯ เป็นร้อยทีม
6 ทีมที่ออกไปจัดลีคกันเอง โดยทีมอื่นไม่มีส่วนในการเข้าร่วม
เหมือนทำลายปิระมิดฟุตบอล

แนวๆ ทีมอื่นจะพังช่างมัน เพราะไม่มีมูลค่าการตลาด
ฟังดูมันก็เป็นกลไกทางธุรกิจ
แต่ฟุตบอลสำหรับคนอังกฤษ มันไม่ใช่ธุรกิจ มันเป็น community ที่สร้างร่วมกัน
ตั้งแต่นักเตะ ผู้จัดการ สต๊าฟ เจ้าของ แฟนบอล สปอนเซอร์ ฯลฯ
ถึงจะเล็กแค่ไหน แต่มันยิ่งใหญ่
-----------------------------------------
แล้ว ESL พลาดอะไร
ESL เจ้าของตัดสินใจโดยไม่บอกนักเตะ ผู้จัดการ แฟนบอล สปอนเซอร์ ฯลฯ
ไม่มีส่วนให้ community ตัวเองและ community อื่นๆ ในลีค รับรู้ร่วมตัดสินใจ
เพราะถือว่าเป็นทีมของตัวเอง

ถ้าถามผมว่าเมื่อเกิด ESL ทีมเล็กอื่นๆ จะอยู่ได้มั้ย
ผมตอบเลยว่าอยู่ได้ อาจจะลำบากแต่อยู่ได้

แต่ 6 ทีมนั้นจะกลายเป็นตัวร้ายที่ทำให้ปิรามิดฟุตบอลพัง
ในสายตาของพรีเมียร์ ลีกวัน ลีกทู ตลอดจนแฟนบอลของตัวเอง

และแฟนบอลที่เห็นทีมรักตัวเองทำลายวงการฟุตบอล
โดยไม่สนใจประวัติศาสตร์ทีมตัวเอง มันเป็นอะไรที่เกินรับ

ก็เอาง่ายๆ เหมือนมาดามแป้งบริหารท่าเรืออยู่ตอนนี้ เขาไม่ได้เป็นเจ้าของทีม เขาแค่ซื้อสิทธิ์จากการท่าเรือไทยมาบริหาร ส่วนคนคลองเตยก็ผูกพันกับทีมมานานจนมีความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกันหลายสิบปี ฉะนั้นมาดามก็ต้องเอาใจแฟนบอลท้องถิ่น ทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ แฟนบอลพร้อมจะปกป้อง แล้วก็พร้อมจะด่า

ฉะนั้น ลองถามแฟนท่าเรือที่เป็นคนคลองเตยแท้ๆ อาจจะได้คำตอบแบบคนไทยด้วยกันที่ดีที่สุดก็ได้นะครับ เพราะผมมองว่านี่คือตัวอย่างในบ้านเราที่ใกล้เคียงสุด อย่างแมนยูผม ถึงเจ้าของตอนนี้คือเกลเซอร์ แต่คนที่ก่อตั้งสโมสรมาคือรุ่นบรรพบุรุษของพวกแฟนบอลท้องถิ่น ชื่อแรกของสโมสรอย่าง"นิวตัน ฮีธ"ก็คือชื่อของย่านที่ตั้งสโมสร แล้วก็ล้มลุกคลุกคลานกันมารุ่นสู่รุ่น ผ่านความสำเร็จ ความล้มเหลว ผ่านโศกนาฏกรรมมิวนิคมาด้วยกัน จนเป็นแมนยูทุกวันนี้

มองมุมกลับ ก็เหมือนฝรั่งมาต่อยมวย มาเตะตะกร้ออะครับ ให้รู้มากหรืออินยังไงก็ไม่มีทางเข้าถึงได้เหมือนเรา จะมาเข้าใจความรู้สึกตั้งแต่ซื้อตะกร้อลูกละไม่กี่บาทจากร้านชำ หาลานว่าง หมุนเสาติดล้อมาขึงเน็ตเตะกัน ไต่เต้าจนเป็นตัวแทนของชาติ ไปชิงเหรียญทองกับไอ้เสือเหลืองคู่ปรับตลอดกาลได้ยังไง (ยกเว้นอองตวนกับมวยไทยนะ อันนั้นอยู่ตั้งแต่เด็ก ฝรั่งขี้นก 5555)

เราไม่ต้องไปชื่นชมแฟนบอลท้องถิ่นก็ได้ครับ เพราะพวกเขาบางส่วนก็มี หรือเคยมี พฤติกรรมฮูลิแกน เหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ เมาอาละวาด ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรขนาดนั้น แต่อย่างน้อยนับถือในประวัติศาสตร์ ความผูกพันของพวกเขา สักหน่อยก็ไม่เสียหาย

James Corden เป็นคนอังกฤษครับ เป็นแฟนเวสแฮม แต่ว่าไปจัดรายการที่อเมริกา

ฟังแล้วคือสุดยอดจริงครับ

ถ้ารู้จักความหมายลึกๆของคำว่า
"When Saturday comes"
ก็จะเข้าใจว่า ฟุตบอลสำหรับคนอังกฤษ
มันมีความหมายมากกว่ากีฬา
ทุกวันเสาร์ พวกเค้าเข้าสนามฟุตบอล
เหมือนที่คนไทยเดินห้างช๊อปปิ้ง

สโมสรจะเปลี่ยนแปลงอะไรที่สำคัญ
หลายๆทีม ต้องสอบถามแฟนบอลที่ถือตั๋วปีของสโมสรก่อน

สิ่งที่พลาดในเรื่องนี้ คือ นักธุรกิจที่เป็นเจ้าของทีมตามกฎหมาย การงุบงิบทำกัน โดยไม่เห็นหัวแฟนบอล ที่เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นเจ้าของสโมสรด้วย นั่นเอง

มีอยู่ปีนึง มาดามแป้ง เปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนชื่อทีมเอาชื่อสปอนเซอร์มาใส่ โดนแฟนท่าเรือด่าเละ จนต้องรีบเปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม

ส่วนความอนุรักษ์นิยมของคนอังกฤษนี่ก็เข้มข้น รายการไฮไลท์บอลพรีเมียร์ลีก Match of the day ยังใช้เพลงเปิดเข้ารายการเป็นเพลงเดิมมา 50 กว่าปีแล้ว

ก็ลองคิดดูสิว่าถ้าไม่มี ESL อะไรพวกนี้แต่แรก แต่ทีมที่มันอยู่ในกลุ่มก่อตั้งสามารถไป UCL ได้ทุกปีโดยไม่ต้องลุ้นอันดับในลีคอ่ะ อีก 5 ทีมค่อยหาทางตกลงกันอีกทีว่าจะเอาใครไป โดยให้เหตุผลว่าทีมตัวเองเป็นทีมดูดเงินจากคนดูทั่วโลก แค่นี้ม้นก็ทุเรศแล้วอ่ะ