สถิติชี้ชัดประสิทธิภาพในการทำประตูของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ย่ำแย่น่าใจหาย เมื่อพวกเขาสร้างโอกาสลั่นไกได้มากมายเป็นอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก แต่กลับผันเป็นสกอร์ได้น้อยมาก อยู่ต่ำถึงอันดับ 10 เมื่อยิงได้ 47 ประตูจากความพยายาม 406 ครั้ง

ลิเวอร์พูล มีฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำเมื่อพวกเขาเพิ่งทำสถิติแพ้คารัง 5 นัดติดต่อกันเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ หลังปราชัยต่อเชลซี 1-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ปัญหาหลักๆนอกจาก เกมรับที่ขาดเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักที่พาเหรดกันหมุนเวียนบาดเจ็บจนขาดความต่อเนื่อง ฟอร์มเกมรุกที่เคยดุดันก็ตกต่ำลงอย่างน่าใจหายในซีซั่นนี้

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังหงส์แดง ในฐานะกูรูลูกหนังคนดังของสกาย สปอร์ตส์ ก็เคยพูดถึงปัญหาตรงจุดนี้ไว้ว่าทีมเก่าของเขาดูไม่เหมือนทีมที่จะทำประตูจากคู่แข่งได้เลย

"พวกเขาทำประตูไม่ได้, พวกเขาดูไม่เหมือนทีมที่จะยิงประตูได้เลย แม้จะผ่านไป 20 นาที คุณก็ยังไม่รู้สึกว่าลิเวอร์พูลจะยิงได้ มันให้ความรู้สึกว่า คงต้องรอให้เชลซีพลาดหนักๆซะก่อนถึงจะยิงได้" คาร์ราเกอร์ กล่าวไว้หลังเกมแพ้เชลซี



สถิติที่ถูกเปิดเผยออกมา ลิเวอร์พูลของเยอร์เก้น คลอปป์ ยังเป็นทีมที่สร้างโอกาสจบสกอร์ยังเยอะอยู่ เมื่อพวกเขาอยู่อันดับ 2 เป็นรองแค่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้น

ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสยิงได้มากถึง 406 ครั้ง จาก 27 นัด น้อยกว่าทีมเรือใบแค่ 12 ครั้ง เฉลี่ยได้ยิงต่อเกมอยู่ที่ 15 ครั้ง

ย้อนกลับไปดูซีซั่น 2018-19 ปีที่พวกเขาพลาดแชมป์ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แค่คะแนนเดียว ปีนั้นก็ทำสถิติยิงเฉลี่ยไว้ที่ 15.1 ครั้งต่อเกม ขณะที่ปีที่แล้วที่พวกเขาได้แชมป์ ทำสถิติเอาไว้ที่เฉลี่ย 15.6 ครั้งต่อเกม

ด้านคู่แข่งแย่งท็อป 4 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้, เวสต์แฮม และสเปอร์ส สร้างโอกาสยิงเอาไว้ที่อันดับ 4, 6, 8, 10 และ 13 ตามลำดับ



อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล กลับผันโอกาสยิงของตนเองที่มีมากมายให้กลายเป็นสกอร์ได้น้อยอยู่อันดับอยู่ต่ำถึงที่ 10 คิดเป็น 11.6 เปอร์เซนต์

ขณะที่เมื่อ 2 ซีซั่นก่อน พวกเขาทำไว้สูงถึง 15.5 เปอร์เซนต์ และปีที่ได้แชมป์อยู่ที่ 14.4 เปอร์เซนต์

รวมแล้ว ลิเวอร์พูล ทำไปได้ 47 ประตูจากโอกาสยิงทั้งหมด 406 ครั้ง มีเพียงเชลซีทีมเดียวที่ทำได้แย่กว่า

ส่วนทีมที่ผันโอกาสยิงมาเป็นสกอร์ได้ดีที่สุดคือ เอฟเวอร์ตัน เมื่อมีโอกาสอยู่ที่ 252 ครั้ง ทำได้ 39 ประตู (15.5 เปอร์เซนต์) โดยมีสเปอร์ส เป็นอันดับ 2 อยู่ที่โอกาส 293 ครั้ง ทำได้ 42 ประตู (14.3 เปอร์เซนต์), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 3 สร้างโอกาสยิงได้ 381 ครั้ง ทำได้ 53 ประตู (13.9 เปอร์เซนต์)

ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่อันดับ 5 โอกาสยิง 418 ครั้ง ทำได้ 56 ประตู คิดเป็น 13.4 เปอร์เซนต์

สเปอร์ของจ่ามู ไม่แปลกใจเลย เจอทีมเล็กยังจะเล่นรับรอสวน

ถ้าของจริงต้องฟื้นให้เร็ว น้ำรั่วต้องรีบอุด.

เข้าอ่านไม่แปลกใจทำไมเจอเชลซีอยุ่อันดับตับเตี้ยเรี่ยดินที่สุดของกลุ่มจะไปลุ้นเเชมป์ๆหน้าสากกระเบือจริงๆ ฮาลันด์มาช่วยที

บอสหล่อเช่นเคยครับ

คืออาการบาดเจ็บก็เล่นงานแล้วดันมาเจออาการฟอร์มตกด้วยไง 555 จะเอาอะไรมาอุดก็ไม่อยู่แล้วตอนนี้ เจ็บคือเจ็บแบบไปยาวเลยตัวสำคัญๆ

3 กองหน้ามีส่วนผิดเต็มๆที่พากันตีนฝืด โดนเฉพาะ ฟีโน่ กับ มาเน่

JK ก็มีส่วนผิดเต็มๆในเรื่องการเปลี่ยนตัว โดยเฉพาะการเปลี่ยน โจนส์ ออก
ทั้งๆที่ ตอนนี้มีอิมแพคกับเกมที่สุด สามารถเลี้ยงได้ คิลเลอร์พาสพอมี

เอาโจนส์ออกแล้วไม่เท่าไหร่ ส่งอ็อกลงมาเพื่อ? ส่งมิลเนอร์ลงมาเพื่อ?
ทั้งๆที่ควรส่งแช็คไม่ก็เกอิต้าลงมามากกว่า เพราะ เลี้ยงได้ คิลเลอร์พาสมี

ลูกเตะมุม ตอนนี้ไม่ควรเปิดเข้าไปอย่างยิ่ง จำเป็นต้องเล่นสั้นก่อน
ไอคนที่สูงๆ โหม่งได้ โน่นเจ็บอยู่ข้างสนาม เปิดเข้าไปเพื่ออะไร?

อีกคนที่ฟอร์มตก คือ ร็อบโบ้ เปิดไม่เข้าเป้าเลย แต่ก็ยังเปิดอยู่นั่นแหละ
อีกอย่าง คือ แกเคยซ้อมยิงบ้างป่าว หรือ วิ่งตัดหลังคู่แข่งบ้างป่าวเนี่ย

ก่อนหน้านี้ ตอนโชต้ายังไม่หายเจ็บ เป็นผมเอาฟีโน่ออก แล้วยอมเสี่ยงให้โอกาสโอริกี้บ้าง
แต่ตอนนี้โชต้าหายเจ็บแล้ว ต้องลงเป็นตัวจริงแล้วแหละ ให้ฟีโน่พักก่อน

Money ball แก้โดยด่วน โจต้า ช่วยหน่อยยย

ฟีมิร์โน่จังหวะยิงประตูยังกับคนขาเปลี้ย

จุ๋มจิ๋มจิ๋มป๋องมากช่วงนี้

ซื้อเคนเลย จบๆไป

กวาดตาลงมาดู ไอ้ชิหัยยยย แมนยูตรูก็ปัญหาเดียวกัน

อ่อนทั่วทุกช็อต

ยิงทิ้งขว้างไปเยอะเลย

นี่ละปัญหา

ต่อให่หลังกากยังไงถ้าหน้ามันยิงบ้างคงไม่แพ้เยอะขนาดนี้