โดย The Athletic & Laurie Whitwell

ได้มีการเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยูไนเต็ดถึงเบื้องหลังที่ทำให้สโมสรตัดสินใจยุติการเข้าร่วม ESL โดยสาเหตุหลักคือ นักเตะในทีม เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวและมีอิมแพคคุกคามกับผู้บริหารมากที่สุด (ที่จริงยิ่งกว่าแฟนบอล)

เริ่มด้วยจากเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ ที่โอเล่ถูกทิ้งไม่ให้รู้เรื่องนี้จนถึงตอนที่ส่งรายชื่อทีมชีทในนัดชนะเบิร์นลีย์ 3-1 ต้องพบกับสื่อหลังเกมและต้องตอบคำถามโดยไม่รู้ราย ละเอียดในเรื่องนี้มาก่อน

พอมาเช้าวันจันทร์ที่สนามซ้อม เอ็ดได้เดินทางมาพร้อมกับ จอห์น เมอร์ทัฟ นักเตะ 5/6 คน ที่ได้หยุดพัก ต้อง Zoom Call เข้ามา และ ส่วนใหญ่ยังสับสน นักเตะถามคำถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน!?” เอ็ดได้ล้มเหลวในการสื่อสารเรื่อง ESL กับโอเล่ หรือ นักเตะ เกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องนี้ ทำให้หมดความไว้วางใจทันที และ ยากที่จะเยียวยาเรื่องนี้ได้

นักเตะของยูไนเต็ด ได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ Super League และรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในสถานการณ์ที่สับสน แมคไกว และ บรูโน่ ได้เรียกประชุมทีมที่สนามซ้อม บรูโน่ไม่พอใจสุดๆ ลุค ชอว์ ที่ปกติเป็นคนพูดน้อย แต่ครั้งนี้ก็พูดเยอะ โดยทั้งคู่โกรธมาก

คำถามของทีมเกี่ยวกับการยังได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก และ ผลกระทบสำหรับทีมชาติไม่ได้รับการตอบสนองจากคำตอบของเอ็ด

ภายหลังการลาออกของเอ็ดนักเตะในทีมชุดปัจจุบันถึงกับเรียกเขาว่า recent player told: "Great marketing man, awful at football."

Solskjaer was left in the dark until Woodward confirmed reports of a Super League were genuine once the team-sheets had been handed in for mufc's 3-1 win against Burnley on Sunday, while a Zoom call with 5/6 players on Monday left many still confused

Woodward’s failure to communicate plans to Ole Gunnar Solskjaer or mufc players over such a seismic decision had, according to sources, instantaneously created a mistrust that would be very hard to heal, possibly making his position untenable

mufc players were in deep discussions with each other about Super League. The squad is split into two dressing rooms owing to coronavirus restrictions but they were as one in bemusement over the situation. As per a source, they were all talking about it

Word of the discussions got back to Woodward and he organised a Zoom call with five or six players for the following day, appearing alongside John Murtough, United’s recently appointed football director

The squad was on a day off but senior members logged on to air their thoughts. "The lads were totally confused," says a source. "They were asking questions, 'Just what is it?'"

"At the training ground, first thing Bruno and Harry demanded a team meeting [about the Super League] that included the staff and the higher-ups including Ed Woodward."

"At the meeting, Bruno was extremely vocal and upset. Surprisingly Luke Shaw who was a bit on the quiet side at times was a big talker too. The pair was furious and told the staff in no uncertain terms what they thought."

The team's questions about Premier League participation and the implications for international football were not assuaged by Woodward's responses

ประโยคนี้ก็ชัดแหละ "Great marketing man, awful at football."

ขอบคุณครับ

บุญเก่าป๋ากินได้อีกนาน ก่อนหน้านี้เอ็ดเอาแมนยูทำตลาดแบบเปลือกสดใสไส้ในกลวง หลอกขายขาจรนักท่องเที่ยว ตอนหลังเหมือนคิดได้ ภาพแมนยูตอนนี้ ค่อยสมกับเป็นทีมฟุตบอลหน่อย เหมือนทิ้งทวนก่อนออก ถือว่าคิดถูกที่เลือกโซลชามากอบกู้ โซลชาอาจจะอ่อนด๋อยไปบ้างเรื่องแท็กติก จนป่านนี้โดนเตะมุมก็ยังเหมือนโดนจุดโทษ แต่นอกสนามโซลชาทำได้ดีมาก ผมสัมผัสได้ถึงความพยายามที่จะกลับมาเป็นทีมฟุตบอล เลิกลุ่มหลงวอนนาบีเป็นกาลาคติกอสจีนแดง ต่อให้คนสืบทอดเอ็ดจะเปนคนของเกลเซอร์ ผมก็รู้สึกอุ่นใจ ส่วนเอฟเฟคจากซูเปอร์ลีก ผมเชื่อโซลชาว่าเอาอยู่ แกจัดการเรื่องนอกสนามเก่งจริง น่าไปเป็นผอ.เทคนิค ละเอา ฮันซี่ ฟลิค มาคุมแทน 5555

ขอบคุณพี่โจ้สำหรับข้อมูลแน่นๆครับ

โหสุดยอด โครตทีม

สรุปไม่ได้จะออกอยุ่แล้ว แต่แตกเพราะนักเตะไม่เอานี่เอง

บรูโน่ นี่มึงแบกทั้งในและนอกสนามของจริง

ประโยคนี้ก็ชัดแหละ "Great marketing man, awful at football."

เคยเจอแต่นักเตะเล่นไล่โค๊ช มารอบนี้ นักเตะไล่ CEO

นักเตะปัจจุบันกับตำนานผี ถือเป็นกลุ่มแรกๆที่เคลื่อนไหวต่อต้านรุนแรงกับโปรเจคนี้ ต้องชื่นชมในความกล้า โดยเฉพาะการเป็นคนแรก หรือ กลุ่มแรก ที่ออกมาต่อต้าน มันเสี่ยงมากๆ ถ้ากระแสพลิกไปทางจัดตั้ง ESL

ขอบคุณครับ

บุญเก่าป๋ากินได้อีกนาน ก่อนหน้านี้เอ็ดเอาแมนยูทำตลาดแบบเปลือกสดใสไส้ในกลวง หลอกขายขาจรนักท่องเที่ยว ตอนหลังเหมือนคิดได้ ภาพแมนยูตอนนี้ ค่อยสมกับเป็นทีมฟุตบอลหน่อย เหมือนทิ้งทวนก่อนออก ถือว่าคิดถูกที่เลือกโซลชามากอบกู้ โซลชาอาจจะอ่อนด๋อยไปบ้างเรื่องแท็กติก จนป่านนี้โดนเตะมุมก็ยังเหมือนโดนจุดโทษ แต่นอกสนามโซลชาทำได้ดีมาก ผมสัมผัสได้ถึงความพยายามที่จะกลับมาเป็นทีมฟุตบอล เลิกลุ่มหลงวอนนาบีเป็นกาลาคติกอสจีนแดง ต่อให้คนสืบทอดเอ็ดจะเปนคนของเกลเซอร์ ผมก็รู้สึกอุ่นใจ ส่วนเอฟเฟคจากซูเปอร์ลีก ผมเชื่อโซลชาว่าเอาอยู่ แกจัดการเรื่องนอกสนามเก่งจริง น่าไปเป็นผอ.เทคนิค ละเอา ฮันซี่ ฟลิค มาคุมแทน 5555

จริง น่าให้แกลดบทบาทไปงานฝ่ายนั้นแทนนะ แต่ดูจากท่าทางแล้วทุกคนไม่เชื่อเอ็ดละ ออกไปก่อนก็น่าจะดี

ไปดีลน้าซาร์มาให้ได้ละ ว่าแต่ใครจะดีลวะ ละเกลเซอร์แมงจะยอมไหม

การเก็บข้อมูลเป็นความลับผมว่าไม่แปลกเลย มี 12 ทีม ถ้าต้องมาให้ ผจก.ทราบ นักเตะซีเนียร์ทราบ แล้วมันจะกระจายไปใครต่อล่ะ

ในการประชุม12ทีมเค้าต้องมีตกลงอยู่แล้วว่ารักษาความลับกันระดับไหน ให้ใครรู้ได้บ้าง ต้องเซ็นสัญญารักษาความลับด้วยซ้ำไป

ในส่วนผู้จัดการทีม หรือนักเตะ ไม่รู้ก็ดีกว่า ไม่เสียสมาธิ ของอย่างนี้มันไม่แน่นอนว่าจะเกิดหรือไม่เกิด เหมือนขายโรงงานเชฟโรเลตนั่นแหละ มันก็รู้แต่ฝ่ายบริหาร ถ้ามีอะไรที่ยืนยัน คอนเฟิร์ม ฝ่าย operate/พนักงานค่อยทราบ รู้ก่อนแล้วยังไง จะไปประชุม/จะให้คอมเมนต์เกลเซอร์เหรอ

เรื่องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสโมสรอันนี้เรื่องนึง แต่ถ้าบอกว่ามีปัญหาที่ไม่บอกกันก่อนผมว่าไร้สาระ

ส่วนข่าวเอ็ดต้องคุยต้องวางแผนกันล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้มีเรื่องใหญ่ เลยอาศัยจังหวะนี้ประกาศซะเลย จะได้ไม่เป็นข่าวใหญ่ หุ้นก็ไม่ตกใจเพราะตกใจเรื่องอื่นใหญ่กว่า

เรื่องนี้ต้องชมแมคไกว์ด้วย ไม่ได้พูดถึงเท่าไีร ลุยเหมือนกัน

ผมไม่เชื่อหรอกว่า CEO จะลาออกเพราะลูกจ้าง
ผมคิดว่าชิงลาออกเพราะรับโทษคนเดียวและไม่ให้สโมสรโดนโทษแบนหรือปรับคะแนน. ต่างหาก.

กล้าเสี่ยง กล้าทำ กล้ารับผิดชอบ

ฟังเคลิ้มๆ เหมือนอวยแต่เด๋วๆ

เรื่องลาออกอาจจะไม่เกี่ยวโดยตรงครับ แต่เรื่องถอนตัว ESL นี่คือมีผลมากแน่นอนครับ